เปิดตัวรถไฟฟ้าใหม่ DENZA D9 โมเดลแรกจากแบรนด์ DENZA ในไทย เริ่ม 1,999,900 บาท
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 1 พ.ย. 67 15:48
- 2,091 อ่าน
เรเว่รุกตลาดลักชัวรีในไทยเดินหนาเปิดตัวแบรนด์ DENZA พร้อมส่งรถไฟฟ้าใหม่โมเดลแรกนามว่า DENZA D9 รถตู้อเนกประสงค์ระดับลักชัวรี่ 7 ที่นั่ง (Luxury MPV) มุ่งเจาะกลุ่มผู้บริโภคตลาดระดับบนด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ เทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อความสะดวกสบาย และความปลอดภัยเหนือระดับ พร้อมขุมพลังของนวัตกรรมที่ตอกย้ำจุดยืนด้านความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
รถไฟฟ้า DENZA D9 สร้างขึ้นบน e-Platform 3.0 ที่พัฒนาเฉพาะสำหรับรถพลังงานไฟฟ้าที่เป็นเอกสิทธิ์ของ BYD ที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนแบบ 8 in 1 มีมิติตัวถัง ความยาว 5,250 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,960 มิลลิเมตร ความสูง 1,920 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อกว้าง 3,110 มิลลิเมตร
ดีไซน์ตัวรถภายใต้แนวคิด DENZA π-Motion ด้านหน้ารถแบบ Pi Motion พร้อมไฟหน้ารูปแบบ Meteor Arrow และกระจังหน้าแบบฝนดาวตกสีเงิน ไฟท้ายออกแบบด้วยแนวคิดฝนดาวตกแห่งกาลเวลา ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED มาพร้อมกับระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ
ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ระบบไฟเลี้ยวด้านหลังแบบ Sequential ไฟเบรกบน ดวงที่ 3 แบบ LED ระบบช่วยควบคุมไฟสูงอัจฉริยะ (IHBC) ฟังก์ชันหน่วงเวลาการปิดไฟหน้า Follow-Me-Home ระบบไฟส่องมุมอับสายตา LED เมื่อเปิดไฟเลี้ยงหรือหมุนพวงมาลัยเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ แสงไฟตกแต่งช่องชาร์จไฟแบบมัลติคัลเลอร์
ภายในห้องโดยสารแบบ VIP Cockpit จำนวน 3 แถว รวม 7 ที่นั่ง (รูปแบบการจัดเรียงที่นั่งแบบ 2-2-3) ในรุ่น Performance AWD เพดานบุด้วยหนังกลับแบบพรีเมียม และเพดานห้องโดยสารแบบผ้าในรุ่น Premium ประตูผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้าแบบผ่อนแรงปิด ซันรูฟพร้อมม่านบังแดดสำหรับห้องโดยสารด้านหน้า และ หลังคากระจกขนาด 1.1 ตารางเมตร พร้อมม่านบังแดดเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
ระบบแสงไฟสร้างบรรยากาศแบบมัลติคัลเลอร์ พร้อมโหมดต่าง ๆ หน้าจอเรือนไมล์ผู้ขับขี่แบบ LCD ขนาด 10.25 นิ้ว แบบ 3 มิติ จอกลาง 15.6 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ รวมถึงรองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto™ แบบไร้สาย ระบบเครื่องเสียงพรีเมียมแบบ Hi-Fi Class Dynaudio พร้อมสำโพง 14 ตำแหน่ง รุ่น Performance AWD มีระบบแสดงผลบนกระจกหน้า ขนาด 12 นิ้ว (W-HUD) เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ
เบาะนั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมระบบพนักพิงดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง ระบบจดจำตำแหน่งที่นั่งเบาะคนขับ เบาะนั่งโดยสารแถวที่สอง ปรับไฟฟ้า 4 ทิศทางพร้อมระบบพนักพิงดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง โดยเบาะที่นั่งทั้งสองแถวมาพร้อมระบบนวดไฟฟ้าและระบบระบายอากาศ ระบบจดจำตำแหน่งเบาะนั่งโดยสารแถวที่สอง หน้าจอ LCD แบบมัลติฟังก์ชันบริเวณที่พักแขนแถวที่สองสำหรับควบคุมฟังก์ชันต่างๆ
ระบบตู้เย็นภายในรถยนต์ความจุ 7.5L ที่สามารถปรับช่วงองศาได้ตั้งแต่ -6 จนถึง 50 องศา และที่วางแก้วรอบคัน 12 ใบ พร้อมระบบปรับอากาศแบบอิสระ 3 โซน - ผู้ขับขี่ ผู้โดยสารตอนหน้าและห้องโดยสารตอนหลัง พร้อมระบบกรองอากาศ IONIZER และระบบกรองฝุ่น PM2.5 แบบประสิทธิภาพสูง (CN95) มีที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย 3 จุด (กำลังสูงสุด 50W) ประกอบด้วย 1 จุดในห้องโดยสารตอนหน้า และ 2 จุด สำหรับเบาะนั่งผู้โดยสารแถวที่สอง
มาพร้อม BYD Blade Battery ขนาด 103.36 กิโลวัตต์-ชั่วโมง มอบระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าสูงสุด ตามมาตรฐานการทดสอบ NEDC ในรุ่น Premium 600 กิโลเมตร และรุ่น Performance AWD 580 กิโลเมตร
ในรุ่น Performance AWD มากับแพลตฟอร์มช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-C ระบบกันสะเทือนแบบพาสซีฟ ที่รองรับการปรับแต่งความแข็งกระด้างและความนุ่มนวลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
