2022 Lexus ES Facelift สุนทรียภาพใหม่แห่งการเดินทาง เริ่ม 3.625 ล้านบาท
- โดย : Autodeft
- 27 ส.ค. 64 00:00
- 6,185 อ่าน
เลกซัสประเทศไทย แนะนำ Lexus ES Facelift ตอกย้ำภาพลักษณ์ยนตรกรรมซีดานหรูสำหรับผู้บริหาร มาพร้อมกับการออกแบบรายละเอียดและเทคโนโลยี ภายในโดดเด่น ควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ได้อย่างสะดวกและง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ตลอดจนเทคโนโลยีความปลอดภัยเหนือระดับ Lexus Safety System Plus เจเนอเรชันที่ 2 ความสมบูรณ์แบบที่เหนือกว่าเดิมในทุกมิติ พร้อมเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบสไตล์สปอร์ต เท่ห์ โฉบเฉี่ยว ขย
Lexus ES ยนตรกรรมซีดานหรูขนาดกลาง ได้ถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับการเปิดตัวแบรนด์เลกซัสคู่กับ Lexus LS เมื่อปีพ.ศ. 2532 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา นับจากนั้นเป็นต้นมา Lexus ES ก็ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง จากความโดดเด่นเรื่องความนุ่มนวลในการขับขี่และความเงียบภายในห้องโดยสารที่เป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของเลกซัส แตกต่างจากรถยนต์หรูทั่วไป จากความนิยมดังกล่าวทำให้ Lexus ES เดินทางมาสู่ เจเนอเรชั่นที่ 7 ด้วยยอดขายสะสมทั่วโลกมากถึง 2.65 ล้านคัน
Lexus ES Facelift เป็นการปรับโฉมครั้งแรกในรอบ 3 ปีบนพื้นฐานเจนที่ 7 พร้อมกับการออกแบบ ที่ลงตัวมากยิ่งขึ้นด้วยไฟหน้าดีไซน์ใหม่รับกับกระจังหน้า Spindle Grille ดีไซน์ใหม่ เส้นสายที่ดูสปอร์ตเร้าใจ เสริมความเฉียบคมให้เข้ากับความหรูหราอย่างลงตัว ไฟหน้าแบบ 3-eye LED Headlamps มาพร้อมกับเทคโนโลยี Blade Scan Adaptive High-beam System ที่จะทำหน้าที่ปรับไฟสูง-ต่ำอัจฉริยะ ช่วยกระจายแสงไฟด้านหน้ารถได้อย่างแม่นยำและละเอียดมากยิ่งขึ้น พร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/45R18
ภายในห้องโดยสาร ยังคงไว้ซึ่งความประณีตพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ควบคู่กับความกว้างขวางของที่นั่งด้านหลัง และความเงียบภายในห้องโดยสารอันเป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว ควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ได้อย่างสะดวกและง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส พร้อมเอาใจคนชอบสมาร์ทโฟนด้วยที่ชาร์จไร้สาย Wireless Charger บนพื้นฐานคอนโซลหน้าทรงเดิม จอแสดงผลเหนือแผงหน้าปัด head-up display และโทนสีภายในกับเบาะนั่งหนังแท้ที่แตกต่างกัน
นอกจากนี้ยังแนะนำ Lexus ES Facelift รุ่น F SPORT ครั้งแรกในประเทศไทยเติมความจัดจ้านเร้าใจ ขยายขีดจำกัดของ ES ที่มากกว่าแค่ความนุ่มสบาย บ่งบอกความเป็น F SPORT ด้วยกระจังหน้า Spindle Grille ดีไซน์พิเศษสีดำ พร้อมล้ออัลลอยด์ขนาดใหญ่ 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/40 R19 ล้อดำ ที่มีเฉพาะในรุ่น F SPORT เท่านั้น เสริมบุุคลิกของรถให้ดุุดัน ภายในห้องโดยสารตกแต่งให้สร้างความเร้าใจได้ตั้งแต่แรกสัมผัส ด้วยเบาะนั่งด้านหน้าแบบ F SPORT ดีไซน์เฉพาะตัว ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากเบาะของรถสปอร์ตคูเป้อย่างเลกซัส LC โดยวัสดุที่ใช้จะเป็นโฟมขึ้นรูปที่เหมาะกับสรีระ โอบกระชับร่างกายได้อย่างพอดี ให้ความสบายตามมาตรฐานเลกซัส ให้ความเพลิดเพลินกับสมรรถนะแบบสปอร์ตของรถได้อย่างเต็มที่
