2021 The new Mercedes-Benz GLA เอสยูวีเล็กเจนใหม่จากเยอรมัน ประกอบไทย ค่าตัวคุ้ม เริ่ม 2.399 ล้านบาท
- โดย : Autodeft
- 12 พ.ย. 63 00:00
- 23,253 อ่าน
หลังจากเปิดตัวให้ทั่วโลกได้สัมผัสไปในช่วงปีกลายสำหรับ The new Mercedes-Benz GLA เอสยูวีเล็กเจเนอเรชั่นที่ 2 ที่งานนี้เปลี่ยนรูปลักษณ์ให้กลายเป็นรถลุยผสมกับความคล่องตัวหวังพิชิตใจคนเมืองสมัยใหม่อย่างเต็มภูมิ
ล่าสุดเมืองไทยเปิดตัวอย่างเป็นทางการและยังเป็นรุ่นประกอบในเมืองไทยโดยรุ่นที่จำหน่ายเป็น The new Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic ในรหัส H247 กระจังหน้าแบบ diamond radiator grille สีเงิน ประกอบด้วยเส้นเดี่ยวแนวนอน และ ตราสัญลักษณ์ของ Mercedes-Benz ตรงกลาง ด้านกว้างของตัวรถถูกออกแบบมาให้ดูทรงพลังและเร้าอารมณ์ มาพร้อมไฟหน้า LED แบบ LED High Performance ให้รายละเอียดที่สะท้อนเอกลักษณ์ของความเป็นรถยนต์เอสยูวีจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ เส้นสายการออกแบบที่ผสมความเป็น GLA เจนเดิม กับ Compact Car รุ่นอื่นของค่ายได้อย่างแยบยน แนบเนียนกับชุดแต่ง Crossover รอบคันพร้อมราวหลังคาและไฟท้าย LED ใหม่ช่วยให้ตัวรถโดดเด่นขึ้น ปลายท่อไอเสียเสริมโครเมียม 2 ท่อ ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 19 นิ้ว 5 ก้านคู่ ตกแต่งด้วยสี tremolite greyพร้อมยาง 235/50 R19
พื้นฐานเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า ที่พัฒนามาจากรถยนต์ตระกูล Compact Car ประกอบด้วยรุ่น A-Class, A-Class Sedan, A-Class Sedan รุ่นฐานล้อยาว, B-Class, CLA Coupe, CLA Shooting Brake และ GLB พร้อมตัวรถยกสูงช่วยให้ฝ่าฝันอุปสรรคได้อย่างง่ายดาย ตัวรถใหญ่ขึ้นด้วยความยาว 4,436 มม. ความกว้าง 1,849 มม. ความสูง 1,605 มม. ฐานล้อ 2,729 มม. น้ำหนัก 1,485 กก. ความจุถังน้ำมัน 43 ลิตร
ภายในสร้างสรรค์สเกลการออกแบบใหม่ในทุกรายละเอียดด้วยสไตล์ที่ให้ความรู้สึกสปอร์ต โมเดิร์น ทั้งยังเพิ่มความกว้างขวางเข้ามา เติมเต็มความสปอร์ตด้วยชุดตกแต่งภายในแบบ AMG Interior package ในส่วนของหน้าปัดที่ดูล้ำสมัยด้วยการออกแบบทรงปีกนกที่ทอดยาวตั้งแต่ประตูหน้าผ่านคอนโซลกลางอย่างไร้รอยต่อ มาพร้อมกับหน้าจอ Widescreen ขนาด 10.25 นิ้วต่อกัน 2 หน้าจอ โดยหน้าจอทั้งสองจะอยู่ติดกันและมีลักษณะลอยตัวแบ่งการแสดงผลเป็น 2 ส่วน คือ แผงหน้าปัดสำหรับแสดงมาตรวัดต่าง ๆ ซึ่งเป็นหน้าจอแบบ Widescreen ขนาดใหญ่ เพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นได้ชัดเจน และอีกส่วนหนึ่งจะเป็นหน้าจออินโฟเทนเมนต์ พร้อมระบบปฏิบัติการหน้าจอแบบ MBUX ที่ใช้ระบบสัมผัส (Touchscreen) โดยผู้ขับขี่สามารถควบคุมและออกคำสั่งได้ด้วยการสัมผัสที่หน้าจอ หรือใช้ Touchpad ดีไซน์ใหม่ ส่วนช่องลมของเครื่องปรับอากาศนั้นได้รับการออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจมาจากใบพัดของเครื่องบินเจ็ต (turbine) เป็นต้นแบบ นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดแบบสปอร์ตที่ถูกบรรจุไว้ในทุกส่วน อาทิ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันที่ตกแต่งแบบสปอร์ตหุ้มด้วยหนัง nappa รวมไปถึงระบบไฟส่องสว่างแบบ Ambient Light ในห้องโดยสารที่มีให้เลือกถึง 64 สี ช่วยเพิ่มเอกลักษณ์ความสปอร์ตให้โดดเด่นยิ่งขึ้น
สำหรับระบบมัลติมีเดียใหม่ล่าสุด MBUX นั้น พัฒนาขึ้นเพื่อยกระดับความสะดวกสบายให้แก่ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รองรับการสั่งการผ่านจุดสำคัญ 2 จุดคือ หน้าจอ Widescreen ระบบสัมผัส (หน้าจอส่วนอินโฟเทนเมนต์) และ Touchpad ที่อยู่ตรงคอนโซลกลาง มีจุดเด่นอยู่ที่คุณสมบัติด้านการเรียนรู้ที่สามารถจดจำความต้องการของผู้เป็นเจ้าของผ่านระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) สามารถปรับแต่งหรือปรับเปลี่ยนตามลักษณะการใช้งานจริงของผู้เป็นเจ้าของรถได้ มาพร้อมกับฟังก์ชันใหม่ๆ ที่น่าสนใจมากมาย อาทิ
• Navigation ระบบนำทางแบบใหม่ที่มาพร้อมกับ GPS ที่แม่นยำยิ่งขึ้น และแผนที่ที่แสดงผลแบบสามมิติ (3D) ด้วยกราฟิกที่มีความละเอียดสูง ทำงานร่วมกับระบบ AR ในการนำทางโดยผู้ใช้สามารถหาจุดหมายที่ต้องการได้ด้วยการสัมผัสหน้าจอ นอกจากนั้นยังสามารถรายงานสภาพถนนและสถานะของร้านค้าต่าง ๆ ได้แบบเรียลไทม์อีกด้วย
