Test Drive: รีวิว ทดลองขับ Honda Accord Hybrid ใหม่ แรงดีต่อเนื่อง อัดแน่นระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ

ในปี 2019 นี้ นับเป็นปีที่รถยนต์ซีดานหรูจากค่ายฮอนด้าอีกรุ่นที่ได้เดินทางผ่านระยะเวลาจนมาถึงเจเนอเรชั่นที่ 10 กับรถใหม่ Honda Accord ที่นอกจากจะนำเสนอพิกัดเครื่องยนต์ใหม่ 1.5 ลิตรเทอร์โบ แล้ว ยังมาพร้อมกับอีกตัวเลือกขุมกำลังรุ่นบนด้วยเครื่องยนต์ไฮบริดที่ผสานกำลังการขับเคลื่อนทั้งจากมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์เบนซินเข้าไว้ด้วยกัน รวมไปถึงการอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยและตัวช่วยในการขับขี่ที่สะดว

หลังจากเปิดตัวไปตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนมีนาคมปีนี้ และทางทีมงานได้ทดสอบกับ Honda Accord Turbo EL ขุมพลังเทอร์โบกันไปแล้ว (คลิกดูรีวิวการทดสอบ Honda Accord Turbo EL) ล่าสุดทีมงานก็ได้โอกาสอันดีจากทาง ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จํากัด เชิญทีมงาน Autodeft.com ร่วมสัมผัสรถยนต์ Honda Accord Hybrid ใหม่ กับเส้นทางทางภาคใต้ที่จังหวัดกระบี่-พังงา โดยเส้นทางจะเป็นการวิ่งทั้งถนนเส้นหลักเพชรเกษม ถนนเลนสวนทางรอง และยังมีโค้งกว้างที่สามารถให้ลองใช้ความเร็วในการเข้าโค้งได้ รวมไปถึงโค้งแคบเลนสวนให้ได้ลองทดสอบขับขี่กันในครั้งนี้ เป็นระยะทางประมาณ 153 กิโลเมตร ที่แม้จะเป็นเพียงช่วงระยะทางไม่ยาวนัก แต่ก็พอให้ได้รับรู้ถึงการตอบสนอง ความรู้สึกในการขับขี่ และการนั่งโดยสารอยู่บ้าง

แรกเห็น ส่วนของดีไซน์ภายนอกแน่นอนว่ารถใหม่ Honda Accord Hybrid นี้ นับเป็นเจเนอเรชั่นที่ 10 ที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงโฉมไปอย่างชัดเจน ภาพรวมของตัวรถดูภูมิฐานและใหญ่โตขึ้นอย่างสังเกตได้ การออกแบบมีการเน้นที่ความหรูหราและความสปอร์ตเข้ามาไว้ด้วยกัน ด้านหน้าตัวรถโดดเด่นด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่แบบโครเมียม ที่มีแนวกระจังเชื่อมต่อกันกับโคมไฟหน้าที่เป็นแบบ LED ด้านหน้าถัดลงมาจากส่วนของกระจังหน้าเองมีการเลือกใช้สีดำเพิ่มลุคสปอร์ตให้กับตัวรถได้อย่างดี ส่วนของไฟตัดหมอกเองก็เป็นแบบ LED ด้านท้ายของตัวรถไฟท้ายก็เป็นแบบ LED ด้วยเช่นกัน โดยมีจุดที่แตกต่างก็คือสปอยเลอร์หลังขนาดเล็กที่เราอาจเรียกว่าตูดเป็ดอยู่บนฝากระโปรงท้าย อันเป็นหนึ่งความต่างของรุ่น HYBRID TECH รุ่นท็อปสุด และยังโดดเด่นด้วยล้อขนาดใหญ่ถึง 18 นิ้ว ที่รัดด้วยยาง 235/45 R18 แก้มบางสไตล์สปอร์ตเลยทีเดียว หล่อกว่าด้วยซันรูฟพร้อมระบบ One-touch (เฉพาะรุ่น HYBRID TECH) มีตัวเลขมิติตัวรถอยู่ที่ ยาว 4,893 มม. กว้าง 1,862 มม. สูง 1,449 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,830 มม.

