เคาะราคาแล้ว!! 2021 All New Haval H6 Hybrid เอสยูวีพลังแรง 243 แรงม้า เริ่มต้น 1.149 ล้านบาท
- โดย : Autodeft
- 28 มิ.ย. 64 19:45
- 13,320 อ่าน
หลังจากที่โชว์ตัวให้คนไทยได้สัมผัสตั้งแต่ต้นปีรวมถึงการพรีวิวและรีวิวทดลองขับจากหลากหลายสื่อ ทำให้คนไทยทั้งประเทศเทใจเป็นเจ้าของเอสยูวีน้องใหม่จากแดนมังกรอย่าง All New Haval H6 Hybrid กันเป็นจำนวนมากโดยที่ไม่ทราบราคาจำหน่าย
และวันนี้ ฮาวอล พร้อมแล้วที่จะประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการสำหรับ All New Haval H6 Hybrid เอสยูวีรุ่นแรกของไทยที่มาพร้อมพลัง Hybrid ไม่ว่าจะเรื่องงานดีไซน์ เทคโนโลยีและความปลอดภัยที่จัดเต็มที่พร้อมเป็นทุกอย่างให้คุณออกแบบตามหลักสุนทรียศาสตร์ โดยใช้เส้นโค้งและลายเส้นที่เรียบง่ายปรับความหล่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนไทย ออกแบบสุดพรีเมียม ล้ำยุค ควรค่าแก่การครอบครองภายใต้การนำทีมออกแบบโดย Phil Simmons ผู้มีประสบการณ์ออกแบบรถยนต์แบรนด์ยุโรปชื่อดังมากมาย ตั้งแต่กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมแบบโครเมี่ยม ขนาบข้างกับไฟหน้าอัจฉริยะ Intelligent LED กับล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/55R19 กับขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/60R18 ไฟท้าย LED แบบ Cross-Sectional พาดยาวทั้งชิ้นตกแต่งหรูด้วยมชุดโครเมี่ยม ราวหลังคา เติมเต็มความหรูขึ้นอีกระดับแต่ประณีต พรีเมียม ล้ำยุค และเหนือระดับ
สร้างจากสถาปัตยกรรม LEMON platform แพลตฟอร์มเทคโนโลยีโมดูลาร์ที่มีประสิทธิภาพสูง ความปลอดภัยสูง และน้ำหนักเบา มาพร้อมโหมดช่วยการขับขี่หลายรูปแบบ ตอบสนองการขับขี่ในหลากหลายสภาพถนน อีกทั้งยังช่วยลดการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพพร้อมมิติที่ใหญ่ขึ้นตั้งแต่ความยาว 4,653 มม. กว้าง 1,886 มม. สูง 1,724 มม. ระยะฐานล้อ 2,738 มม. ความสูงจากใต้ท้องรถ 175 มม. และความจุถังน้ำมัน 61 ลิตร
ภายในออกแบบสปอร์ต โฉบเฉี่ยว ด้วยสีทูโทนแบบ สีโรสโกลด์ กับ สีแกรนด์เปียโนแบล็ค ที่เข้ากันอย่างลงตัวด้วยชุดโครเมี่ยมพร้อมไฟ Ambient Light รวมไปถึงแผงมาตรวัด Digital แบบลอยตัว 10 นิ้ว พร้อมจอ Infotainment ขนาดใหญ่ ให้เลือกทั้งแบบ 10 กับ 12 นิ้ว พร้อมลำโพง 8 ตัว พร้อม Treble Woofer และ DTS และจอแสดงผลแบบ Head Up Display (HUD) แสดงภาพข้อมูลการขับขี่ครบครันบนกระจก รวมไปถึงพวงมาลัยไฟฟ้า Multi-Function หลังคาพาโนรามิคซันรูฟขนาดใหญ่ เครื่องปรับอากาศ dual-zone climate control พร้อมตัวกรอง CN 95 พร้อมแอร์หลัง เบาะนั่งกึ่งหนังแท้คุณภาพดีปรับด้วยระบบไฟฟ้าคูห่น้า 6 ทิศทางสำหรับคนขับพร้อมดันหลังไฟฟ้าและ 4 ทิศทางสำหรับคนนั่งตัวเบาะคุณภาพสูงที่ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์พับได้แบบ 40/60 เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการขนของ ที่ชาร์สมาร์ทโฟนไร้สาย Wireless Charger และ แสงไฟสีแดง (Ambient Light) สร้างบรรยากาศอบอุ่นภายในห้องโดยสาร
