Deft Versus : ชง 3 อเนกประสงค์ PPV ...คุยอีกที หลังลองขับจริง ...

  • โดย : Autodeft
  • 28 ก.ย. 58 00:00
  • 110,392 อ่าน

ได้เวลาอีกครั้งเปรียบมวยสามอเนกประสงค์ใหมตลาด PPV หลังลองขับจริงๆ จัง คนไหนสไตล์ไหน... ตัวตนจริงมีบุคลิกอย่างไรกัน

 

เรื่องและขับทดสอบโดย ณัฐยศ ชูบรรจง 

 

มาถึงเวลานี้เชื่อเลยว่า คนไทยจำนวนไม่น้อยที่มองหารถคู่ใจคันใหม่ คงจะมองตาเป็นมันกับรถยนต์อเนกประสงค์ ซึ่งเข้ามาจับจองพื้นที่ในใครหลายคน โดยเฉพาะเมื่อปีหน้ามีแนวโน้มที่รถยนต์กลุ่มนี้จะมีการปรับราคาจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากโครงสร้างภาษีแบบใหม่ ยิ่งทำให้ตลาดกลุ่มนี้เร่าร้อนมากขึ้น

น่าจะเรียกว่า..Autodeft.com  เป็นเว็บไซต์แรกๆ ของประเทศไทย ที่มีโอกาสที่จะจับรถยนต์อเนกประสงค์ทั้งสามรุ่น ไม่ว่าจะ   Mitsubishi  Pajero Sport , Toyota Fortuner   ใหม่ ตลอดจนอเนกประสงค์ชั้นนำจากอเมริกา  Ford Everest   ใหม่  ซึ่งหลังจากลองขับอย่างเป็นทางการครบทุกรุ่นแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราควรจะมานั่งตอบคำถามถึงตัวตนรถทั้งสามรุ่นอย่างจริงจังเสียที

[IMAGE1] 

ก่อนหน้านี้ เราเคยนำเสนอกับจับรถอเนกประสงค์ทั้งสามรุ่น เชง...กันไปในเรื่องของออพชั่นที่ให้มากับรถ แต่ในการเปรียบมวยอีกครั้งในครั้งนี้ จะเป็นการเล่าถึงความรู้สึกหลังจากที่ได้สัมผัสว่าท้ายที่สุดแล้ว รถยนต์อเนกประสงค์แต่ละคันมีการนำเสนอ ตัวตนอย่างไร

 

Toyota Fortuner  หรูสมถะ...ประหยัดกว่าเดิม

 

เปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการกับเรือนร่างลุคหรู  ในรถยนต์อเนกประสงค์กลุ่มนี้ที่มีความลงตัวมากขึ้น ซึ่งการกลับมาของรถยนต์  Toyota Fortuner   ใหม่ ถือเป็นความท้าทายอย่างมากของเกมการแข่งขันในตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ ซึ่งหลายคนจับตามองมาโดยตลอดตั้งแต่ยังเป็นวุ้น

การเผยตัวตนออกมาจนกระทั่งมีโอกาสนั่งหลังพวงมาลัยรถรุ่นนี้เมื่อเดือนที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า   Toyota Fortuner  มีความพยายามอย่างยิ่งในการก้าวเข้าสู่ตลาดรถยนต์นั่งหรูมากขึ้น เราพอจะสัมผัสได้จากการออกแบบรถให้มีความลงตัวมากขึ้นกว่าเดิม ผ่านการใช้เส้นสายที่เหมือนหยิบยืมนำมาจากรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมในแบรนด์รถยนต์   lexus   มาตอบโจทย์ลูกค้า ครบครันด้วยประตูหลังเปิดไฟฟ้าที่ให้แทบทุกรุ่น เป็นหมัดเด็ดสำคัญที่น่าสนใจของอเนกประสงค์รุ่นนี้

ในห้องโดยสารไม่เน้นความหวือหวามากมาย แต่สัมผัสได้ถึงดีกรีหรูขอรถยนต์รุนนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ตลอดจน สิ่งที่โตโยต้าได้พยายามทำมาตลอดและพยายามอย่างหนักจนสัมผัสได้ทันทีหลังจากที่มีโอกาสขับขี่ ก็ต้องยกยอดให้เรื่องการพยายามเก็บเสียงจากห้องโดยสารที่ทำได้ดียิ่งขึ้นกว่ารุ่นเดิม ส่วนเรื่องความสบายในการขับขี่ถือว่าอยู่ในจุดที่ดีพอสมควร น่าเสียดายที่เบาะแถวสามยังคงเป็นแบบพับขึ้นทางด้านข้าง ...ทั้งที่ควรปรับพับราบกับพื้นห้องโดยสารมากกว่า