หลังจากชมความหรูหรามาดสปอร์ตกันไปแล้ว ก็ได้เวลาหยิบกุญแจพร้อมสตาร์ทรถสัมผัสความเงียบและหรูหราใหม่ด้วยขุมกำลังไฮบริด ซึ่ง Honda Accord Hybrid ใหม่ นี้มากับเครื่องยนต์เบนซิน I-VTEC 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC ที่มาพร้อมระบบ Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) ปรับปรุงและพัฒนาใหม่ให้ดีขึ้น โดยเครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุด 145 แรงม้า ที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิด 175 นิวตันเมตร ที่ 3,500 รอบ/นาที ผสานพลังกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลัง 184 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รอบ/นาที แรงบิด 315 นิวตันเมตร ที่ 0-2,000 รอบ/นาที ที่เรียกได้ว่าพร้อมส่งกำลังแรงบิดกันตั้งแต่ออกตัว รวมแล้วสามารถรีดกำลังได้ 215 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และติดตั้งแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออนไว้ที่บริเวณใต้เบาะแถวหลังที่มีขนาดเล็กลงกว่ารุ่นก่อนและยังคงความจุเท่าเดิม นั้นหมายถึงว่าพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านหลังเท่ากันกับรุ่นเทอร์โบ ไม่ได้น้อยกว่าแต่อย่างใด 

เริ่มออกตัว การเดินคันเร่งนั้นความรู้สึกเหมือนกับการขับขี่รถเครื่องยนต์เบนซินปกติ แต่กลับให้ความรู้สึกที่สุขุมที่เพียงแต่เติมคันเร่งเบาๆ ตัวรถก็พร้อมที่จะเคลื่อนไปอย่างทันใจ หรือแม้ในจังหวะที่เติมคันเร่งลึกลงไป ตัวรถเองก็พุ่งทะยานและดึงความเร็วไต่ระดับขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่าช่วงความเร็ว 0-100 กม./ชม. แรกนี้นั้นให้การตอบสนองที่ดีไม่น้อยกับตัวรถที่ค่อนข้างใหญ่แบบนี้ และในบางจังหวะของการขับทดสอบครั้งนี้มีช่วงให้ได้ลองกดคันเร่งเพื่อแซงแบบกะทันหันอยู่บ้าง การตอบสนองในการแซงรถคันหน้าแบบเลนสวนสามารถทำได้อย่างมั่นใจมากเลยทีเดียว ไม่มีอาการสะดุดหรือต้องลุ้นเมื่อกดคันเร่งแบบเต็มทีเพื่อต้องการจะแซงแบบทันทีทันใด แต่ก็จะไม่ได้ถึงกับมีแรงดึงแบบกระชากรุนแรง ซึ่งมองในเรื่องของการโดยสารของผู้โดยสารแล้วนั้นสามารถนั่งเดินทางได้แบบสบายๆ ในขณะที่ผู้ขับกำลังซิ่งอยู่นั้นเอง 

ทั้งนี้ Honda Accord Hybrid ใหม่ ได้มีการแบ่งโหมดการขับขี่ของระบบไฮบริดออกมาได้ดังนี้

โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) หรือเข้าใจง่ายๆ เลยก็คือการใช้ไฟฟ้าล้วนนั้นเอง
การทำงานมอเตอร์จะขับเคลื่อนล้อด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ และในขณะลดความเร็วจะเปลี่ยนพลังงานที่เกิดจากการลดความเร็วให้กลับเป็นพลังงานไฟฟ้า และชาร์จไฟกลับไปยังแบตเตอรี่ ซึ่งในระบบนี้จะให้สมรรถนะการขับขี่แบบรถไฟฟ้าที่พร้อมตอบสนองทันที และยังให้ความเงียบ เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่ในเมือง โดยแบตเตอรี่ที่ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น ช่วยให้สามารถขับขี่ในโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) ได้ไกลขึ้นและทำความเร็วได้สูงสุดถึง 130 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ซึ่งผู้ขับขี่สามารถกดสวิตช์ควบคุมโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Mode) เพื่อเข้าสู่โหมดการขับขี่ที่ใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน โดยจะมีสัญลักษณ์ EV สีเขียวปรากฏขึ้นบนแผงหน้าปัด ให้การขับขี่ที่ประหยัดน้ำมันและเงียบสนิท ซึ่งระบบจะทำงานและตัดเข้าสู่การทำงานในโหมดอื่นตามสภาพการขับขี่ที่เปลี่ยนไปโดยอัตโนมัติ

โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) 
เป็นระบบขับเคลื่อนที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่เกิดจากเครื่องยนต์และพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ผสานกำลังในการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้เกิดแรงบิดสูงสุดอย่างรวดเร็ว และมีอัตราเร่งที่ตอบสนองทันใจ และในขณะลดความเร็ว เครื่องยนต์จะหยุดทำงานและชาร์จไฟกลับอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่ในขณะเร่งความเร็วที่ให้อัตราเร่งที่นุ่มนวลและทรงพลัง

โหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) 
พลังขับเคลื่อนจะมาจากเครื่องยนต์ โดยชุดล็อกอัพคลัตช์ที่อยู่ในเกียร์ E-CVT จะเชื่อมต่อเครื่องยนต์และส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังล้อโดยตรง ซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงและมีแรงเสียดทานต่ำ เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงคงที่

อาจดูแล้วงงๆ กับโหมดการขับขี่ต่างๆ ซึ่งในขณะการขับขี่ใช้งานจริงแล้ว ระบบจะเป็นผู้เลือกโหมดต่างๆ ให้แบบอัตโนมัติ ผู้ขับขี่จึงไม่ต้องกังวลกับการเลือกใช้โหมดในการขับขี่ใดๆ จะมีเพียงแต่หากต้องการการตอบสนองในแบบสปอร์ตแล้ว ก็สามารถที่จะกดโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Drive Mode) เพิ่มเติมได้ โดยที่หน้าปัดของรถจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อเข้าสู่โหมดการขับขี่นี้ และแน่นอนว่าการตอบสนองตั้งแต่การเดินคันเร่งที่ระดับต่างๆ นั้น มีความเร้าใจมากยิ่งขึ้นแบบรู้สึกได้ ทั้งนี้หากใครที่ต้องการเน้นเรื่องความประหยัดที่มากกว่าในโหมดปกติก็สามารถเลือกเปิด ECON Mode กันได้ 

และเมื่อพูดถึงในส่วนของช่วงล่างการตอบสนองของ Honda Accord Hybrid ใหม่ ที่มีน้ำหนักแบตเตอรี่เข้ามาอยู่ที่ส่วนของบริเวณใต้เบาะหลัง การขับขี่ในภาพรวมช่วงล่างให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างนุ่มนวลมากกว่าหนึบแน่น น้ำหนักของพวงมาลัยที่เบาในช่วงความเร็วต่ำ และหนืดขึ้นเมื่อความเร็วเพิ่มสูงขึ้น และมีระยะฟรีเล็กๆ ในช่วงใช้ความเร็วเดินทาง ทำให้ไม่รู้สึกเพลียกับการต้องคอยประคองพวงมาลัยอยู่ตลอดเวลา การเบรกเพื่อชะลอรถหรือการหยุดรถในแต่ละครั้งน้ำหนักในการเหยียบแป้นเบรกให้ความรู้สึกที่นุ่มติดเท้า สามารถกะระยการเบรกได้แบบเนียนๆ ในสถานการณ์ที่ต้องการเบรกเพื่อหยุดรถหรือการชะลอความเร็วลงกะทันหัน

ในส่วนของตำแหน่งท่านั่งขับขี่ต้องบอกเลยว่าตัวเบาะถูกออกแบบมาให้มีตำแหน่งที่เตี้ยลงกว่าเดิม ใครที่ชอบนั่งและปรับเบาะต่ำสุดน่าจะชื่นชอบกันไม่น้อย ตัวเบาะเองก็ออกแบบมานั่งได้อย่างสบายโอบกระชับกำลังดี โดยเบาะนั่งด้านคนขับสามารถปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลัง 4 ทิศทาง มาพร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง และยังเลื่อนอัตโนมัติเวลาขึ้น-ลงรถ ที่ด้านข้างเบาะผู้โดยสารก็ได้ติดตั้งปุ่มปรับเบาะไฟฟ้าข้างพนักพิงเบาะมาไว้เพิ่มเติมอีกด้วย 

