Toyota Hilux Revo Facelift ตัวตนใหม่ของกระบะคนจริง เริ่ม 523,000 บาท
- โดย : Autodeft
- 14 พ.ย. 60 00:00
- 29,256 อ่าน
นับตั้งแต่ Toyota Hilux Revo เริ่มจำหน่ายในไทยภายใต้โครงการ “IMV: Innovative International Multi Purpose Vehicle” เจนเนอเรชั่นที่ 2 กลายเป็นที่ยอมรับจากสิงห์รถกระบะจนมียอดจำหน่ายสะสมภายในประเทศกว่า 1,900,000 คัน และยังสามารถสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยภายใต้คุณภาพการผลิต ด้วยยอดส่งออก ไปจำหน่ายยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกกว่า 3,000,000 คัน
ล่าสุด โตโยต้า ตอกย้ำความแข็งแกร่ง ดุดัน ด้วยมาดใหม่ Toyota Hilux Revo รุ่นปรับปรุงโฉม หรือ Facelift โดยงานนี้ปรับในส่วนรุ่นขับสองยกสูง Prerunner และ รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD ทั้งสมาร์ทแค็บ / ดับเบิ้ลแค็บ (ยกเว้นรุ่น J Prerunner) ตั้งแต่ กระจังหน้าทรงบึกบึนแบบอเมริกันขอบโครเมี่ยมตกแต่งด้วยสีดำเงารับกับกันชนหน้าดีไซน์ใหม่สีเดียวกับตัวรถพร้อม ไฟตัดหมอก LED (ในรุ่น G กับ E Plus) กับไฟตัดหมอก (ในรุ่น E Plus, E, J Plus) กับกรอบไฟตัดหมอกสีดำเงาและโครเมียม พร้อมล้ออัลลอยลายเดิมขนาด 17 นิ้ว ติดตั้งยาง All Terrain (AT) ขนาด 265/65R17และยางกันโคลน 4 ด้าน เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ด้านท้ายยังคงเดิม ไม่ว่าจะเป็นชุดกันชนหลัง กับที่เปิดประตูท้ายพร้อมกล้องมองหลัง
ส่วนรุ่นขับเคลื่อนสองล้อมาตรฐานทั้งตอนเดียว/สมาร์ทแค็บ / ดับเบิ้ลแค็บ ภายนอกตั้งแต่กระจังหน้าแนวนอน ไฟหน้ากันชนหน้ายังคงเดิม เพิ่มเติมด้วย กระจังหน้าตกแต่งด้วยสีดำเงาและโครเมียม ไฟตัดหมอกหน้า (ในรุ่น G Smart Cab) กรอบไฟตัดหมอกดีไซน์ใหม่ และชุดแต่งกันชนหน้าใหม่
พร้อมกันนี้ยังแนะนำรุ่นพิเศษแต่งจากโรงงานในชื่อ ROCCO อัพเกรดจากรุ่นขับสองยกสูง Prerunner และ รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD ดุดันขึ้นตั้งแต่ กระจังหน้าทรงบึกบึนแบบอเมริกัน สีเทาและสีดำเงา รับกับกันชนหน้าดีไซน์ใหม่สีเดียวกับตัวรถพร้อม ไฟตัดหมอก LED กรอบไฟตัดหมอกสีดำเงาตกแต่งด้วยแถบสีเทา ล้ออัลลอยลายลายใหม่สีเข้มขนาด 18 นิ้ว ติดตั้งยาง All Terrain (AT) ขนาด 265/60R18 และคิ้วขอบล้อเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมชุดแต่งเข้ม สีดำเมทัลลิกทั้ง กระจกมองข้าง, มือเปิดประตู ด้ายท้ายเดิมตกแต่งดุดเข้มด้วย มือเปิดฝาท้ายพร้อมกุญแจล็อค สปอร์ตบาร์พร้อมพื้นปูกระบะ กันชนหลังสีเทาเมทัลลิกพร้อมชุดตกแต่งกันชนหลัง และ สติกเกอร์ด้านข้างกระบะ
ภายในยังใช้ดีไซน์แผงคอนโซลหน้ากับแผงประตูแต่เพิ่มเติมแตกต่างกันเริ่มจากรุ่น รุ่นขับสองยกสูง Prerunner และ รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD ทั้งสมาร์ทแค็บ / ดับเบิ้ลแค็บ ตกแต่งด้วยโทนสีดำ และ แถบตกแต่งคอนโซลหน้าสีเงินและโครเมียม และเพิ่มไล่ฝ้ากระจกหลังในรุ่น JPlus กับ รุ่น J ด้านรุ่นขับเคลื่อนสองล้อมาตรฐานทั้งตอนเดียว/สมาร์ทแค็บ / ดับเบิ้ลแค็บ นอกจากเพิ่มแถบตกแต่งคอนโซลหน้าสีเงินและโครเมียมในรุ่น G แล้ว รุ่น J Plus เพิ่มไล่ฝ้ากระจกหลัง ส่วนรุ่น J เพิ่มออพชั่นความสบายมากขึ้นด้วย กระจกไฟฟ้าแบบขึ้น-ลง อัตโนมัติ และระบบป้องกันการหนีบเฉพาะด้านผู้ขับ เพิ่มกระจกมองข้างปรับไฟฟ้า แผงประตูสีดำ บุผ้าเพิ่มเซ็นทรัลล็อคแบบ speed auto lock เพิ่มกุญแจรีโมทแบบ Jack knife และเพิ่มไฟแสดงตำแหน่งกุญแจ