เรื่องของสมรรถนะการขับขี่เครื่องยนต์   GD Efficient Boost   ที่มีการพัฒนาขึ้นมาให้ล่าสุด มีขนาดเล็กลงกว่าเดิม ก็ตอบสนองสมรรถนะในการขับขี่ได้ดีอย่างยอดเยี่ยม รวมถึงในเรื่องของความประหยัดที่ได้จากการขับขี่ก็ดียิ่งขึ้น

แต่ที่น่าจะโดนใจคออเนกประสงค์ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงวัย คงหนีไม่พ้นระบบกันสะเทือนที่ออกมาตอบโจทย์ความนุ่มนวลมากที่สุดในรถยนต์อเนกประสงค์กลุ่มนี้ คุณสามารถสัมผัสได้ถึงความนิ่มนวลตลอดการเดินทาง ไม่ว่าจะในแบบ   On Road- O ff Road   ก็ตามที

น่าเสียดายในเรื่องเวอร์ชั่นลุย   Toyota Fortuner   ดูเหมือนจะไม่ได้เน้นหนักมากนัก เนื่องจากมีการเสนอขายรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อเพียงรุ่นเดียวเท่านั้น แต่กระนั้น พวกเขาก็แนะนำระบบขับเคลื่อน    Sigma 4  ซึ่งเป็นการนำเอาระบบช่วยเหลือต่างเข้ามาผนวกให้ความลงตัวในการขับขี่มากขึ้น โดยไฮไลท์สำคัญ อยู่ที่ระบบ  A-TRC (Active Traction Control) ซึ่งจะจับเบรกล้อที่เกิดการหมุนฟรี เพื่อให้ สามารถถ่ายทอดกำลังไปยังล้ออื่นๆได้

และจากที่มีโอกาสลองขับทางออฟโรดจำลองของ   Toyota  เจ้า   Toyota Fortuner  ก็มีดีพอที่จะตอบสนองในเรื่องการลุย ในระดับที่น่าพอใจ แต่ต้องยอมรับว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่มีระบบที่หวือหวากว่าแล้ว มันดูธรรมดาไปพอสมควร

อ่านบททดสอบ   Toyota Fortuner   ใหม่ได้ที่นี่

 

สรุป   Toyota Fortuner   - รถอเนกประสงค์ดูหรู ขับง่าย ขับสบาย ประหยัดขึ้น เด่นที่ช่วงล่างนิ่มและการเก็บเสียงที่ดีที่สุด (ไม่นับ   Ford  ที่มีระบบตัดเสียงรบกวน)

 

Mitsubishi  Pajero Sport   ....ล้ำหน้าทันสมัย ...ความหวังหมู่บ้านทรีไดมอนด์

 

ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา  Mitsubishi   เป็นค่ายรถยนต์ที่มีการเติบโตอย่างน่าสนใจในประเทศไทย โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาก้าวเข้ามาลงชิงชัยในตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก กลุ่ม “อีโค่คาร์”  ก็ยิ่งทำให้รถยนต์ค่ายนี้เป็นที่ประจักษ์ต่อลูกค้าในเรื่องตัวตนที่ครบครันสมรรถนะ พร้อมสรรพความทันสมัย ไปจนกระทั่งการตอบโจทย์ลูกค้าด้วยความคุ้มค่าคุ้มราคา

เมื่อปีกลาย   Mitsubishi   ตอบโจทย์ด้วยการส่งรถกระบะใหม่   Mitsubishi  Triton  เข้ามาทำตลาดอย่างเป็นทางการ แต่ในปีนี้ทางค่ายทรีไดมอนด์เปิดหมัดเด็ด ส่งรถใหม่ลงตลาดในช่วงครึ่งปีหลังด้วย   Mitsubishi  Pajero Sport  ใหม่ที่พร้อมตอบสนองตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ในประเทศ

