ยลโฉมรถใหม่ !! BMW-MINI ขนทัพรถหรูรุ่นล่า บุกงาน Motor Show 2017
- โดย : Autodeft
- 28 มี.ค. 60 00:00
- 21,229 อ่าน
นับเป็นปีทองที่ BMW Group ประเทศไทย ขนทัพรถรุ่นล่าสุด มุ่งสู่งาน Bangkok International Motor Show 2017 มากมายหลายรุ่น เพื่อตอบโจทย์เศรษฐีเงินหนา ได้เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น เริ่มจาก
BMW 740Le xDrive Pure Excellence พี่ใหญ่รักษ์โลกด้วยพลัง Plug-In Hybridด้วยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี BMW eDrive พร้อมโครงสร้าง Carbon Core และแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงดันสูง ผสานด้วยเทคโนโลยีเฉพาะ BMW TwinPower Turbo ขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า ให้สุนทรียะแห่งการขับขี่เหนือระดับ และความหรูหราสะดวกสบาย
ในการขับขี่ระยะไกล นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence ใหม่ ยังสามารถนำเทคโนโลยี Efficient Dynamics มารวมเข้ากับยนตรกรรมได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุดพร้อมให้กำลังสูงสุดที่ 258 แรงม้า ด้วยเทคโนโลยี BMW TwinPower นับเป็นขุมพลัง 4 สูบที่ทรงพลังที่สุด ระบบการขับขี่ไฟฟ้ามอบกำลังเพิ่มเติมสูงสุดอีก 113 แรงม้า พร้อมตอบสนองในเสี้ยววินาที โดยเมื่อใช้งานร่วมกัน เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าชุดนี้จะมอบกำลังสูงถึง 326 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร
ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรภายใน 5.3 วินาที โดยมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 45.5 กิโลเมตรต่อลิตร อัตราการปล่อย CO2 ที่ 49 กรัมต่อกิโลเมตร ในขณะที่อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่ระหว่าง 13.9 - 13.2 กิโลวัตต์ ต่อ 100 กิโลเมตร
ยิ่งไปกว่านั้น มอเตอร์ไฟฟ้ายังรับหน้าที่ส่งพลังด้วยการสำรองพลังงานขณะแตะเบรก หรือด้วยการเพิ่มค่าภาระเครื่องยนต์ตามระบบ Hybrid ที่เลือกใช้ จากนั้นจึงดึงพลังเข้าสู่แบตเตอรี่แรงดันสูง และเมื่อขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้า โดยสมารถขับในระยะทางสูงสุดได้ถึง 41 กิโลเมตร มอเตอร์ไฟฟ้าถูกนำมารวมเข้ากับระบบเกียร์ 8 สปีด Steptronic อย่างสมบูรณ์ เพื่อตอกย้ำประสิทธิภาพขั้นสูงสุดของการขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้าที่สร้างความปราดเปรียวขณะขับขี่ และการนำพลังงานส่วนเกินกลับมาใช้จากระบบเบรก มาพร้อมราคาที่เย้ายวนใจเพียง 6,699,000 บาท
BMW M760Li xDrive Model V12 Excellence พี่ใหญ่ขาโหดด้วยพลัง M Performance TwinPower Turbo พร้อมเครื่องยนต์ 12 สูบ เครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.6 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 610 แรงม้า ที่ 5,500 ถึง 6,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 800นิวตันเมตรที่ 1,550 ถึง 5,000 รอบต่อนาที ปล่อย CO2 รวมที่ 291 กรัมต่อกิโลเมตร สามารถให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรภายในเวลาเพียง 3.7 วินาที พร้อมให้ความเร็วสูงสุดจากพลังงานไฟฟ้าที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถ่ายโอนพลังงานผ่านระบบเกียร์ 8 สปีด Steptronic Sport ซึ่งถูกปรับแต่งตามคุณลักษณะของเครื่องยนต์ V12 โดยเฉพาะ
