All New Honda Accord ใหม่หมดสปอร์ตซาลูน หรูแรงในคันเดียว เริ่มต้นไม่เกิน 1.5 ล้านบาท
- โดย : Autodeft
- 19 มี.ค. 62 00:00
- 17,448 อ่าน
ในที่สุด ฮอนด้า เปิดตัวซาลูนใหญ่เจเนอเรชั่นที่ 10 อย่างเป็นทางการในไทย หลังจากได้ชมโฉมเรียกน้ำย่อยกันไปตั้งแต่ปีกลายกับ All New Honda Accord อีกขั้นแห่งยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดาน ที่พาคุณก้าวข้ามข้อจำกัด ด้วยการท้าทายความเชื่อและขอบเขตเดิมๆ สู่โลกบทใหม่แห่งยนตรกรรม
All New Honda Accord เจเนอเรชั่นที่ 10 ทันสมัย โดดเด่นภาพลักษณ์ความสปอร์ตพรีเมียม ภายใต้แนวคิดหลัก “Absolute Confidence” ตั้งแต่กระจังหน้าดีไซน์คล้ายปีกนกแนวยาวสอดรับกับไฟหน้า LED ดีไซน์สุดเฉียบพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) แบบ LED กันชนหน้ารูปตัว U พร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED สปอร์ตเท่ด้วยล้ออัลลอยเลือกได้ 17 นิ้วพร้อมยาง 225/50R17 ในรุ่น Turbo และขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/45R18 ในรุ่น Hybrid ด้านหลังดีไซน์ฝากระโปรงท้ายพร้อมสปอยเลอร์ Built-In ในตัว กับไฟท้ายรูปตัว C แบบ LED มิติตัวรถใหญ่กว่ารุ่นเดิมอย่างชัดเจนตั้งแต่ความยาว 4,893 มม. ความกว้าง 1,862 มม. ความสูง 1,449 มม. ระยะฐานล้อ 2,830 มม.
ออพชั่นภายในหรูสง่าด้วยคอนโซลหน้าออกแบบใช้งานง่าย พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน ใช้งานสะดวกขึ้น พร้อมมาตรวัดเรืองแสง TFT ขนาดใหญ่ 7 นิ้ว บันเทิงได้ทุกเส้นทางด้วยเครื่องเสียงที่คราวนี้หันมาใช้แค่จอสัมผัสขนาดใหญ่ 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI เอาใจสาวก Smartphone กับอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) ครั้งแรกกับจอแสดงผลเหนือคอนโซล (Head Up Display : HUD) ขนาด 6 นิ้ว เบาะนั่งทรงสปอร์ตปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้าและเบาะนั่งหลัง ออกแบบที่รองขาให้ยาวขึ้น โอโถงสบายทุกการเดินทางพร้อมสีภายในห้องโดยสาร 3 สี ได้แก่ สีไอวอรี่เบจ สีดำ และสีน้ำตาล (เฉพาะรุ่น HYBRID TECH) ซึ่งขึ้นอยู่กับสีตัวรถภายนอก ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Engine Remote Start) ภายในห้องโดยสารไปอีกขั้น เพื่อมอบสุนทรียภาพในทุกการเดินทางอย่างเหนือระดับยิ่งขึ้น
2 ขุมพลังที่จะทำตลาดในเมืองไทยเริ่มที่ เครื่องยนต์เบนซิน Di VTEC TURBO 1.5 ลิตร 190แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิด 243 นิวตันเมตรที่ 1,500-5,000 รอบ/นาที พร้อมเทคโนโลยีไดเรคอินเจคชัน (Direct Injection) ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง และเทอร์โบชาร์จเจอร์ (Turbocharger) ที่ช่วยอัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้เครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็ว จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ ให้สมรรถนะการขับขี่มากกว่าเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร และให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ 16.4 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งมากกว่าเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตรในรุ่นเดิม โดยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรองรับน้ำมัน E85 ได้อีกด้วย
เครื่องยนต์เบนซิน I-VTEC 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC ที่มาพร้อมระบบ Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) ให้กำลังสูงสุด 145 แรงม้าที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิด 175 นิวตันเมตรที่ 3,500 รอบ/นาที ในภาคเครื่องยนต์ ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง 2 ตัว ให้กำลัง 184 แรงม้าที่ 5,000-6,000 รอบ/นาที แรงบิด 315 นิวตันเมตรที่ 0-2,000 รอบ/นาที และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ให้กำลังสูงสุดทั้งระบบได้ถึง 215 แรงม้า พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) ขับขี่ได้อย่างอัจฉริยะ พร้อมโหมดการขับขี่เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสอารมณ์การขับขี่ในสไตล์สปอร์ตที่สนุกสนานเร้าใจ ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า EV Drive Mode โหมดการขับขี่ด้วยระบบ Hybrid Drive Mode และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ Engine Drive Mode และยังมาพร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต Sport Drive Mode สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายเพียงกดปุ่ม Sport ที่อยู่บริเวณคันเกียร์ โดยระบบ Sport Hybrid i-MMD ใหม่ เป็นระบบ Full Hybrid ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 24.4 กิโลเมตร/ลิตรและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 97 กรัม/กิโลเมตร
มาตรฐานด้านความปลอดภัยก็เป็นสิ่งสำคัญของ Honda เหนือชั้นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ทั้ง
- ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คัน- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
พร้อมด้วยระบบความปลอดภัยอันล้ำสมัย อาทิ ระบบเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor: CTM) ด้วยเสียงและสัญลักษณ์เตือนบนหน้าจอ เมื่อมีรถยนต์คันอื่นขับสวนเข้ามาทางด้านซ้ายหรือขวาขณะรถถอย ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-View Camera System: MVCS) จะทำงานผ่านกล้องที่ติดตั้ง 4 จุดรอบคัน (ด้านหน้า หลัง ซ้าย และขวา) สามารถแสดงภาพได้ครบทุกมุมมอง รวมถึงภาพจำลองจากมุมสูงเพื่อให้เห็นทุกทิศทางรอบคัน ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการมองเห็นได้อย่างชัดเจน ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ พร้อมระบบช่วยเบรก (Honda Smart Parking Assist System) ระบบจะช่วยควบคุมพวงมาลัยอัตโนมัติ โดยเพียงแค่เดินหน้าหรือถอยหลังไปตามคำแนะนำ และตามตำแหน่งบนหน้าจอ ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่ทั้งการจอดรถแนวขนานและการถอยหลังเข้าจอดได้อย่างง่ายดาย
All New Honda Accord มีสีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีใหม่ สีขาวแพลทินัม (มุก) สีดำคริสตัล (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) พร้อมจำหน่ายเพียง 3 รุ่นย่อย จะประกาศราคาอย่างเป็นทางการพร้อมขายจริง พฤษภาคมนี้
- รุ่น HYBRID TECH ราคาไม่เกิน 1,800,000 บาท
- รุ่น HYBRID ราคาไม่เกิน 1,650,000 บาท
- รุ่น TURBO EL ราคาไม่เกิน 1,500,000 บาท
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com