ตัวตนใหม่ของ  Mitsubishi Pajero Sport  ออกมาในความลงตัวประดุจพวกเขาทิ้งไพ่ใบสุดท้ายลงตลาดรถยนต์กลุ่มตลาดเกิดใหม่ หลังต้องยอมรับว่ารถยนต์คอมแพ็คคาร์อย่าง  Mitsubishi  Lancer   ใหม่นั้น ล่าช้ากว่ากำหนด กอปรกับทางบริษัทมีแนวคิดอยู่แล้วที่จะนิวัติตัวเองสู่ตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ ที่มีให้เลือกตั้งแต่รุ่นเล็กไปจรดรุ่นใหญ่ และ  สำหรับตลาดรถยนต์เกิดใหม่   Mitsubishi  Pajero Sport  เป็นคำตอบสำหรับลูกค้า

ในรุ่นใหม่   Mitsubishi Pajero Sport   จากที่สัมผัสมาหมาด มันคือการรวมเอาสองสุดยอดในความเป็น   Mitsubishi   เข้ามาผสมผสานกันอย่างลงตัวไม่ว่าจะความสปอร์ตในตัวตนที่มีอยู่เป็นทุนเดิม เสริมภาพลักษณ์ด้วยใบหน้าใหม่ล่าสุดที่เรียกว่า “Dynamic Shield” ตอบความลงตัวในการออกแบบมากขึ้น ขจัดความกังขาว่ารถจากค่ายนี้ปัญหาทางด้านการออกแบบที่ดูไม่ลงตัว

แต่เส้นสายใหม่ ได้ทั้งความสปอร์ต ความบึกบึน ไปตลอดจน ความปราดเปรียว ซึ่งยากที่จะมีรถยนต์รุ่นไหนในตลาดระดับเดียวกัน ทัดเทียมได้ ตัวตนใหม่ที่ออกมาจึงค่อนข้างเตะตาโดนใจคนจำนวนไม่น้อยที่มีโอกาสไปพบตัวจริง เมื่อครั้นงาน   Big Motor Sale   จนสามารถเรียกยอดของได้มากพอสมควร แต่นอกจากการออกแบบแล้วก็ไม่ได้หวือหวาอะไร เพราะไม่ได้มี ประตูหลังไฟฟ้า แบบคู่แข่งมีมาให้ รวมถึงช่วงบั้นท้ายรถ ดูยังไม่ลงตัวเท่าที่ควร

เมื่อก้าวมาสู่ภายในห้องโดยสาร  Mitsubishi  Pajero Sport   ใหม่ ก็ตอบความลงตัวมากขึ้น ผ่านเส้นสายการออกแบบสุดทันสมัย ดูล้ำหน้า และยังมีความหรูหรา ยกยอดมาจาก  Mitsubishi  Outlander ใหม่ รวมถึงเอกลักษณ์ใหม่ๆ    T Shape  High Console  ก็ดูทำให้รถน่าสนใจไม่น้อย

เรื่องคุณภาพวัสดุในห้องโดยสาร ต้องยอมรับว่า ออกมาค่อนข้างดีพอสมควร ที่น่าชื่นชมยิ่งคือเบาะนั่ง  Ergo Design   ที่ออกแบบมาให้กระชับสรีระ ถูกตามหลักทางการแพทย์แต่ไปไม่รู้สึกถึงความบีบตัวมากจนเกินความจำเป็น ส่วนเบาะหลังก็คงความสบายสามารถปรับระดับได้ และเบาะแถมสามก็พับได้รายเรียบเป็นจุดเด่นจากรุ่นเดิม แต่เราอยากเห็นการพัฒนาในควาง่ายในการใช้งานเรื่องการพับเบาะมากกว่านี้

ด้านสมรรนถะน่าจะเรียกว่าเป็นเรื่องที่โดดเด่นที่สุดของ   Mitsubishi Pajero Sport  ใหม่ ด้วยเครื่องยนต์  Mivec clean diesel  2.4  ลิตร ซึ่งครั้งนี้เข้ามาประจำการในร่างอเนกประสงค์ ทำให้ค่ายทรีไดมอนด์ต้องกัดฟันจัดชุดเกียร์ อัตโนมัติ 8  สปีด มาตอบสมรรถนะ เนื่องจากเครื่องยนต์มีขนาดบล็อกเล็กกว่าคู่แข่ง แถมตัวรถก็ยังมีน้ำหนักสองตันเศษๆ (ในรุ่น GT Premium)  