ระบบกันสะเทือนนวัตกรรม Executive Drive Pro มอบทั้งความปราดเปรียวอันเฉียบคมและความสะดวกสบายในการขับขี่ที่เหนือกว่า ผสมผสานกับสมรรถนะจากยางรถยนต์ด้วยล้ออัลลอยพิเศษน้ำหนักเบาขนาด 20 นิ้ว เพื่อสร้างความคล่องแคล่วใน การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในคลาสรถยนต์เดียวกันแต่ไม่ส่งผลต่อความสะดวกสบายและประสิทธิภาพในการขับขี่แม้แต่น้อย
ภายในห้องโดยสารตกแต่งอย่างหรูหราด้วยไม้บริเวณพวงมาลัย และตัวอักษร V12 ที่จะปรากฎขึ้นบนหน้าปัดรถเมื่อผู้ขับขี่สตาร์ทเครื่องยนต์ ขอบประตูรถตกแต่งด้วยโลโก้ V12 เรืองแสง สร้างความตื่นตาตื่นใจพร้อมความรื่นรมย์ในการขับขี่ที่จะเกิดขึ้น โดยโลโก้ V12 ยังอวดโฉมอยู่บนคอนโซลและหน้าจอ Touch Command Panel บริเวณที่วางแขนของห้องผู้โดยสารด้านหลัง ในราคาเพียง 12,499,000 บาท
BMW 5 Series โฉมใหม่ นอกจากรูปลักษณ์ใหม่หมดแล้วเด่นด้วย นอกจากน้ำหนักที่เบากว่ารุ่นก่อนถึง 100 กิโลกรัมแล้ว ตัวถัง ยังมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ กระจายน้ำหนักอย่างสมดุล และมีแรงเสียดทานอากาศต่ำที่สุดในรถระดับเดียวกัน จึงทำให้ผสมผสานการขับขี่ที่คล่องตัวเข้ากับความนุ่มสบายสำหรับผู้โดยสารได้อย่างลงตัว
มาพร้อมกับปุ่มควบคุมฟังก์ชั่นอัจฉริยะพร้อมระบบสัมผัส iDrive โทรศัพท์ ระบบความบันเทิง และระบบการทำงานของรถผ่านจอแสดงผลความละเอียดสูง โดยรองรับการควบคุมผ่านทาง iDrive Controller สั่งงานด้วยเสียงหรือท่าทาง หรือสัมผัสที่หน้าจอโดยตรง
โดดเด่นด้วยไฟหน้า LED ที่เป็นเอกลักษณ์ โดยมีระบบปรับการกระจายแสงให้เหมาะสมกับเส้นทางที่ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มแสงสว่างในมุมอับขณะเข้าโค้ง หรือระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติในระยะไกลสุด 500 เมตร ภายในเพิ่มพื้นที่เก็บของและพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสาร นอกจากนี้ เทคโนโลยี SYNTAK (Special Synergy Thermoacoustic Capsule) ยังช่วยเสริมการเก็บเสียงของห้องโดยสารเพื่อความ ผ่อนคลายสูงสุดของผู้โดยสาร
มาพร้อม 2 ขุมพลังแรง ตั้งแต่ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบขนาด 2.0 ลิตร พร้อมมอบกำลังสูงสุด 252 แรงม้า พร้อมแรงบิด 350 นิวตันเมตร และเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบขนาด 2.0 ลิตร ส่งกำลังสูงสุด 190 แรงม้า พร้อมแรงบิด 400 นิวตันเมตร ในราคาเริ่มต้นที่ 3,899,000-4,399,000 บาท
BMW 320d M Performance มาพร้อมกับขุมพลังระดับ 190 แรงม้า ที่ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 27 กิโลเมตรต่อลิตร พร้อมอัตราการปล่อย CO2 เพียง 99 กรัมต่อกิโลเมตร ระบบเกียร์ 8 สปีด Steptronic ใหม่ มีส่วนช่วยลดอัตราการปล่อยก๊าซ CO2 ด้วยประสิทธิภาพอัตราการทดเกียร์ที่กว้างขึ้น พร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic Sport 8 สปีด และก้านเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย
โดดเด่นและเฉียบคมยิ่งขึ้นด้วยชุดแต่ง M กับ front splitter สีดำด้าน กันชนหน้าและหลังติดสติ๊กเกอร์ Giugiaro สร้างความเร้าใจให้กับผู้ขับขี่ด้วยรูปลักษณ์ แบบสปอร์ต ยังมาพร้อมกับกระจังหน้าไตสีดำเงาและฝาครอบรอบกระจกข้างแบบคาร์บอน
