2021 Mercedes-Benz GLS CKD เอสยูวีพี่บิ๊กหรู 7 ที่นั่งประกอบไทย กับค่าตัวถูกลงเริ่ม 6.499 ล้านบาท
- โดย : Autodeft
- 24 ม.ค. 64 00:00
- 21,556 อ่าน
ค่ายรถยนต์ตราดาวสุดหรูอย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ครั้งนี้ต้อนรับปีวัวอย่างสุดอลังการเปิดตัวรถยนต์อเนกประสงค์รุ่นใหญ่ ที่งานนี้เปิดตัวในเวอร์ชั่นประกอบในประเทศแถมค่าตัวถูกลงกว่าเดิมในชื่อ Mercedes-Benz GLS
Mercedes-Benz GLS 350 d 4MATIC AMG Premium Large Full-Size SUV นับเป็นครั้งแรกที่ประกอบในประเทศไทยเติมเต็มพอร์ทโฟลิโอรถยนต์ตระกูลเอสยูวี อย่างสมบูณณ์แบบโดดเด่น ในเรื่องความหรูหราสง่างามที่มาพร้อมความปลอดภัยสูงสุด และความสะดวกสบายเช่นเดียวกับ S-Class เก๋งใหญ่หรูร่วมค่าย ภายนอกไม่แตกต่างจากเวอร์ชั่นนำเข้าเด่นที่เทคโนโลยีไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED พร้อมระบบไฟสูงแบบ ULTRA RANGE Highbeam ที่ประกอบด้วยหลอดไฟ LED จำนวน 112 หลอดต่อโคมไฟหน้า1 โคม ที่สามารถปรับความเข้มของแสง และความยาวของลำแสงได้อย่างเป็นอิสระ มาพร้อมกับไฟท้ายแบบ LED และล้ออัลลอยด์น้ำหนักเบาดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ 21 นิ้ว พร้อมยาง 275/45 R21 สำหรับล้อหน้า และ 315/40 R21 สำหรับล้อหลัง เพิ่มความสะดวกด้วยบันไดสำหรับเข้าและออกห้องโดยสารแบบอัลลูมิเนียมที่มาพร้อมปุ่มยางกันลื่น นอกจากนี้ยังมีหลังคา พาโนรามิคซันรูฟ (Panoramic sliding sunroof) ที่เลื่อนเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
มิติตัวรถเท่ากับเวอร์ชั่นนำเข้าด้วยความยาว 5,207 มม. ความกว้าง 2,030 มม. ความสูง 1,823 มม. ฐานล้อ 3,135 มม. น้ำหนักรถ 2,500 กก. และความจุถังน้ำมัน 90 ลิตร
ภายในออกแบบห้องโดยสารให้กว้างขวางโดยสามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 7 ท่าน ด้วยระยะฐานล้อที่ยาวขึ้น 60 ม.ม. เพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะบริเวณที่นั่งแถวที่ 2 โดยเบาะที่นั่งแถวที่ 2 สามารถปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ และยังสามารถเลื่อนปรับเบาะให้ถอยหลัง ไปได้อีก 10 ซม. เพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับวางขา และพนักพิงสามารถปรับเอนได้มากขึ้นกว่าเดิมและยังมาพร้อมกับระบบ EASY-ENTRY ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับการเข้าสู่ตำแหน่งที่นั่งแถวที่ 3 โดยเบาะและพนักพิงของที่นั่งแถวที่ 2 จะถูกพับขึ้นด้วยระบบไฟฟ้า ทำให้สามารถเข้าสู่แถวที่ 3 ได้อย่างสะดวกสบายและง่ายดาย ส่วนเบาะที่นั่งแถวที่ 3 เป็นที่นั่งแบบเต็มตัว (full size) สามารถรองรับผู้โดยสารที่มีส่วนสูงได้ถึง 194 ซม. นอกจากนี้ เบาะที่นั่งแถวที่ 2 และ 3 ยังสามารถพับเก็บหรือปรับแต่งได้อย่างอิสระเพื่อรองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลาย โดยหากพับเบาะที่นั่งแถวที่ 2 และ 3 ให้แบนราบทั้งหมดจะสามารถเพิ่มความจุสำหรับเก็บสัมภาระได้สูงสุดถึง 2,400 ลิตร อีกทั้งยังได้เพิ่มสุนทรียภาพในการเดินทางด้วยระบบไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สี และระบบปรับอุณหภูมิอัตโนมัติภายในห้องโดยสาร THEMOTRONIC 5 โซน เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ
สำหรับเวอร์ช่นประกอบในประเทศมีการตัดออพชั่นแค่ ระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display) แต่มีการเพิ่มออพชั่นให้แตกต่างกันไม่ว่าจะเป็น จอสัมผัสสำหรับผู้โดยสารตอน 2 จำนวน 2 จอ ขนาด 11.6 นิ้ว พร้อมหูฟัง สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง 2 ชุดแบบ Wireless เสริมการทำงานของระบบมัลติมีเดีย MBUX (Mercedes-Benz User Experience) ทั้งจอแสดงผลความละเอียดสูงแบบ Digital widescreen cockpit จำนวน 2 จอต่อเนื่องกัน โดยสามารถเปลี่ยนรูปแบบแสดงผลของหน้าจอเพื่อสร้างบรรยากาศแห่งการขับขี่ที่หลากหลาย ที่ใช้ง่ายเพียงแค่ปลายนิ้วด้วยระบบสัมผัส รวมถึงระบบแผนที่นำทาง (Hard Disc Navigation) ที่มีความแม่นยำสูง โดยผู้ขับขี่สามารถป้อนข้อมูลด้วย การสัมผัส touch screen, touch pad หรือระบบสั่งการด้วยเสียง (LINGUATRONIC) ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® ฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS และ Android (Apple CarPlay™ & Android Auto™) ยังมาพร้อมกับบริการ ‘Mercedes me connect’ ที่มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่อันโดดเด่นมากมาย
เอสยูวีไซส์บิ๊ก 7 ที่นั่งยังเหนียวแน่นกับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ 6 สูบแถวเรียง 3.0 ลิตร รหัส OM656 286 แรงม้าที่ 3,400 – 4,600 รอบ/นาที แรงบิด 600 นิวตันเมตรที่ 1,200-3,200 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 7 วินาที ความเร็วสูงสุด 227 กม./ชม.ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 9 จังหวะ (9G-TRONIC) ซึ่งถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นเพื่อให้ได้อัตราเร่งที่ดีที่สุด นุ่มนวลที่สุด และช่วยให้เครื่องยนต์ประหยัดน้ำมันมากขึ้น โดยสามารถลดการใช้น้ำมันลงได้ ถึง 6.5% มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ “Full time” แบบ 4MATIC ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมรถและการทรงตัวบนถนนที่เปียกลื่น รวมถึงการขับขี่บนทางแบบ OFF-ROAD ให้คุณสามารถควบคุมการขับขี่ได้อย่างเฉียบคม มั่นใจ และให้ความนุ่มนวลตลอดการเดินทางในทุกสภาพถนนด้วยระบบช่วงล่างแบบ AIRMATIC และเป็นครั้งแรกที่จะได้พบกับฟังก์ชันเตรียมรถเข้าสู่เครื่องล้างอัตโนมัติ โดยจะทำงานอย่างสอดคล้องร่วมกับระบบ AIRMATIC เพียงสั่งงานผ่านหน้าจอ media display
ระบบรักษาความปลอดภัยที่ล้ำสมัยมากมาย อาทิ ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดบอดสายตา (Blind Spot Assist) ที่ช่วย ลดความเสี่ยงจากการชนกับรถยนต์ที่อยู่ในจุดอับสายตาในขณะที่กำลังจะเปลี่ยนช่องจราจร และเมื่อผู้ขับขี่เดินทางถึงที่หมายแล้วระบบจะทำงานต่อเนื่องไปอีก 3 นาทีหลังจากดับเครื่องยนต์ ไปแล้ว เพราะฉะนั้นหากมีการเปิดประตูรถด้านที่มีรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์วิ่งเข้ามาใน จุดอับสายตา ผู้ขับขี่จะยังคงได้รับการเตือนจากระบบ, ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทาง (Active Lane Keeping Assist) ที่ทำหน้าที่เตือนผู้ขับด้วยการสั่นสะเทือน และช่วยดึงรถ กลับเข้าสู่ช่องจราจรเดิมโดยอัตโนมัติหากเรดาร์ของระบบตรวจพบความเสี่ยงในการชนกับรถยนต์ที่ตรวจจับได้, ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า (Active Distance Assist DISTRONIC), ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist) ระบบรักษาสมดุลของตัวรถเมื่อมีลมมาปะทะด้านข้าง (Crosswind assist) โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® (Electronic Stability Program) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR (Acceleration skid control) ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system) กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง Electronic Traction System 4ETS สำหรับรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ และระบบความปลอดภัยอื่นๆ อีกมากมาย
Mercedes-Benz GLS 350 d 4MATIC AMG Premium มาพร้อมค่าตัวเร้าใจถูกลงจากเวอร์ชั่นนำเข้า 2,360,000 บาท เพียง 6,499,000 บาท (เดิม 8,859,000 บาท)
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com