ผลลัพธ์ที่ได้ กลายเป็นเรื่องดีเมื่อชุดเกียร์อัตโนมัติ  8 สปีด  นอกจากจะตอบความลงตัวในการพาร่างอเนกประสงค์ชั้นนำไปได้ แต่ยังให้ความรู้สึกนิ่มนวลประดุจรถยนต์นั่งสุดหรู และยังตอบเรื่องอัตราประหยัดน้ำมันที่ดีกว่าด้วย จากที่มีโอกาสทดลองขับขี่มา มันสามารถเร่ง 0-100  ก.ม/ชม เฉลี่ยที่ 13  วินาที

รวมถึงในรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อยังให้ชุดเกียร์   Super Select 4WD II  ซึ่งมีความสามารถในการลุยมากกว่าคู่แข่ง ไม่ว่าจะการแนะนำระบบ  All Wheel Control   ในตำแหน่ง  4H  รวมถึงในตำแหน่ง   4HLC -4LLC   ยังได้ ระบบ  terrain System   สามารถเลือกขับได้ตามความต้องการ โดยไม่ต้องมีความรู้ทางด้านการลุยมากมาย  ก็สามารถผ่านเส้นทางได้อย่างผู้ชำนาญการ

จากที่มีโอกาสได้ลองระบบนี้ ในตอนที่ไปทดลองขับ Mitsubishi  Pajero Sport   ที่เพชรบูรณ์ ในระยะทางสั้น ตัวระบบ   Super Select II  มีความสามารถค่อนข้างมากในการตอบสนองการขับขี่บนเส้นทางออฟโรด ไฮไลท์ของระบบนี้อยู่ที่การเลือกโหมดการขับขี่ตามเส้นทาง ตลอดจน  Mitsubishi   ยังอ้างว่าในตำแหน่ง   4 H  ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนสี่ล้อนั้น มีความสามารถเทียบเท่ากับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ   Full Time   ทั่วไป ซึ่งผู้ใช้สามารถจะปรับใช้งานมันตลอดก็ได้ และมีความปลอดภัยกว่าในยามฝนตกถนนลื่น  แต่เพื่อความสามารถในการประหยัดน้ำมันมากขึ้น การใช้งานในระบบขับเคลื่อนสองล้อจะตอบโจทย์ดีกว่า

สำหรับใครที่มองหาอะไรที่มากกว่า   Mitsubishi  Pajero Sport   ก็จัดหนักมาเต็มด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ ทางด้านปลอดภัยที่เรียกว่า   Active Safety    ด้วยการจัดระบบต่างมาตอบโจทย์ในการเดินทางมากมาย เช่นระบบป้องกันการชนทางด้านหน้า , ระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ตลอดจนรถยังมีกล้องรอบคัน ตลอดจนระบบป้องกันและเตือนในจุดบอดของกระจกมองข้าง ซึ่งทั้งหมดนี้มีมาให้ในเฉพาะรุ่น   GT Premium   เท่านั้น แต่ระบบต่างที่มากมายก็เรียกความสนใจลูกค้าได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

 

อ่านบททดสอบ   Mitsubishi  Pajero Sport GT-Premium   ได้ที่นี่

 

สรุป   Mitsubishi Pajero Sport  -  รถดี ดีไซน์สวยสมใจ ภายในนั่งสบาย แต่แอบแคบเล็กน้อย สมรรถนะการขับขี่ดีเครื่องยนต์ประหยัดที่สุดในกลุ่มเกียร์  8  สปีดให้ความนุ่มนวล ช่วงล่างมาในสไตล์สปอร์ต (มีกระด้างแต่แน่นหนึบ) และท้ายสุดเป็นรุ่นเดียวที่มีระบบช่วยอำนวยความปลอดภัยในการขับขี่มากที่สุด

 

Ford Everest ...สูงสุดเพื่อเป็นหนึ่งในใจลูกค้า ..

เปิดตัวมากันตั้งแต่ต้นปี แต่มีโอกาสลองขับก็เมื่อไม่นานมานี้กับรถยนต์   Ford Everest   ใหม่ ร่างรถยนต์อเนกประสงค์จากค่ายรถยนต์วงรีสีน้ำเงินที่เพิ่งจะกลับมาอีกครั้งในการแนะนำรุ่นใหม่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย

Ford Everest   ใหม่ ถือเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นโบว์แดงของค่ายรถยนต์   Ford   ซึ่งพวกเขาต้องการแสดงถึงตัวตนที่แท้จริงของรถยนต์อเนกประสงค์แบบอเมริกา ที่เปี่ยมด้วยความหรูหรา ความทันสมัย และแน่นอนมันครบเครื่องเรื่องการขับขี่ที่ลงตัว