• Personal profiles ที่จะจดจำข้อมูลของผู้ขับขี่แต่ละคนไว้ ทั้งลักษณะของการปรับเบาะ ที่นั่ง สีไฟในห้องโดยสารที่ชอบ สถานที่ที่ไปเป็นประจำ ฯลฯ โดยระบบนี้สามารถจดจำข้อมูลของผู้ขับขี่ได้ถึง 22 โปรไฟล์
• Linguatronic ระบบสั่งการด้วยเสียงที่รองรับได้ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมัน และภาษาฝรั่งเศสของทุกสำเนียงทั่วโลก (natural speech recognition) ระบบนี้สามารถรับรู้และเข้าใจเกือบทุกคำที่ปรากฏอยู่ในระบบอินโฟเทนเม้นท์ของรถยนต์ โดยผู้ขับขี่สามารถเปิดระบบได้เพียงพูดคำว่า “Hey, Mercedes”
รถยนต์คอมแพ็คเอสยูวีเจเนอเรชั่นที่ 2 ที่มาพร้อมคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นยิ่งขึ้น เติมเต็มความโฉบเฉี่ยวให้กับทุกการเดินทางด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 3 สูบ 1.3 ลิตร รหัส M282 163 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,620-4,000 รอบ/นาที จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7G-DCT ให้อัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมจาก 0-100 กิโลเมตรในเวลา 8.7 วินาที ทว่ามีอัตราการปล่อยไอเสียต่ำเพียง 130-137 กรัม/กม. และยังมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ยอดเยี่ยมเฉลี่ยเพียง 5.7-6.0 ลิตร/100 กม. พร้อมเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยที่ล้ำสมัยมากมาย เช่น ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ ABA (Active Brake Assist) ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist) พร้อมกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ (Reversing Camera) ที่จะช่วยให้การถอยจอดง่ายขึ้น
The new Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic ยังมีเทคโนโลยีที่เป็นไฮไลต์นี้คือ บริการ Mercedes me connect ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่างลูกค้า และผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดยทำงานร่วมกับระบบมัลติมีเดียอัจฉริยะที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ล่าสุดอย่างระบบ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) โดยผลลัพธ์ที่ได้คือ มีฟีเจอร์ต่างๆ ที่หลากหลายขึ้น และความสะดวกสบายที่มากขึ้นสำหรับผู้ขับขี่ บริการ Mercedes me connect มาพร้อมฟังก์ชันอันโดดเด่นมากมายที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับเพิ่มบริการ และฟังก์ชันต่างๆ ตามต้องการได้ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน อาทิ
• Mercedes-Benz emergency call system ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถชนและถุงลมนิรภัยทำงาน เซ็นเซอร์ของระบบนี้จะทำงานโดยอัตโนมัติ และส่งตำแหน่งของรถยนต์ให้กับศูนย์ช่วยเหลือทันที
• Vehicle Monitoring เจ้าของรถยนต์สามารถเช็คตำแหน่งล่าสุด หรือเส้นทางการขับขี่ของรถยนต์ได้ผ่านแอปพลิเคชันของ Mercedes me connect ได้
• Vehicle Set-up ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบสภาพรถยนต์ได้จากระยะไกล โดยเซ็นเซอร์ที่อยู่ในรถจะตรวจสอบสภาพของรถยนต์ในขณะนั้น และส่งเป็นข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันให้ทั้งผู้ขับขี่ และศูนย์ซ่อมบำรุงสามารถเปิดดูรายละเอียดข้อมูลสถานะต่าง ๆ ได้
• Maintenance Management ระบบนี้จะช่วยเตือนเมื่อถึงเวลานำรถยนต์เข้าตรวจสภาพ โดยจะตั้งวัน และเวลาเข้ารับบริการในครั้งต่อไปให้อัตโนมัติ
• Online Booking ฟังก์ชั่นสำหรับการนัดหมายเพื่อเข้ารับบริการต่างๆ จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ง่ายเพียงปลายนิ้วด้วยแอปพลิเคชัน Mercedes Me Service
The new Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic จำหน่ายในราคา 2,399,000 บาท
คลิ๊กชม Gallery The New Mercedes-Benz GLA ได้ที่นี่ !!
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com