New Honda Accord MY2022 มาดใหม่เก๋งหรูพร้อมออพชั่นปลอดภัย Honda Sensing ทุกรุ่น เริ่ม 1.499 ล้านบาท
- โดย : Autodeft
- 16 ส.ค. 64 00:00
- 38,334 อ่าน
ทำตลาดมายาวนานจนได้รับเสียงตอบรับอย่างดียิ่งสำหรับผู้ใช้ชาวไทยที่มีต่อ Honda Accord เจเนอเรชั่นที่ 10 และมียอดขายสูสีกับ Toyota Camry ด้วยดีไซน์หรูสง่า เทคโนโลยีทีเหนือชั้นและ ราคาที่จับต้องได้
ล่าสุด ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) เปิดตัวรุ่นปรับปรุงใหม่หรือ MY2022 สำหรับ New Honda Accord โดยงานนี้มีการเพิ่มออพชั่นเพิ่มระบบความสบายและเพิ่มระบบความปลอดภัยในทุกรุ่นย่อยให้ตรงความต้องการของคนไทยเริ่มที่รุ่น 1.5 EL Turbo มีการเปลี่ยนแปลงด้วยการเพิ่มออพชั่นตกแต่งเพิ่มขึ้นให้ทันสมัย หลังจากที่ผ่านมารุ่นนี้ออพชั่นให้มาน้อย เริ่มที่เพิ่มไฟตัดหมอกหน้า LED เพิ่มการตกแต่งด้านหลังในส่วนลิ้นสปอยเลอร์หลังด้วยท่อปลอกท่อไอเสียคู่ตกแต่งด้วยสแตนเลส บนพื้นฐานความหรูเดิมทั้งกระจังหน้าดีไซน์คล้ายปีกนกแนวยาวสอดรับกับไฟหน้า LED ดีไซน์สุดเฉียบพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) แบบ LED กันชนหน้ารูปตัว U สปอร์ตเท่ด้วยล้ออัลลอยเลือกได้ 17 นิ้วพร้อมยาง 225/50R17 ด้านหลังดีไซน์ฝากระโปรงท้ายพร้อมสปอยเลอร์ Built-In ในตัว กับไฟท้ายรูปตัว C แบบ LED
ส่วนรุ่น 2.0 Hybrid เปลี่ยนชื่อเป็น New Honda Accord e:HEV ทั้งรุ่น 2.0 EL+ และรุ่น 2.0 TECH ภายนอกยังคงเดิมทั้งภายใต้ภาพลักษณ์ความสปอร์ตพรีเมียม ภายใต้แนวคิดหลัก “Absolute Confidence” ตั้งแต่กระจังหน้าดีไซน์คล้ายปีกนกแนวยาวสอดรับกับไฟหน้า LED ดีไซน์สุดเฉียบพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) แบบ LED กันชนหน้ารูปตัว U พร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED สปอร์ตเท่ด้วยล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/45R18 ในรุ่น Hybrid ด้านหลังดีไซน์ฝากระโปรงท้ายพร้อมสปอยเลอร์ Built-In ในตัว กับไฟท้ายรูปตัว C แบบ LED โลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย
มิติตัวรถใหญ่กว่ารุ่นเดิมอย่างชัดเจนตั้งแต่ความยาว 4,894 มม. ความกว้าง 1,862 มม. ความสูง 1,450 มม. ระยะฐานล้อ 2,830 มม. น้ำหนักรถ 1,464-1,568 กก. ความสูงจากใต้ท้องรถ 131.3 มม. และความจุถังน้ำมัน 56 และ 48.5 ลิตร
ภายในทุกรุ่นย่อยยังคงเดิมแต่สำหรับรุ่น 1.5 EL Turbo มีการเพิ่มออพชั่นมากขึ้นไม่ว่าจะเป็น กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ กระจกไฟฟ้า ขี้นลง Auto 4 บาน ม่านบังแดดหลังปละม่านที่ประตูคู่หลัง ช่องเสียบ USB ตอนหลัง 2 จุด ระบบที่ชาร์จไร้สาย Wireless Charger ส่วนรุ่น e:HEV ทั้งรุ่น 2.0 EL+ เพิ่มออพชั่นทั้ง ช่องเสียบ USB ตอนหลัง 2 จุด ระบบที่ชาร์จไร้สาย Wireless Charger เพิ่มระบบฟอกอากาศ Plasma Cluster และเพิ่มระบบแจ้งสถานะแรงดันลมยางทั้ง 4 ล้อ TPMS และรุ่น 2.0 TECH เพิ่มแค่ระบบฟอกอากาศ Plasma Cluster เท่านั้น
ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมออพชั่นภายในที่หรูสง่าด้วยคอนโซลหน้าออกแบบใช้งานง่าย พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน ใช้งานสะดวกขึ้น พร้อมมาตรวัดเรืองแสง TFT ขนาดใหญ่ 7 นิ้ว บันเทิงได้ทุกเส้นทางด้วยเครื่องเสียงที่คราวนี้หันมาใช้แค่จอสัมผัสขนาดใหญ่ 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI จอแสดงผลเหนือคอนโซล (Head Up Display : HUD) ขนาด 6 นิ้วในรุ่น 2.0 TECH เบาะนั่งทรงสปอร์ตปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้าและเบาะนั่งหลัง ออกแบบที่รองขาให้ยาวขึ้น โอโถงสบายทุกการเดินทาง ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมสีภายในห้องโดยสาร 2 สี ได้แก่ สีดำ และสีน้ำตาล ซึ่งขึ้นอยู่กับสีตัวรถภายนอกและเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ Honda CONNECT ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Engine Remote Start) ภายในห้องโดยสารไปอีกขั้น เพื่อมอบสุนทรียภาพในทุกการเดินทางอย่างเหนือระดับยิ่งขึ้น