ตัวตน   Ford Everest  ใหม่ ถูกปรับเปลี่ยนให้มีความลงตัวดูดีมากขึ้นกว่ารุ่นเดิมที่ทำตลาดก่อนหน้านี้ ซึ่งรุ่นใหม่ถูกปรับจับเปลี่ยนโฉมด้วยเอกลักษณ์ใหม่ที่ส่งมาจุติในอเนกประสงค์คันนี้เป็นครั้งแรกของรถยนต์จากฟอร์ดที่วางจำหน่ายในประเทศไทย กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมแบบโครเมี่ยมเป็นโจทย์ที่ให้ความประทับใจอย่างมาก ตั้งแต่แรกเห็นตลอดจนการออกแบบที่ท้าทายนำเสนอด้วยความบึกบึนลงตัวตั้งแต่ด้านหน้าจรดบั้นท้ายก็ทำให้ตัวรถมีความน่าสนใจในตัวมันเองพอสมควร

ต้องยอมรับว่า ในหมู่อเนกประสงค์กลุ่มนี้   Ford Everest   ใหม่ ให้การออกแบบที่ดูสมส่วนลงตัวมากที่สุด แถมยังเป็นรุ่นเดียวที่มีหลัง Panoramic Sunroof   มาให้ ยังไม่นับที่สุดของตัวจนการขับขี่มอบล้ออัลลอยขนาด  20   นิ้วตอบความเป็นอเมริกันขนานในรุ่นท๊อป (แต่รุ่นทั่วไปยังให้ล้ออัลลอยขอบ  18  นิ้ว)

ในห้องโดยสารต้องเรียกว่า   Ford  จัดหนักมาเต็มด้วยการให้รายละเอียดการใช้งานที่มีความลงตัวมาก เอกลักษณ์ใหม่อย่างหน้าจอแบบ   Dual TFT  ตรงหน้าคนขับอาจจะมีความยากในการใช้งานบ้างในช่วงแรก แต่เมื่อคุ้นชินจะสัมผัสได้ถึงการตอบสนองทุกความต้องการในการขับขี่ รวมถึงระบบ  Sync 2   เอง ก็ยังเป็นทีเด็ดตอบเรื่องความบันเทิงยิ่งการสั่งการด้วยเสียง ถือเป็นอะไรที่ทำให้คุณต้องร้องว้าวอย่างแน่นอน ยิ่งรุ่นใหม่ตอบสนองต่อชุดคำพูดดีขึ้น ก็ยิ่งทำให้คุณสนุกสนานในการใช้งานมากขึ้นตามลำดับ

ด้านความสะดวกสบาย ตัวเบาะนั่งทำออกมาได้ดีไม่เน้นโอบกระชับ แต่นั่งสบายตลอดการเดินทาง ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตลอดจนยังมีออพชั่นจุกจิกยุกยิกมาให้  เช่นปลั้กไฟ 220V เหมาะยิ่งสำหรับคนบ้างาน เสียบชาร์จคอมพิวเตอร์หรือ มือถือก็ได้ตามใจชอบ

แต่จากที่สัมผัส ส่วนที่ดีที่สุดของ   Ford Everest   คือการใช้วัสดุในห้องโดยสารที่มีคุณภาพมากที่สุด ในกลุ่มสามารถบอกได้ทันทีตั้งแต่สัมผัสเข้าสู่ห้องโดยสาร แต่ก็ดันขาดบางสิ่งอำนวยความสะดวก เช่นกุญแจแบบ   Keyless   และปุ่มสตาร์ท ที่สมควรจะมีมาให้

เรื่องทีเด็ดใน   Ford Everest   ก็จัดมาให้เช่นกัน ซึ่งอยากได้ก็ต้องยอมจ่ายแพงหน่อยในรุ่นท๊อป ที่จะมีระบบประตูหลังแบบไฟฟ้า รวมถึงเบาะหลังแถวสามใช้งานแบบปรับพับไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังมีระบบช่วยจอด   Active Park Assisted   ช่วยให้คุณไม่ต้องเหนื่อยเย่อยามขับขี่

