2021 All New MG 5 เก๋งสปอร์ตเจนใหม่…พร้อมตอบโจทย์คนเมืองยุคใหม่ เริ่ม 559,000 บาท
- โดย : Autodeft
- 20 ก.ค. 64 00:00
- 15,606 อ่าน
นับว่ายอดขายโตวันโตคืนจริงๆสำหรับ MG ค่ายรถยนต์สายพันธุ์ยุโรปที่กวาดยอดขายรวมครี่งปีแรกได้ 14,403 คัน หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตอยู่ที่ 32% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา โดยยังคงครองตำแหน่งผู้นำในตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และยังเป็นหนึ่งในผู้นำของกลุ่มรถยนต์ประเภท B-SUV และ C-SUV และในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ตอกย้ำความเป็นผู้นำยานยนต์ทันสมัยและคุ้มค่ากับการกลับมาของเก๋งซีดานที่เคยนิยมมาแล้วกับ A
All New MG 5 เก๋งคอมแพ็คเจนใหม่ที่หาญกล้าทำตลาดท้าชนกับกลุ่มเก๋ง B-Car และ Eco Car ด้วยความได้เปรียบของขนาดตัวรถที่ใหญ่กว่าและความทันสมัยของออพชั่นออกแบบใหม่หมดสไตล์ coupe-style slip-back body design คล้ายละม้ายกับคู่แข่งทั้งญี่ปุ่นและเกาหลี ตั้งแต่ กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ 3 มิติ Digital Burning Grille ประดับด้วยเส้นแนวตั้งสีดำประกบโลโก้ MG ขนาดใหญ่พร้อมไฟหน้าทรงยาวเรียว Projector แบบ LED โคมใหม่ลงตัว ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights) กันชนหน้าทรงสปอร์ตที่ออกแบบทั้งกระจังหน้าและช่องระบายอากาศที่มีขนาดใหญ่ ล้ออัลลอย 5 ก้านคู่ลายใหม่ขนาด 16 นิ้วพร้อมยาง 205/55 R16 กับ 17 นิ้วดีไซน์ใบพัด พร้อมยาง 215/50 R17 บั้นท้ายสวยขึ้นด้วยไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์ Leopard Claw และไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED ประกบกันชนหลังใหม่พร้อมคิ้วชายล่าง ติดตั้งท่อไอเสียคู่ และยังมีกระจกโอเปร่า มิติตัวรถใหญ่ขึ้นด้วยความยาว 4,675 มม. ความกว้าง 1,842 มม. ความสูง 1,480 มม.
ภายในครบครันออพชั่นเต็มคันตั้งแต่ แผงคอนโซล 3D Diamond Design ลวดลายสปอร์ตพรีเมี่ยมพร้อมการออกแบบสไตล์ DRIVER-FOCUS COCKPIT ที่เหมาะสมกับตำแหน่งคนขับ มาตรวัดดิจิตอลขนาดใหญ่ 7 นิ้ว มีจอแสดงการขับขี่ MID จอสัมผัสขนาดใหญ่ 10 นิ้ว พร้อมระบบความบันเทิงสมัยใหม่ตามสไตล์ MG รองรับระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android กับลำโพงคุณภาพ 6 ตัว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ วางสายโทรศัพท์หลังคา Sunroof ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง พร้อมเครื่องปรับอากาศดิจิตอลพร้อมกันฝุ่น PM 2.5 เบาะนั่งกึ่งหนังแท้สปอร์ตปรับไฟฟ้า 6 ระดับด้านคนขับ และเบาะหลังพบัได้ในอัตราส่วน 100 และยังสามารถเลือกสีเบาะได้ถึง 2 สี ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อมปุ่ม Push Start ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) พร้อมระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่องเหยียบเบรกค้าง (Auto Vehicle Hold) และหลังคาซันรูฟปรับไฟฟ้า
นอกจากนี้มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i–SMART ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ของผู้ใช้รถยนต์เอ็มจีให้สะดวกสบาย ปลอดภัย และเชื่อมต่อไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ในยุคดิจิตัล พร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Digital Key สามารถใช้งานรถผ่านกุญแจดิจิตอลโดยรับ - ส่ง โค้ดจากแอพพลิเคชัน i-SMART สามารถสั่งการเปิด-ปิด และสตาร์ทรถยนต์ รวมถึงการส่งกุญแจดิจิตอลให้กับผู้อื่นเพื่อใช้งานรถยนต์ผ่านแอพพลิเคชั่น i-SMART
- Smart Command หรือ ระบบสั่งการอัจฉริยะ ประกอบไปด้วย กุญแจดิจิตอล ระบบสั่งการผ่านคำสั่งเสียงภาษาไทย ควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศผ่านทางสมาร์ทโฟน ค้นหาข้อมูลจุดท่องเที่ยวน่าสนใจ และวางแผนการเดินทางTravel Plan จากสมาร์ทโฟนส่งเข้าหน้าจอทัชสกรีนของรถได้ โทรออก – รับสายจากจอทัชสกรีน สามารถติดต่อ MG Call Centre เพื่อสอบถามข้อมูล หรือขอรับจุดน่าสนใจ (Point Of Interest ด้วยปุ่มลัดบนพวงมาลัย