ส่วนรุ่น ROCCO สปอร์ตเร้าใจขึ้นด้วย มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron ดีไซน์เด่น แผงคอนโซลหน้าตกแต่งด้วยสีดำเมทัลลิก พวงมาลัยหุ้มหนัง / แผงข้างประตู / ช่องปรับอากาศ / หัวเกียร์หุ้มหนัง (เฉพาะรุ่น เกียร์อัตโนมัติ) ตกแต่งด้วยแถบสีดำเมทัลลิก และฐานเกียร์ กรอบเสาประตูและแผงบุหลังคาสีดำช่องเก็บของด้านบน พร้อมสัญลักษณ์ HILUX และSmart Key ดีไซน์เฉพาะรุ่น (ดับเบิ้ลแค็บ)
ขุมพลังยังคงเดิมด้วยเครื่องยนต์ต์ดีเซล Toyota VN Turbo รุ่น 1GD-FTV High-Power ขนาด 2.8 ลิตร แรงม้าอยู่ที่ 177 แรงม้าที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิด 450 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,400 รอบ/นาทีในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และ 420 นิวตันเมตรที่ 1,400-2,600 รอบ/นาที ในรุ่นเกียร์ธรรมดา IMT 6 สปีด กับ 2.8 Mid-Power 170 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที และทำแรงบิด 343 นิวตันเมตรที่ 1,200-3,400 รอบ/นาที จับคู่มาพร้อมเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ถ้าต้องการประสิทธิภาพการขับขี่เปี่ยมด้วยความประหยัดมาพร้อมกัน ยังมีเครื่องยนต์ดีเซล VN เทอร์โบ รุ่น 2GD-FTV High-Power ขนาด 2.4 ลิตร 150 แรงม้าที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิด 400 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,000 รอบ/นาที มีให้เลือกทั้งเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดและเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ส่วนในรุ่น 2.4 Mid-power ให้กำลัง 150 แรงม้าที่ 3,400 รอบ/นาที และทำแรงบิด 343 นิวตันเมตรที่ 1,400-2,800 รอบ/นาทีโดยในรุ่นนี้ จับคู่มาพร้อมเกียร์ธรรมดา 5 สปีด เท่านั้น
และมีตัวเลือกเครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2TR-FE ขนาด 2.7 ลิตร Dual VVT-I และสามารถเติม E20 ได้ ให้กำลังสูงสุดถึง 166 แรงม้าที่ 5,200 รอบ/นาที และทำแรงบิด 245 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาทีและมีให้เลือกทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดา 5 สปีดและอัตโนมัติ 6 สปีด
ความปลอดภัยงจัดเต็มพร้อมทุกสถานการณ์ ทั้งระบบเบรก ABS ,EBD และ BA ถุงลมนิรภัยคู่หน้าและใต้เข่าคนขับ พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime มอบให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทุกรุ่น พร้อมความปลอดภัยอื่นๆเช่น ถุงลมนิรภัยด้านข้างและม่านนิรภัย ระบบควบคุมการทรงตัว VSC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ระบบควบคุมการส่ายเมื่อต้องต่อส่วนพ่วงท้าย TSC และโครงสร้างนิรภัยแบบ GOA เป็นต้น โดยมีทั้งหมด 48 รุ่นย่อยในราคาเริ่มต้นที่ 523,000 – 1,189,000 บาท
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com