All New Haval H6 Hybrid ใช้ขุมพลังเครื่องยนต์เทอร์โบแปรผันซูเปอร์ชาร์จ VGT 1.5 ลิตร GW4B15 GDIT EVO 150 แรงม้าที่ 5,500-6,000 รอบ/นาที แรงบิด 230 นิวตันเมตรที่ 1,500-4,000 รอบ/นาที ในภาคเครื่องยนต์ จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า 177 แรงม้าที่ 300 นิวตันเมตร โดยเมื่อทำงานร่วมกันจะได้แรงม้ารวมสูงสุด 243 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตร พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ DHT ขับเคลื่อนล้อหน้า โดยเกียร์ DHT มี 2 ระบบเกียร์ (1 ระบบเกียร์ที่ด้านเครื่องยนต์และอีก 1 ระบบเกียร์ที่ด้านมอเตอร์ขับเคลื่อน) เพื่อรองรับการขับเคลื่อนที่หลากหลายและกระทบกับสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด และช่วยประหยัดน้ำมัน เร้าใจยิ่งขึ้นด้วยโหมดการขับขี่เลือกได้ถึง 4 โหมดทั้งโหมด มาตรฐาน, สปอร์ต, ประหยัด, สภาพถนนลื่น
พิเศษด้วยระบบอัจฉริยะระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัย (Driver Assistance and Safety Systems) สำหรับการขับขี่แบบอัตโนมัติในระดับ 2+ เริ่มที่ ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน (Active Safety) มีทั้ง
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ช่วยควบคุมในช่วงความเร็วเต็มพิกัดที่กำหนดไว้ รวมถึงการหยุดและรีสตาร์ทกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (ICA) ทำงานตามความเร็วที่ผู้ขับขี่ตั้งเอาไว้ แต่จะตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัย
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) เป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อใช้ความเร็วต่ำ
- ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) มาพร้อมระบบการตรวจจับคนเดินถนน และทางแยก โดยสามารถคำนวณระยะทางระหว่างรถและคนเดินถนนได้แบบเรียลไทม์ มีสัญญาณเตือนด้วยเสียงและการเบรกอัตโนมัติช่วยหลีกเลี่ยงการชนหรือลดแรงกระแทก และยังมีการเตือนการชนด้านหน้าและด้านหลัง โดยใช้เรดาร์ด้านหน้าและหลัง เพื่อพิจารณาระยะทาง ทิศทาง และความเร็วสัมพัทธ์ของรถคันอื่น
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ช่วยควบคุมพวงมาลัยให้รถอยู่ในเลน
- ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ช่วยควบคุมรถให้อยู่กึ่งกลางเลน
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) ระบบจะทำการแทรกแซงการทำงานมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดการชน
- ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) โดยระบบจะตรวจสอบรถบรรทุกขนาดใหญ่หรือรถที่มีขนาดยาว โดยในระหว่างการแซง จะรักษาช่องว่างระหว่างรถตามระยะที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ
- การเข้าโค้งอัจฉริยะ เมื่อระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ทำงานกล้องจะทำการตรวจสอบความโค้งของถนน และความเร็วจะถูกปรับอัตโนมัติหากจำเป็นต้องลดความเร็วในขณะเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย และรถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้
- ระบบตรวจจับและตีความหมายป้ายจราจร (TSR) โดยสามารถวิเคราะห์ป้ายจราจรเช่น ป้ายจำกัดความเร็ว และจะมีสัญญาณเตือนด้วยเสียงและภาพแสดงบนหน้าจอเพื่อเตือนผู้ขับขี่หากขับเกินความเร็วที่กำหนด
- กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ประกอบไปด้วยกล้องที่มองได้รอบ 4 ตัว มีความละเอียดคมชัด 4 Megapixel โดยระบบจะรวมเอามุมมองภาพทั้ง 4 กล้องมาสร้างภาพที่มีมุมมอง 360 องศา เพื่อแสดงให้เห็นมุมมองของรถในแบบ “เฮลิคอปเตอร์” และเปิดการทำงานอัตโนมัติเมื่อเข้าสู่โหมดการถอยหลัง โดยสามารถดูได้เมื่อขับรถที่ความเร็ว 15 หรือ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและตอนสตาร์ทรถ
- ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IAP) ใช้เซนเซอร์และกล้องในการตรวจสอบเพื่อตรวจจับวัตถุและเครื่องหมายบริเวณช่องจอดหรือจุดจอดรถและช่วยทำงานเต็มรูปแบบเพื่อเข้าจอด ทั้งแนวตั้ง แนวนอน หรือแนวเฉียง โดยเมื่อระบุช่องว่างที่จะนำรถเข้าจอดแล้ว รถจะทำการจอดด้วยตัวเองด้วยการควบคุมพวงมาลัย เบรก และคันเร่ง
- ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA) ในขณะที่ขับรถต่ำกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถจะบันทึกเส้นทางและสามารถถอยหลังกลับได้ในระยะ 50 เมตรโดยอัตโนมัติ และหากเลือกเกียร์ถอย รถจะสามารถถอยหลังกลับได้เองโดยใช้ข้อมูลสิ่งกีดขวางต่างๆ ที่ถูกบันทึกไว้
- ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW) ระบบตรวจสอบและแจ้งเตือนวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหว หากพบการเปิดประตูรถ เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ เมื่อรถจอดเรียบร้อยแล้ว หากมีการตรวจจับวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวได้ เช่น มีรถหรือนักปั่น จะมีไฟเตือนการเปิดประตูจะแสดงขึ้นบนหน้าจอ และเมื่อประตูถูกเปิดออกในขณะที่วัตถุถูกตรวจจับได้ ไฟเตือนจะกระพริบและจะมีเสียงเตือน
พร้อมระบบ Active Safety อื่นๆตั้งแต่ ระบบควบคุุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (VSC) ,ระบบช่วยลงทางลาดชัน (HDC), ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA), ระบบป้องกันการไหลของรถโดยการเบรกอัตโนมัติ (AVH), ระบบช่วยเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรก (HBA), ระบบลดความเสี่ยงที่จะพลิกคว่ำ (ARS), ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS) , ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอัยสายตาขณะถอยหลัง (RCTA), ระบบช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ (DFM), ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (BSD), ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
ระบบความปลอดภัยเชิงแก้ไข (Passive Safety)ตัวถังทำจากเหล็กที่มีความแข็งแรงสูงและเชื่อมต่อด้วยเลเซอร์ สามารถดูดซับและลดแรงกระแทกเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นหลัก และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง เพื่อปกป้องผู้โดยสาร เมื่อเกิดอุบัติเหตุ
เอสยูวีรุ่นเรือธงของค่าย HAVAL อย่าง All New HAVAL H6 Hybrid SUV มีสีให้เลือกถึง 5 สี ได้แก่ สีเทา Ayers Gray, สีน้ำเงิน Swarovski Blue, สีขาว Hamilton White ,Burgundy Red (สีแดง)* และสีดำSun Black โดยจำหน่ายในไทย 2 รุ่นย่อยพร้อมราคาดังนี้
- รุ่น PRO ราคา 1,149,000 บาท
- รุ่น ULTRA ราคา 1,249,000 บาท
*ส่งมอบรถเดือนกันยายน
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com