ช่องระบายอากาศด้านหลังและสปอยเลอร์หลังมาในสีดำด้าน พร้อมกรอบประตูสีดำด้านที่ติดตราประทับ 'M Performance' ขณะที่ฉายแสง LED ด้วยโลโก้บีเอ็มดับเบิลยูบริเวณประตู สร้างประสบการณ์อันเหนือชั้นให้แก่ผู้ขับขี่ก่อนเข้าสู่ตัวรถด้วยชุดกันชนหน้าที่มีช่องระบายอากาศดีไซน์ใหม่ เน้นย้ำถึงความกว้างของตัวรถ เช่นเดียวกับชุดกันชนหลังและ ไฟท้าย LED ที่ช่วยเสริมมาดความสปอร์ตของตัวรถ พร้อมไฟหน้าและไฟตัดหมอก LED เพื่อทัศนวิสัยในการขับขี่ ที่ดียิ่งขึ้น ในราคา 2,499,000 บาท
BMW 320d GT โฉมใหม่ ผสมผสานยนตรกรรมหรูหราแบบซีดานเข้ากับความโฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ตอย่างแท้จริง และยังคงประสิทธิภาพเอนกประสงค์ของรถยนต์ในแนวทัวริ่งไว้อย่างครบถ้วน โดยมาพร้อมประสิทธิภาพและสมรรถนะการขับขี่สูงสุดจาก BMW EfficientDynamics เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ TwinPower Turbo นอกจากนี้ ยังมีเกียร์อัตโนมัติ ระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อจอด ระบบชาร์จไฟอัตโนมัติขณะเบรก และการขับขี่ในโหมด ECO PRO ทำให้มีกำลังแรงมากขึ้นและมีการสูญเสียพลังงานขณะเปลี่ยนเกียร์น้อยลง ส่งผลให้อัตราสิ้นเปลืองพลังงานและอัตราการปล่อย CO2 ลดลงถึง 3 เปอร์เซ็นต์ สร้างมาตรฐานใหม่เรื่องความประหยัดและอัตราการปล่อยของเสีย
มาพร้อมการออกแบบภายนอกที่ดูโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น ด้วยไฟหน้า LED ที่เน้นความสปอร์ตและมาพร้อมระบบปรับการทำงานไฟสูง ไฟตัดหมอก LED ส่วนท้ายรถ ประกอบด้วยไฟท้าย และเส้นลายดีไซน์ที่มีความเฉียบคม ช่วยเพิ่มรูปลักษณ์ความสปอร์ตที่ทรงพลังมากยิ่งขึ้น
ห้องโดยสารภายในได้รับการดีไซน์ให้มีความหรูหรามากยิ่งขึ้น ด้วยรายละเอียดและวัสดุตกแต่งต่างๆ เช่น การใช้สี การตกแต่งด้วยลายไม้ และหนัง พื้นที่ในห้องโดยสารได้รับการออกแบบตามหลักการยศาสตร์ให้เหมาะสมกับทุกรูปแบบการเดินทาง เพื่อมอบความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เบาะที่นั่งทุกตำแหน่งถูกออกแบบให้อยู่ในตำแหน่งสูงขึ้น 59 มิลลิเมตร ช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์ให้ดูกว้างขวางขึ้น ส่วนกระโปรงรถด้านหลัง มีพื้นที่เก็บสัมภาระ 520 – 1,600 ลิตร สามารถรองรับทุกการใช้งาน
BMW 320d GT มีให้เลือกสองรุ่นสองสไตล์ด้วยกัน ได้แก่ รุ่น GT Sport และ รุ่น GT Luxury มาในราคาเดียวกันเพียง 2,999,000 บาท
เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย กับ MINI Country Man เจนสองได้รับการพัฒนาในด้านดีไซน์รูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่นรอบคันตอบสนองการใช้งานพื้นที่ภายในห้องโดยสารด้วยขนาดความยาวที่มากขึ้นกว่ารุ่นเดิมถึง 20 เซนติเมตร ความกว้างที่เพิ่มขึ้นอีก 3 เซนติเมตร และฐานล้อที่ยาวขึ้น 7.5 เซนติเมตร ทำให้ มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ประกอบด้วย 5 ที่นั่งแบบเต็มตัว และช่องเก็บสัมภาระที่มีความจุเพิ่มขึ้น
เพื่อความสะดวกสบายยิ่งขึ้นของผู้โดยสาร บริเวณช่องเก็บสัมภาระด้านหลังยังมี MINI Picnic Bench ซึ่งสามารถกางออกเป็นที่นั่งปิกนิกบริเวณท้ายรถได้ ส่วนฝากระโปรงท้ายควบคุมการปิดเปิดด้วยระบบไฟฟ้าเพียงใช้เท้าไปจ่อที่บริเวณใต้กันชนท้ายเมื่อมีกุญแจรถอยู่กับตัวเท่านั้น หรือเปิดจากรีโมตคอนโทรลและปิดด้วยปุ่มที่ฝากระโปรงท้าย
นอกจากนี้ หน้าจอขนาด 8.8 นิ้ว ที่อยู่บริเวณกลางแผงคอนโซลรถมาพร้อมระบบสัมผัส (ทัชสกรีน) เป็นครั้งแรก พร้อมฟังก์ชั่นต่างๆ ที่อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น MINI Country Timer ที่ช่วยตรวจจับการขับขี่บนพื้นถนนที่ท้าทาย MINI Connected ที่เป็นเสมือนผู้ช่วยส่วนตัวในยามเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นแผนที่นำทาง แสดงพิกัดของรถ ดูการจราจร ซึ่งเชื่อมต่อกับระบบคอมพิวเตอร์ในรถยนต์ และสมาร์ทโฟน
ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังของเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุด มินิ TwinPower Turbo ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่และการตอบสนองที่ดีขึ้นทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังขับเคลื่อนสูงสุดอยู่ที่ 136 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 16 กิโลเมตรต่อลิตร ระดับการปล่อย CO2 เพียง 148 กรัมต่อกิโลเมตร และทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พวงมาลัยหนังแท้แบบมัลติฟังก์ชั่น ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ ที่มากับตัวรถ ในรุ่น Cooper Country Man
ส่วนรุ่น Cooper S Country Man และ Cooper S Country Man Hi-Trim ขับเคลื่อนด้วยเบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ที่มอบกำลังสูงสุดถึง 192 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 16 กิโลเมตรต่อลิตร ระดับการปล่อย CO2 อยู่ที่ 143 กรัม ต่อกิโลเมตร และทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบสปอร์ต พวงมาลัยหนังแท้แบบสปอร์พร้อมมัลติ-ฟังก์ชั่นลาย MINI Yours ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว เพื่อให้ขับขี่ได้สนุกทันใจ ซึ่งทำให้ทั้งสองรุ่นนี้มีสมรรถนะ ยอดเยี่ยมเทียบเท่ากลุ่มรถยนต์ระดับเดียวกัน โดยมีให้เลือกถึง 3 รุ่นดังนี้
รุ่น Cooper Country Man ราคา 2,339,000 บาท
รุ่น Cooper S Country Man ราคา 2,699,000 บาท
รุ่น Cooper S Country Man Hi-Trim ราคา 2,999,000 บาท
ปิดท้ายด้วย MINI Jonn Cooper Works Clubman ใหม่ ผสมผสานความเร้าใจจากสนามแข่งกับความหรูหราเต็มเปี่ยมของมินิรุ่นล่าสุด ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นแต่ยังคงเอกลักษณ์สุดคลาสสิกไว้อย่างครบครัน ต่อยอดจากรถยนต์ต้นแบบเพื่อมอบสมรรถนะการขับขี่ในระดับรถแข่งพันธุ์แท้ด้วยสมรรถนะแบบสปอร์ต กับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อหรือ ALL4 เจเนอเรชั่นล่าสุด พร้อมเครื่องยนต์ขุมพลังเบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร TwinPower Turbo 231 แรงม้า โดยมีแรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตันเมตร รวมถึงเกียร์อัตโนมัติ Steptronic Sport Automatic 8 สปีด ให้คุณขับขี่ได้คล่องตัว ตอบสนองฉับไวทุกโจทย์การขับขี่
นอกจากนี้ ยังมีเอกลักษณ์รูปแบบเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็น ชุด aerodynamics ล้ออัลลอยแบบ John Cooper Works Course Spoke two-tone ขนาด 19 นิ้ว พร้อมดีไซน์และแต่งในสไตล์ John Cooper Works ทั้งภายนอกภายใน พวงมาลัยหนังแท้พร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น รวมถึงเบาะสปอร์ตพิเศษ John Cooper Works ระบบแสดงผล Head-Up Display และจอขนาด 8.8 นิ้วที่อยู่บริเวณกลางแผงคอนโซลรถมาพร้อมระบบสัมผัส (ทัชสกรีน) ใหม่ล่าสุด ในราคาเพียง ราคา 3,588,000 บาท
สัมผัสยนตกรรมรุ่นล่าพร้อมข้อเสนอพิเศษได้ที่งาน Bangkok International Motor Show 2017 ตั้งแต่ 29 มีนาคม- 9 เมษายนนี้ ที่ Impact Challenger เมืองทองธานี
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com