การออกแบบดีไซน์ภายในมีหน้าจอกลางเด่นขึ้นมาขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ  Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri ที่จากการได้ลองใช้งานจริงแล้วลื่นไหลดีเลยทีเดยว รวมไปถึงการใช้งานแผนที่การค้นหาก็สามารถทำได้ดีขึ้นกว่าที่เคยมีมา ส่วนของหน้าปัดเองก็มีมาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่ม รับ-วางสายโทรศัพท์ รองรับระบบ สั่งการด้วยเสียง Siri (รุ่น TURBO EL) พร้อมปุ่มควบคุมระบบการทำงานที่อยู่ใน Honda SENSING ได้แก่ ACC with LSF และ LKAS (รุ่น HYBRID) หรือพร้อมปุ่มควบคุมระบบการทำงานที่อยู่ใน Honda SENSING ได้แก่ ACC with LSF, LKAS และ HUD (รุ่น HYBRID TECH) ซึ่งด้านหลังพวงมาลัยเองอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาว่ามันคือแป้นเปลี่ยนเกียร์ หรือ Paddle Shift แต่มันคือตัวปรับระดับในการชะลอความเร็วของรถที่สามารถเลือกระดับได้ ไม่ใช่แป้นในการเปลี่ยนเกียร์แต่อย่างใด

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา พร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) (รุ่น HYBRID และ รุ่น HYBRID TECH) ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start) ด้วยการสตาร์ทเครื่องยนต์และสั่งการเปิดเครื่องปรับอากาศได้จากระยะไกล ระบบควบคุมประตูอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) และระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control System) ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง (ในทุกรุ่น) และด้านหลัง 2 ตำแหน่ง (รุ่น HYBRID และ รุ่น HYBRID TECH)

ด้านระบบความปลอดภัยนับเป็นอีกไฮไลท์เด่นเลยก็ว่าได้ของ Honda Accord Hybrid ใหม่ ที่ได้ถูกเรียกว่า Honda SENSING เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ที่ได้ใช้การทำงานของเรดาร์และกล้องด้านหน้า ในการตรวจจับสภาวะแวดล้อมบนท้องถนน ช่วยแจ้งเตือนผู้ขับขี่และช่วยควบคุมรถในสถานการณ์การขับขี่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ขับขี่ และเพื่อนร่วมทางบนท้องถนน ประกอบไปด้วย

ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) เป็นระบบที่ช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วของรถเมื่อมีรถคันข้างหน้า รถสวนทาง หรือคนเดินถนนอยู่ในระยะที่ไม่ปลอดภัย โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง รวมถึงมีการสั่นเตือนของพวงมาลัยในกรณีที่มีรถสวนทาง ซึ่งหากผู้ขับขี่ยังไม่ตอบสนองหรือในกรณีที่อยู่ในระยะที่เสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกให้อัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)  เป็นระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยมีกล้องและเรดาร์ตรวจจับรถคันหน้า เพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม และในการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ ระบบจะช่วยปรับความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า รวมถึงเบรกและหยุดตามรถคันหน้าอัตโนมัติ ระบบจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่มที่พวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) กล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ ซึ่งระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัย เพื่อช่วยผู้ขับขี่ควบคุมรถให้อยู่ภายในช่องทางปกติ และลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับจากการขับขี่

ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW) เป็นระบบที่ใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย  และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัยเพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทาง หากรถยังคงเบี่ยงออกนอกช่องทางจนอาจเกิดอุบัติเหตุ ระบบเบรกจะทำงานเพื่อชะลอความเร็ว (ในกรณีเส้นแบ่งถนนเป็นเส้นทึบ) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) เป็นระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติด้วยกล้อง โดยจะปรับเป็นไฟสูงเมื่อขับขี่ในที่มืด และจะปรับเป็นไฟต่ำเมื่อตรวจจับได้ว่ามีรถสวนทางหรือมีรถยนต์ด้านหน้า