ระบบตรวจสอบผ่านเซ็นเซอร์ตรวจจับการสั่นสะเทือนของการยุบและการคืนตัวของรถรวมถึงตรวจจับอาการของรถทั้งคัน โดยระบบควบคุมจะประมวลผลเพื่อควบคุม โซลินอยด์วาล์วผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของระบบกันสะเทือน เพื่อช่วยลดโอกาสเกิดปัญหาของการทรงตัวที่ไม่มีเสถียรภาพ ไม่ว่าจะเป็นการยุบตัวของตัวรถ การพลิกคว่ำ การเกิดแรงกระชากเมื่อเบรกหรือเหยียบคันเร่ง ซึ่งไม่เพียงส่งผลให้มีรถสามารถควบคุมให้มีความสบายในการโดยสารอย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเสริมประสิทธิภาพในการควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
สำหรับ รุ่น Premium ขับเคลื่อนล้อหน้า ให้กำลัง 230 กิโลวัตต์ แรงบิด 360 นิวตัน-เมตร สามารถเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง (วินาที) ภายใน 9.5 วินาที
รุ่น Performance AWD ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา มอบกำลัง 275 กิโลวัตต์ แรงบิด 470 นิวตัน-เมตร เร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง (วินาที) ภายใน 6.9 วินาที
ช่วงล่างด้านหน้าแบบ แม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบ มัลติลิงก์ พร้อมกับดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายอากาศทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รุ่น Premium ติดตั้ง ระบบกันสะเทือนปรับอัตโนมัติตามความเร็วแบบ FSD ส่วนของรุ่น Performance ติดตั้งระบบกันสะเทือนอัจฉริยะ DiSus-C
รองกรับการชาร์จกระแสสลับ AC – กำลังสูงสุด 11 กิโลวัตต์ (3 เฟส) และการชาร์จกระแสตรง DC แบบ CCS2 - กำลังสูงสุด166 กิโลวัตต์
มาพร้อมระบบความปลอดภัย ระบบการป้องกันอุบัติเหตุก่อนจะเกิดการชน Active Safety ดังนี้
ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC)
ระบบป้องกันการลื่นไถลขณะขับขี่ (TCS)
ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรก (EBD)
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB)
ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA)
ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB)
ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาด้านหน้า (FCTA)
ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาด้านหน้า (FCTB)
ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถฉุกเฉิน (ELKA)
ระบบช่วยช่วยกระจายแรงเบรกอัจฉริยะ (HBA)
ระบบช่วยควบคุมและช่วยป้องกันการพลิกคว่ำ (RMI)
อุปกรณ์ความปลอดภัยหลังจากการชนเกิดขึ้น Passive Safety
ถุงลมนิรภัยคู่หน้าฝั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
ถุงลมนิรภัยด้านข้างฝั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับผู้โดยสารแถวที่สอง
ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง - ฝั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ผู้โดยสารแถวที่สอง และ ผู้โดยสารแถวที่สาม
ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Driving)
ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC)
ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันอัจฉริยะ (ICC)
ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน (LCA)
ระบบช่วยแจ้งเตือนอันตรายจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่ (DMS)
ระบบควบคุมการทรงตัวบนทางลาดชัน (HHC)
ระบบช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC)
เซนเซอร์ช่วยตรวจจับวัตถุรอบคัน 8 จุด
กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา
ระบบช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD)
ระบบช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW)
ระบบจดจำป้ายสัญญาณจราจร (TSR)
ระบบช่วยเตือนการชนด้านหน้า (FCW)
ระบบช่วยเตือนการชนด้านหลัง (RCW)
รถใหม่รถไฟฟ้า DENZA D9 รถตู้อเนกประสงค์ระดับลักชัวรี่ 7 ที่นั่ง (Luxury MPV) นำเสนอมาด้วยกัน 2 รุ่นย่อย
DENZA D9 Performance AWD ราคา 2,699,900 บาท
DENZA D9 Premium ราคา 1,999,900 บาท
โดยเป็นราคาพิเศษเฉพาะผู้ที่จองตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 - 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567 และรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567 เท่านั้น และสำหรับผู้ที่จองรถ DENZA D9 Performance AWD ภายในวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 และรับรถภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 จะได้รับโฮมชาร์จเจอร์ ABB พร้อมบริการติดตั้ง เพิ่มอีกด้วย
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com