ยลโฉมจริง!! 2021 Mitsubishi Outlander PHEV เอสยูวีเสียบปลั๊ก…ก้าวข้ามสู่อีกขั้นของ PHEV เริ่ม 1.64 ล้านบาท
- โดย : Autodeft
- 2 ธ.ค. 63 00:00
- 5,718 อ่าน
ในที่สุด มิตซูบิชิ มอเตอรส์ (ประเทศไทย) ส่งยนตกรรมรุ่นล่าด้วยเอสยูวีรุ่นหรูที่ขายดีที่สุดทั่วโลกมาให้ชาวไทยได้สัมผัสอย่างเป็นทางการในชื่อ Mitsubishi Outlander PHEVและยังประกอบในประเทศไทยที่สามารถทำราคาให้ถูกลงได้
รถยนต์เอสยูวีพลังเสียบปลั๊ก Plug-In Hybrid จากญี่ปุ่นเจ้าแรกของไทยมาพร้อมหน้าตาที่หรูหล่อ โดดเด่น โฉบเฉี่ยว และหรูหราเหนือระดับสไตล์ Dynamic Shield ตั้งแต่กระจังหน้าแบบโครเมี่ยมรมดำ พร้อมไฟหน้าแบบ LED Twin Projector กันชนหน้าทรงเดิม แต่ไฟตัดหมอกมาแบบ LED ทรงกลมพร้อมกรอบเหลี่ยมสีเงิน ติดตั้งสเกิร์ตดีไซน์ทั้งหน้าและหลัง สปอยเลอร์หลัง พร้อมไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED ราวหลังคาสีเงิน เสาอากาศครีบฉลาม ล้ออัลลอยลายหรูขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/55R18 มิติตัวรถใหญ่ขึ้น ดูดีขึ้นตั้งแต่ความยาว 4,695 มม . ความกว้าง 1,800 มม. ความสูง 1,710 มม. ฐานล้อ 2,670 มม. ความสูงจากใต้ท้องรถ 190 มม.น้ำหนักรถ 1,915 และ 1,930 กก. และความจุถังน้ำมัน 45 ลิตร
ภายในหรูสง่าดุจรถยนต์พรีเมี่ยมด้วยดีไซน์ประณีตทุกรายละเอียด ห้องโดยสารกว้างขวาง ครบทุกฟังก์ชันความสะดวกสบาย กับเบาะหนังดีไซน์ใหม่แบบ ‘ไดมอนด์ ควิลติ้ง คัท’ ที่สะท้อนความสมบูรณ์แบบ ความสะดวกสบาย และตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ตลอดการเดินทางแบบคู่หน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้าเพิ่มปุ่มดันหลังไฟฟ้า power lumbar support คู่หน้า เบาะนั่งตอนสองใหม่เพิ่มความสบาย กว้างขวางขึ้น และยังสามารถพับได้แบบ 60/40 เพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกของมากขึ้น พวงมาลัยมัลติฟังกชั่นสี่ก้าน Paddle-Shift เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิ ซ้าย-ขวาดีไซน์ใหม่ พร้อมตกแต่งภายในใหม่ด้วยโทนสีดำ พร้อมระบบความบันเทิง ด้วยหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 8 นิ้ว ระบบนำทางแบบ Built-In รองรับ Android Auto Apple CarPlay และ Android Auto ผ่านการเชื่อมต่อมือถือ กับลำโพง 6 จุดรอบคัน เบรกมือเป็นแบบไฟฟ้า กระจกมองหลังปรับแสงอัตโนมัติ ประตูท้ายเปิดไฟฟ้า
ขุมพลังประจำการด้วยเครื่องยนต์เบนซิน MIVEC 2.4 ลิตร Atkinson cycle 4B12 128 แรงม้าที่ 4,500 รอบ/นาที แรงบิด 199 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบ/นาที ในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว สูงถึง 82 แรงม้า แรงบิด 137 นิวตันเมตรในมอเตอร์ตัวหน้า และ 95 แรงม้า แรงบิด 195 นิวตันเมตรในมอเตอร์ตัวหลัง เชื่อมต่อกับระบบแบตเตอร์รี่ลิเธียมไอออนขนาดใหม่ 13.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้กำลังรวมสูงสุด 305 แรงม้า อีกทั้งการวิ่งด้วย Plug-in hybrid (EV) ทำระยะทางได้ถึง 55 กิโลเมตร สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพียง 52.6 กม.ต่อลิตรตามมาตรฐาน NEDC มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำที่ 43 กรัมต่อกม. และการชาร์จด้วยกระแสไฟ 230V ภายในเวลา 4 ชั่วโมง
พร้อมระบบขับเคลื่อนเป็นแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ S-AWC (SUPER ALL WHEEL CONTROL) เพิ่มสมรรถนะในการควบคุมให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย และระบบนี้ยกระดับความปลอดภัยในการขับขี่ด้วยคุณสมบัติ “การควบคุมรถดังใจคิด” และ “สมรรถนะการขับขี่ขั้นสูง” ประกอบด้วย ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก Anti-Lock Braking (ABS) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Active Stability Control (ASC) และระบบควบคุมการขับเคลื่อนและการเบรกระหว่างล้อซ้ายและล้อขวา Active-Yaw Control (AYC) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่ติดตั้งที่เพลาหน้า-หลัง ควบคุมแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ พร้อมเสถียรภาพ เพิ่มสมรรถนะและการควบคุม