2022 Honda Civic Sedan เก๋งยอดนิยมเจนใหม่..แรงด้วยพลังเทอร์โบ ออพชั่นเพียบทุกรุ่น เริ่ม 964,900 บาท
- โดย : Autodeft
- 6 ส.ค. 64 00:00
- 9,774 อ่าน
เกือบ 50 ปี ที่ Honda Civic ได้รับใช้สาวกมายาวนานถึง 10 เจเนอเรชั่นและที่ผ่านมานั้นได้รับการตอบรับอย่างดียิ่ง จนกลายเป็นเก๋งยอดนิยมของมหาชนทั่วโลกด้วยเทคโนโลยีที่เด่น สมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจและความปลอดภัยเหนือชั้น
วันนี้ประเทศไทยเป็นประเทศที่สามต่อจากอเมริกาและญี่ปุ่น เป็นประเทศที่สองต่อจากญี่ปุ่นที่เปิดตัวในเวอร์ชั่นพวงมาลัยชวาและเป็นที่แรกของทวีปอาเซี่ยนที่เปิดตัว All New Honda Civic Sedan เจเนอเรชั่นที่ 11 ในรหัส FE หล่อดูดี ออกแบบภายใต้แนวคิด"Exhilarating Civic" ที่เน้นคนเป็นศูนย์กลางเพื่อให้ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดทั้งในด้านสมรรถนะการขับขี่และความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารและยังคงไว้ซึ่งความสปอร์ตพรีเมียมในทุกมุมมอง เริ่มที่ภายนอกกับกระจังหน้าดีไซน์คล้ายปีกนกแนวยาวสอดรับกับไฟหน้า Projector ดีไซน์สุดเฉียบพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) แบบ LED กันชนหน้าทรงสปอร์ตเท่ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED พร้อมกระจกแบบโอเปร่าให้ความหรูแนวเดียวกับรถยุโรปชั้นนำ พร้อมหลังคารถที่ลาดลงดุจรถสปอร์ตไฟท้าย LED แบบ C Line พร้อมท่อไอเสียแบบคู่ ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 215/55R16 กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวทรงสปูน กรอบกระจกโครเมี่ยม เสาอากาศครีบฉลาม ที่เปิดประตูมาพร้อมช่องเสียบกุญแจที่ย้ายไปไว้ด้านในมือจับเพื่อสอดคล้องกับการทำงานของระบบควบคุมประตูอัจฉริยะ
ยกระดับความสปอร์ตในรุ่น RS ด้วยดีไซน์สุดเอกซ์คลูซีฟรอบคันโดดเด่นด้วยกระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์ สปอร์ตพร้อมสัญลักษณ์ RS ไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED กระจกมองข้างสีดํา ทรงสปูน มือจับประตูด้านนอกสีดําและเสาอากาศแบบครีบฉลามสปอยเลอร์หลังสีดําพร้อมสัญลักษณ RS ด้านท้าย ท่อไอเสียแบบคู่พร้อมปลอกท่อไอเสียและล้ออัลลอยดีไซน์เข้มขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง 215/50R17 เพื่อเพิ่มความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว
มิติตัวรถเด่นใหญ่โตตามสมัยเริ่มที่ความยาว 4,678 มม. ความกว้าง 1,802 มม. ความสูง 1,415 มม. ฐานล้อ 2,733 มม. ความสูงจากใต้ท้องรถ 126 มม. น้ำหนักรถ 1,312-1,334 กก.และความจุถังน้ำมัน 47 ลิตร
ภายในสปอร์ตเรียบหรูออกแบบภายใต้แนวคิด “Fine Morning” เน้นการสร้างความรู้สึกที่สดชื่นของการเริ่มต้นวันใหมที่มอบความสะดวกสบายทันที ด้วยแผงคอนโซลหน้าดีไซน์เรียบง่าย ช่องแอร์เป็นแนวยาวในช่องคอนโซลกลาง พร้อมความทันสมัยของออพชั่นในรุ่น EL,EL+ ไม่ว่าจะเป็น ระบบความบันเทิงแบบจอสัมผัส 7 นิ้ว อยู่ตำแหน่งเหนือคอนโซลหน้า แบบ Advanced Touch รองรับ รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบปกติเสียบสาย และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri มาตรวัดดิจิทัลพร้อมระบบแสดงข้อมูล TFT 7 นิ้ว รวมถึงการตกแต่งเน้นหรูด้วยวัสดุกึ่งหนังแท้ และผิวสัมผัสหุ้มหนัง ผสมผสานการตกแต่งสีดำเปียโนแบล็ก ระบบ Push Start พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน
ในรุ่น RS ให้ออพชั่นที่เหนือกว่าทั้ง ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card ให้คุณล็อกและปลดล็อกรถได้อย่างสะดวกสบาย เพียงแค่พกการ์ดไว้กับตัว ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา ระบบความบันเทิงแบบจอสัมผัส 9 นิ้ว อยู่ตำแหน่งเหนือคอนโซลหน้า แบบ Advanced Touch รองรับ รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri มาพร้อมระบบนำทางเนวิเกเตอร์ กับ ระบบชาร์จมือถือไร้สาย wireless charging มาตรวัดดิจิทัลพร้อมระบบแสดงข้อมูล TFT 10.2 นิ้วในรุ่น RS รวมถึงการตกแต่งเน้นหรูด้วยวัสดุกึ่งหนังแท้ และผิวสัมผัสหุ้มหนัง ผสมผสานการตกแต่งสีดำเปียโนแบล็ก ระบบ Push Start พวงมาลัยมัลติฟงัก์ชั่น 3 ก้าน ช่องเชื่อมต่อ USB จํานวน 4 ช่อง นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบ Honda Connect เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน มาพร้อมหลากหลาย ฟังก์ชันการทำงาน โดยมี 8 ฟังก์ชันการใช้งานหลัก ที่จะมาช่วยอำนวยความสะดวก และเพิ่มความ ปลอดภัยตลอดการเดินทาง ได้แก่
1. My Service ตรวจสอบประวัติการเข้ารับบริการ โดยจะมีการแจ้งเตือนกำหนดการเข้ารับบริการครั้งต่อไป
2. Car Log ข้อมูลการขับขี่จะประกอบด้วยพฤติกรรมการขับขี่ที่แชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น ไลน์ อินสตาแกรม เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ เป็นต้น
3. WiFi สามารถเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตไร้สายจากรถยนต์ โดยจะใช้งานได้พร้อมกันสูงสุดถึง 5 อุปกรณ์ มีระยะการส่งสัญญาณห่างจากตัวรถยนต์อยู่ที่ 40 เมตร โดยต้องไม่มีสิ่งกีดขวาง
4. Airbag Deployment เมื่อเกิดอุบัติเหตุและถุงลมทำงาน กล่องอุปกรณ์ TCU จะส่งสัญญาณเตือน ให้ทราบทันทีผ่านทางแอปพลิเคชัน พร้อมทั้งส่งข้อมูลไปยังศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้าเพื่อทำการ เพื่อทำการประสานงานให้ความช่วยเหลือขั้นต้น
5. Car Status แจ้งเตือนสถานะรถยนต์ เมื่อเกิดความผิดปกติจากระบบของรถยนต์ และ แจ้งเตือน สัญญาณกันขโมย เมื่อเกิดความผิดปกติกับรถยนต์จากภายนอก เช่น การเปิดประตู กระโปรงหน้า และฝากระโปรงท้ายของรถยนต์อย่างผิดปกติ
6. Remote Vehicle Control สามารถสั่งการล็อกและปลดล็อกประตูทั้งหมด อีกทั้งยังสามารถสั่ง สตาร์ตเครื่องยนต์ พร้อมทั้งตั้งค่าระดับอุณหภูมิของระบบปรับอากาศในรถยนต์ และการสั่งดับเครื่องยนต์ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถสั่งเปิดสัญญาณไฟ ทั้งไฟหน้าและไฟท้าย โดยผู้ใช้งานจะต้อง กำหนดรหัสส่วนตัวเป็นตัวเลข 4 หลัก (PIN) และจะต้องป้อนรหัสส่วนตัวทุกครั้งก่อนการใช้งาน
7. Geo Fence & Speed Alert สามารถกำหนดขอบเขตการขับขี่รถยนต์ทั้งเข้าและออกตามพื้นที่ ที่กำหนดไว้ และยังสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนความเร็วตามกำหนดได้อีกด้วย
8. Find My Car สามารถตรวจสอบพิกัดรถยนต์ โดยระบบจะส่งพิกัดรถยนต์บนแผนที่ล่าสุด แสดงผลบนแอปพลิเคชัน ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องใส่รหัสส่วนตัว 4 หลัก (PIN) ก่อนการใช้งาน