- Smart Connect หรือ ระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ ประกอบไปด้วย เล่นเพลงทั้งรูปแบบออนไลน์ และสตรีมมิ่ง ค้นหาร้านอาหาร ที่พัก และสถานที่ท่องเที่ยวบนแผนที่นำทาง รายงานการจราจรแบบ Real Time เรียกดูข้อมูลข่าวสารเหตุการณ์ปัจจุบัน และข้อมูลพยากรณ์สภาพอากาศ อัพเกรดระบบต่าง ๆ ผ่านออนไลน์ (FOTA)
- Smart Check หรือ ระบบตรวจเช็กอัจฉริยะ ประกอบไปด้วย ตรวจสอบสถานะของประตูรถ ตรวจสอบตำแหน่งของรถ พร้อมบอกเส้นทางไปยังรถยนต์ผ่านฟังก์ชั่น FIND MY CAR โดยกำหนดให้รถเปิดไฟหน้า ไฟท้าย หรือใช้เสียงแตรผ่านการตั้งค่าตรวจสอบความผิดปกติ และแจ้งสถานะการทำงานของรถ เช่น เครื่องยนต์ ลมยาง และถุงลมนิรภัย ระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะ ระบบแจ้งเตือนเมื่อความผิดปกติเกิดขึ้นกับระบบการทำงาน หรืออุปกรณ์ของรถกำหนดขอบเขตการใช้รถได้ตั้งแต่ 500 ม. ถึง 10 กม. โดยระบบจะแจ้งเตือนเมื่อรถเข้า - ออก ในขอบเขตที่กำหนดไว้
ขุมพลังสำหรับเมืองไทยยกชุดมาจาก New MG ZS กับเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร รหัส 15S4C VTi – TECH ให้กำลัง 114 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาทที แรงบิด 150 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบ/นาที จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติใหม่แบบ CVT 8 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้าพร้อมระบบช่วงล่างแบบ EURO TUNING SUSPENSION ด้วยระบบช่วงล่างหน้า MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลงและระบบช่วงล่างหลัง Torsion Beam พร้อมระบบที่ส่งเสริมการขับขี่ในด้านต่างๆ ให้ทั้งประสบการณ์การขับขี่และความมั่นใจด้วยพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS สามารถปรับน้ำหนักได้ 3 ระดับ
มั่นใจทุกการขับขี่ด้วยระบบความปลอดภัยที่เหนือกว่าด้วยโครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบ FSF (Full Space Frame) และให้ความมั่นใจในทุกการขับขี่ด้วย Synchronized Protection System ระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรปซึ่งมีการผสาน การทำงานเป็นหนึ่งเดียว ทั้ง ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS (Anti-lock Brake System) ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake force Distribution) ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist) ระบบระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว XDS (Electronic Differential System) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System) ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist) ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection) ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบช่วยเตือนการชนด้านหลัง RCW (Rear Collision Warning) นอกจากนี้ยังมาพร้อมกล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง เข็มขัดนิรภัยแบบดึง รั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer และระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock)
ALL NEW MG5 มีสีตัวถังทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีเหลือง (Nuclear Yellow) สีขาว (Arctic White) สีดำ (Black Knight) สีเงิน (Silver Metallic) สีแดง (Scarlet Red) และสีเทา (Metal Ash Grey) และมีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย พร้อมราคาดังนี้
- รุ่น C ราคา 559,000 บาท
- รุ่น D ราคา 599,000 บาท
- รุ่น X ราคา 689,000 บาท
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com