อีกทั้งการทดสอบในครั้งนี้ทีมงานยังได้ลองใช้ตัวช่วยในการเข้าจอดรถของ Honda Accord Hybrid ใหม่ ที่มีชื่อว่า ระบบช่วยจอดอัจฉริยะพร้อมระบบช่วยเบรก (Honda Smart Parking Assist System) โดยระบบจะช่วยควบคุมพวงมาลัยอัตโนมัติ ซึ่งผู้ขับขี่เพียงแค่ควบคุมเกียร์เดินหน้าหรือถอยหลังตามคำแนะนำบนหน้าจอกลาง และเคลื่อนไปตามตำแหน่งที่ระบุบนหน้าจอ ระบบก็จะช่วยอำนวยความสะดวกให้การจอดรถทั้งแนวขนานและการถอยหลังเข้าจอด ซึ่งมีเฉพาะในรุ่น HYBRID TECH เท่านั้น นับเป็นอีกหนึ่งระบบที่ช่วยขับขี่ให้กับใครที่อาจจะกะระยะในการถอยจอดได้ไม่มั่นใจ ระบบนี้ก็ได้เข้ามาช่วยให้ถอยจอดได้ง่ายขึ้น แต่สำหรับใครที่ขับขี่ได้คล่องอยู่แล้วก็อาจจะไม่ค่อยได้ใช้งานระบบนี้กันเท่าใดนัก เนื่องจากในการถอยเข้าช่องจอดแต่ละครั้ง ตัวระบบเองถูกตั้งค่ามาให้ถอยได้อย่างปลอดภัยมากที่สุดและจะมีการขยับเดินหน้าอีกครั้งหลังจากการถอยครั้งแรก เพื่อปรับมุมองศาของรถเพื่อให้การถอยจอดปลอดภัย ซึ่งในสถานการณ์จริงที่เราสามารถถอยจอดเข้าช่องในครั้งเดียวโดยไม่ต้องขยับเดินหน้าก็ช่วยประหยัดเวลาได้เยอะกว่าการใช้งานระบบนี้ 

นอกจากระบบความปลอดภัยเหล่านี้ Honda Accord Hybrid ใหม่ ก็ยังติดตั้งระบบความปลอดภัยอื่นๆ มาให้มากมายทั้ง ระบบเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor: CTM) ด้วยเสียงและสัญลักษณ์เตือนบนหน้าจอ เมื่อมีรถยนต์คันอื่นขับสวนเข้ามาทางด้านซ้ายหรือขวาขณะรถถอย ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-View Camera System: MVCS) จะทำงานผ่านกล้องที่ติดตั้ง 4 จุดรอบคัน (ด้านหน้า หลัง ซ้าย และขวา) สามารถแสดงภาพได้ครบทุกมุมมอง รวมถึงภาพจำลองจากมุมสูง เป็นต้น 

อาจเป็นช่วงเวลาไม่นานที่ได้สัมผัสกับ Honda Accord Hybrid ใหม่ครั้งแรก ที่ยังต้องการเวลาในการทดสอบในส่วนของอัตราการบริโภคเชื่อเพลิงว่าในแต่ละรูปแบบการใช้งานในเมืองนอกเมืองนั้น ตัวเลขจะอยู่ที่เท่าใด รวมไปถึงการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันนั้น จะสามารถตอบโจทย์ได้มากน้อยเพียงใดในเรื่องของความคุ้มค่าที่จะต้องจ่ายมากกว่าในรุ่น Hybrid ซึ่งในโอกาสหน้าทางทีมงานจะได้นำ Honda Accord Hybrid ใหม่ กลับมาทดสอบกันแบบเต็มๆ อีกครั้ง เพื่อดูกันว่าตัวเลขความประหยัดการใช้งานในแต่ละรูปแบบจะออกมาที่เท่าไหร่ ซึ่งในส่วนของการขับขี่ใช้งานทั่วไปนั้นต้องขอบอกเลยว่า Honda Accord Hybrid ใหม่ เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับใครที่มองหาความหรูหรา อัดแน่นด้วยอุปกรณ์และระบบความปลอดภัยล้ำสมัยที่ติดตั้งมาให้อย่างครบครัน กับงบประมาณไม่เกินสองล้าน ในรุ่น HYBRID TECH ราคา 1,799,000 บาท และรุ่น HYBRID ราคา 1,639,000 บาท ที่ในวันนี้นั้นมีลูกค้าให้ความสนใจในรุ่นไฮบริดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และอาจมากไปถึง 3 ใน 4 ของยอดขายทั้งหมดของ Honda Accord ใหม่ก็เป็นได้ และอย่าลืมที่จะไปสัมผัสและทดลองขับกันด้วยตัวคุณเอง เพราะคุณเท่านั้นที่จะรู้ว่าต้องการอะไร...

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com