สำหรับเมืองไทยจะจำหน่ายเฉพาะเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ VTEC เท่านั้น ด้วยการพัฒนาใหม่ที่อัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้นในระบบ Turbo Charger กับขนาด 1.5 ลิตร รหัส L15ฺBG 178 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 240 นิวตันเมตรที่ 1,700-4,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ให้อัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ํามันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 17.2 กิโลเมตร/ลิตร อีกทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85 พร้อมโหมดการขับขี่ที่เลือกได้ตามสไตล์ 3 โหมด ได้แก่ ECON Mode - โหมดการขับขี่แบบประหยัด พร้อมปรับการทํางานของเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับการขับขี่เพื่ออัตราการประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น Normal Mode - โหมดการขับขี่แบบปกติ สําหรับการขับขี่ใช้งานโดยทั่วไป และในรุ่น RS เพิ่มเติมด้วย Sport Mode – โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต ที่การทํางานของเครื่องยนต์ตอบสนอง การเร่งได้ดียิ่งขึ้นเพื่อการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ
นอกจากนี้ All New Honda Civic Sedan มาพร้อมระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda Sensing ที่ทํางานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมอบให้เป็นออพชั่นมาตรฐานทุกรุ่น โดยมีฟังกชันการทํางานหลักๆ ดังนี้ ใหม่ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN) ระบบที่ตรวจจับการเคลื่อนที่ของรถคันหน้า โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดง ข้อมูลและสัญญาณเสียง เพื่อให้ผู้ขับขี่เคลื่อนที่ตามรถคันหน้า พร้อมฟังก์ชันอืนๆดังนี้ ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่า (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW) ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
นอกจากนี้ยังครบครันด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Holdระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) ถุงลม 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า (Dual SRS) ถุงลมด้านข้างคู่หน้า (Side Airbags) และม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags) ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder) ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) และระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist - VSA) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง ช่วยการยึดเกาะถนน มั่นใจกับทุกการขับขี่ ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist - HSA) และสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (Emergency Stop Signal - ESS)
ในรุ่น RS พิเศษด้วย ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) และ ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมเตือนผู้โดยสารด้านหลัง (Front Passenger and Rear Seat Belt Reminder)
All New Honda Civic Sdean มาพร้อมทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) พร้อมด้วย สีใหม่ สีฟ้ามอร์นิงมิสต์ (เมทัลลิก) และสีเทา เมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) อีกทั้งสีขาวแพลทินัม (มุก) สีดำคริสตัล (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีภายใน มีทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ และสีเทาเบจ ซึ่งขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยและสีภายนอกโดยในรุ่น EL และ EL+ ที่มาพร้อมสีภายนอก สีดำคริสตัล (มุก) และสีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) จะมาพร้อม กับภายในสีเทาเบจ พร้อมราคาดังนี้
• รุ่น RS ราคา 1,199,900 บาท
• รุ่น EL+ ราคา 1,009,900 บาท
• รุ่น EL ราคา 964,900 บาท
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com