2 ขุมพลังที่ทำตลาดในเมืองไทยเริ่มที่ เครื่องยนต์เบนซิน Di VTEC TURBO 1.5 ลิตร รหัส L15BG 190แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิด 243 นิวตันเมตรที่ 1,500-5,000 รอบ/นาที พร้อมเทคโนโลยีไดเรคอินเจคชัน (Direct Injection) ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง และเทอร์โบชาร์จเจอร์ (Turbocharger) ที่ช่วยอัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้เครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็ว จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ ให้สมรรถนะการขับขี่มากกว่าเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร และให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ 16.4 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งมากกว่าเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตรในรุ่นเดิม โดยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรองรับน้ำมัน E85 ได้อีกด้วย
เครื่องยนต์เบนซิน I-VTEC 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC รหัส LFB1 ที่มาพร้อมระบบ Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) ให้กำลังสูงสุด 145 แรงม้าที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิด 175 นิวตันเมตรที่ 3,500 รอบ/นาที ในภาคเครื่องยนต์ ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง 2 ตัว ให้กำลัง 184 แรงม้าที่ 5,000-6,000 รอบ/นาที แรงบิด 315 นิวตันเมตรที่ 0-2,000 รอบ/นาที และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ให้กำลังสูงสุดทั้งระบบได้ถึง 215 แรงม้า พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) ขับขี่ได้อย่างอัจฉริยะ พร้อมโหมดการขับขี่เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสอารมณ์การขับขี่ในสไตล์สปอร์ตที่สนุกสนานเร้าใจ ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า EV Drive Mode โหมดการขับขี่ด้วยระบบ Hybrid Drive Mode และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ Engine Drive Mode และยังมาพร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต Sport Drive Mode สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายเพียงกดปุ่ม Sport ที่อยู่บริเวณคันเกียร์ โดยระบบ Sport Hybrid i-MMD ใหม่ เป็นระบบ Full Hybrid ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 24.4 กิโลเมตร/ลิตรและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 97 กรัม/กิโลเมตร
New Honda Accord MY2022 มาพร้อมความปลอดภัยที่เหนือชั้นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING โดยนอกจากให้ทั้งในรุ่น e:HEV 2.0 แล้วยังเพิ่มมาเป็นออพชั่นมาตรฐานในรุ่น 1.5 EL Turbo ทั้ง
- ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คัน- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
เทคโนโลยีความปลอดภัยระดับพรีเมียมในรุ่น e:HEV 2.0 TECH อาทิ ระบบเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor: CTM) ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System: MVCS) จะทำงานผ่านกล้องที่ติดตั้ง 4 จุดรอบคัน (ด้านหน้า หลัง ซ้าย และขวา) สามารถแสดงภาพได้ครบทุกมุมมอง รวมถึงภาพจำลองจากมุมสูงเพื่อให้เห็นทุกทิศทางรอบคัน ระบบช่วยจอดอัจฉริยะพร้อมระบบช่วยเบรก (Honda Smart Parking Assist System) ระบบจะช่วยควบคุมพวงมาลัยอัตโนมัติ โดยเพียงแค่เดินหน้าหรือถอยหลังไปตามคำแนะนำ และตามตำแหน่งบนหน้าจอ ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่ทั้งการจอดรถแนวขนานและการถอยหลังเข้าจอดได้อย่างง่ายดาย
ทุกรุ่นพร้อมด้วยมาตรฐานความปลอดภัยอันล้ำสมัยอื่นๆ เช่น ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และระบบ Auto Brake Hold ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
New Honda Accord MY2022 มีสีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีใหม่ สีขาวแพลทินัม (มุก) สีดำคริสตัล (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) พร้อมจำหน่ายเพียง 3 รุ่นย่อย ดังนี้
- รุ่น e:HEV 2.0 TECH ราคา 1,799,000 บาท
- รุ่น e:HEV 2.0 EL+ ราคา 1,639,000 บาท
- รุ่น 1.5 TURBO EL ราคา 1,499,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 24,000 บาท)
- สีขาวแพลทินัม (มุก) เพิ่ม 12,000 บาท และสีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 8,000 บาท
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com