เพียบพร้อมไปด้วยสมรรถนะการขับขี่อันสมบูรณ์แบบจากสถาปัตยกรรมโครงสร้างตัวถังใหม่ GA-K (Global Architecture-K Platform) ที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทรงตัวเยี่ยมและควบคุมได้ดั่งใจ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ระบบไฮบริดเจเนอเรชั่นล่าสุด มั่นใจตลอดการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยเหนือระดับและครบครันอย่าง Lexus Safety System Plus เจเนอเรชันที่ 2 พร้อมระบบช่วยเบรกอัตโนมัติขณะถอยจอด (Parking Support Brake : PKSB) เพิ่มความปลอดภัยขณะถอยจอด โดยระบบจะทำการเบรกโดยอัตโนมัติทันที หากระบบประเมินว่าอาจเกิดการชนและระบบอื่นๆทั้ง ระบบป้องกันก่อนการชน Pre-Crash safety system, ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ Adaptive High Beam, ระบบช่วยรักษาช่องทางการวิ่ง Lane Keeping Assist ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Dynamic Radar Cruise Control, ระบบเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้างทั้งสองฝั่ง (Blind Spot Monitor) โดยจะมีสัญญาณเตือนในกรณีที่จะเปลี่ยนเลน ระบบสัญญาณเตือนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert) ในกรณีเมื่อมีรถคันอื่นอยู่ด้านหลังรถเราเพิ่มความสะดวกในการถอยหลังและถุงลมนิรภัย 10 จุดรอบคัน
พร้อมขุมพลังแรงและรักษ์โลกกับ เครื่องยนต์เบนซิน Hybrid 2.5 ลิตร รุ่น A25A-FXS VVT-iE ให้กำลัง 178 แรงม้าที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิด 221 นิวตันเมตรที่ 3,600-5,200 รอบ/นาที ในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้า และเมื่อทำงานร่วมกันได้แรงม้าสูงสุด 218 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่แบบ นิคเกิล-เมทัลไฮไดร (Ni-MH) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อมระบบช่วงล่างหลังใหม่แบบดับเบิ้ลวิชโบน ช่วยให้เกาะถนนและทรงตัวเป็นเยี่ยม แต่ยังคงไว้ซึ่งความนุ่มนวลในการขับขี่
และ lexus ES Facelift รุ่น F SPORT มาพร้อมช่วงล่างที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษเพื่อให้การตอบสนองที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งการควบคุมพวงมาลัยได้อย่างเฉียบคม เข้าโค้งได้อย่างแม่นยำและยังคงนุ่มนวลในทุุกการขับขี่ ซึ่งเป็นผลมาจากการนำ Performance Dampers ที่ทำหน้าที่เป็นตัวช่วยซับแรงสั่นสะเทือนจากทั้งด้านหน้าและด้านหลังมาใช้ ช่วยในการควบคุมรถได้อย่างดีเยี่ยม และระบบช่วงล่างแปรผัน (Adaptive Variable Suspension : AVS) ที่ปรับระดับความนุ่มนวลและสปอร์ตได้ 650 ระดับโดยอัติโนมัติ ตอบสนองต่อการควบคุมของผู้ขับขี่และสภาพพื้นผิวถนนได้อย่างเหมาะสม รวมถึงรายละเอียดอีกมากมายที่ซ่อนอยู่ในรถ ที่ช่วยให้เป็นรถที่น่าประทับใจในทุุกการขับขี่อย่างแท้จริง
เลือกเป็นเจ้าของยนตรกรรมหรู Lexus ES 300h Facelift ประกอบนอกทั้งคัน ที่ ผู้แทนจำหน่าย เลกซัส อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน 2564โดยมีราคาแนะนำดังนี้
- รุ่น Luxury 3,625,000 บาท
- รุ่น Grand Luxury 3,795,000 บาท
- รุ่น F-Sport 4,380,000 บาท
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com