มั่นใจทุกการเข้าโค้ง นอกจากนี้ ยังทำงานร่วมกับโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อ ประกอบด้วย ขับขี่ที่เร้าใจขึ้นแบ่งเป็น 4 โหมดได้แก่ โหมด 4WD Lock (มอบสมรรถนะเต็มรูปแบบของระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ โหมด Snow , (ให้การควบคุม การยึดเกาะ และการควบคุมที่ดีเยี่ยม เมื่อขับขี่บนพื้นผิวถนนที่เปียกลื่น) โหมด Normal (ควบคุมแรงบิดของแต่ละล้อให้เหมาะกับสภาพการขับขี่ ) และ โหมดSport (เพิ่มความแม่นยำของคันเร่ง การควบคุม และการตอบสนองของเครื่องยนต์ให้ดีมากขึ้น) ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการยึดเกาะและลุยผ่านทุกสภาพถนน พร้อมช่วยรักษาเสถียรภาพ
นอกจากนี้การขับขี่ 3 รูปแบบ ได้แก่ โหมด EV (ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ) โหมดSeries Hybrid (ขับเคลื่อนหลักด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยมีเครื่องยนต์ทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าให้แก่มอเตอร์ไฟฟ้าคู่) และ โหมด Parallel Hybrid (เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่ขับเคลื่อนตัวรถไปพร้อมกัน) โดยการขับขี่ทั้ง 3 รูปแบบ จะถูกสลับปรับเปลี่ยนโหมดแบบอัตโนมัติ พร้อมระบบเบรกที่สามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าคืน (Regenerative Braking) เพื่อทำการชาร์จกระแสไฟฟ้าให้แก่แบตเตอรี่ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ใหม่ ยังติดตั้งเทคโนโลยีการเชื่อมต่อพร้อมระบบสั่งการอัจฉริยะ ที่สามารถใช้ได้ทั้งระบบปฏิบัติการไอโอเอสและแอนดรอยด์ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่ โดยสามารถตั้งเวลาการชาร์จไฟฟ้า สั่งการเปิด-ปิด เครื่องปรับอากาศภายในรถจากระยะไกล และการตรวจสอบสถานะของตัวรถ และสามารถผลิตและจ่ายพลังงานไฟฟ้าจากตัวรถมาใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่มีขนาดไม่เกิน 1,500 วัตต์ ด้วยการเสียบปลั๊กเข้ากับช่องจ่ายกระแสไฟฟ้าภายในตัวรถ เพื่อให้คุณได้สนุกสนานกับไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่
ครบครันด้วยเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน อาทิ ระบบสัญญาณเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (RCTA) ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM) ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (BSW) พร้อมระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (LCA) และระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (AHB) โดยระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (ACC) ไม่ได้ทำหน้าที่แต่เฉพาะรักษาระดับความเร็วให้คงที่เท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่ตรวจจับรถคันหน้า พร้อมควบคุมความเร็วและรักษาระยะห่างเพื่อความปลอดภัยจนกว่ารถจะหยุด ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ระบบเสถียรภาพการทรงตัวขณะลากจูง TSA ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งโดยไม่ตั้งใจ (UMS) ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (BSM) กล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around View Monitor) และถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง รอบคัน
Mitsubishi Outlander PHEV ใหม่ มีให้เลือก 2 รุ่น เริ่มต้นที่รุ่น GT 1,640,000 บาท และรุ่น GT-Premium 1,749,000 บาท และมีสีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีขาว White Diamond(6), สีเงิน Sterling Silver และสีดำ Jet Black Mica มั่นใจและหมดความกังวลในด้านค่าบำรุงรักษาด้วยแพ็กเกจ วอรี่ ฟรี (worry-free) ประกอบด้วย ฟรี รับประกันแบตเตอรี่ 10 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตรฟรี มิตซูบิชิ เซอร์วิส แพ็กเกจ 5 ปี, ฟรี ช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชม. นาน 5 ปี, ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี, ฟรี รับประกันคุณภาพพร้อมค่าแรงเช็คระยะ 5 ปี
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com