เมื่อลองขับจริง   Ford Everest  (3.2)  ตอบตัวตนการขับขี่ ในแนวของรถยนต์อเนกประสงค์สุดหรู สามารถรู้สึกได้ทันทีที่เหยียบคันเร่ออกไป เครื่องยนต์แบบ  5  สูบแถวเรียงขนาด  3.2  ลิตร รีดกำลังแรงบิดได้ดีอย่างน่าประทับใจ มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ  6  สปีด สามารถพาร่างอเนกประสงค์ที่อัดแน่นราวๆ สองตันต้นๆ พุ่งทะยาน   0-100  ก.ม./ช.ม.   ในเวลา 13  วินาที (ถ้าสังเกต เวลาจะเท่ากับคู่แข่งค่ายทรีไดมอนด์) ซึ่งถือว่าไม่ขี้เหร่ แต่หลายคนคงติดใจว่าเครื่อง   3.2  ลิตร น่าจะทำเวลาดีกว่านี้หรือไม่

ต้องบอกก่อนว่าตลอดเวลาที่มีโอกาสสัมผัส  เครื่องยนต์  3.2  ลิตร ให้ความรู้สึกถึงความทรงพลังในการขับขี่ มั่นใจได้ทุกการเร่งแซง ซึ่งเป็นข้อดีของการมีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ไว้ครอบครองยามเดินทาง ยิ่งนับว่า ในความเป็นจริงรถประเภทนี้จะต้องมีผู้โดยสารเต็มเหยียบในรถ แค่นึกเจ้าอเมริกันคันเก่งก็ได้เปรียบไปแล้ว

ด้านบุคลิกระบบกันสะเทือน   Ford Everest   อยู่กลางๆ ระหว่างคู่แข้งทั้งสอง ซึ่งตัวระบบกันสะเทือน   Ford Everest  ใหม่ ไว้วางใจได้ ทั้งในเรื่องความนิ่มนวลในการขับขี่ ซึ่งหลายคนคงไม่คิดว่าล้ออัลลอยขอบ   20  นิ้ว จะยังนิ่มนวลมากขนาดนี้ แต่เมื่อไรก็ตามที่ต้องการเค้นสมรรถนะบี้เวลาเพื่อเร่งรีบ  ระบบช่วงล่างก็สามารถตอบสนองในการขับขี่ได้อย่างลงตัว (แต่ไม่เท่าความรู้สึกสปอร์ตที่สัมผัสได้จากความหนึบกระด้างใน  Mitsubishi  Pajero Sport)

ด้านฟังชั่นเพื่อการลุย ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของ   Ford Everest   เป็นอีกไฮไลท์เด่น ซึ่ง   Ford   แนะนำในนาม   Terrain management system  หรือ   TMS   ระบบขับเคลื่อนเดียวกับที่มีแนะนำในรถยนต์   Ford Explorer  อเนกประสงค์ตัวหรูที่มีวางจำหน่ายในประเทศอเมริกา 

ระบบ  TMS  ใน  Ford Everest   เน้นการใช้งานง่ายมากขึ้น ด้วยฟังชั่นบิดแบบสวิทช์ไฟฟ้า และไม่วุ่นวายเท่าของคู่แข่งที่ต้องพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกในเมนู ให้วุ่นวายมากขึ้นไปอีก  แต่ฟอร์ดสนองความง่ายด้วยโหมดต่างที่สามารถเลือกใช้ได้ทันทีที่บิด แต่ข้อเสียเดียวคือ ระบบของฟอร์ดเป็นระบบที่ไม่สามารถปลดล็อคเป็นขับเคลื่อนสองล้อได้ ซึ่งถ้าคุณคิดว่าไม่สำคัญ ก็จะไม่เป็นปัญหาในเรื่องการใช้งาน

 

อ่านบททดสอบ  Ford Everest  ได้ที่นี่

อ่าน Full Review Ford Everest  ฉบับล่าสุดได้ที่นี่ 

 

สรุป - ครบเครื่องในแบบอเมริกัน ลุคหรู เครื่องแรง สมรรถนะถือว่าลงตัว แต่ต้องทำใจเล็กน้อยเรื่องประหยัดน้ำมัน (รุ่น   3.2   ลิตร)  แต่มันทดแทนด้วยความมั่นในในทุกเส้นทางการเดินทาง ช่วงล่างค่อนข้างนุ่มนวลและหนึบ แต่ไม่มีความกระด้าง ออกมาในสไตล์รถหรู แต่นิ่มน้อยกว่า  Fortuner   และทีเด็ดที่ระบบอำนวยการขับขี่ เช่น   Sync 2, ประตูหลังไฟฟ้า เบาะพับไฟฟ้า และ ระบบช่วยจอด 

 

.........

เป็นอย่างไรบ้างครับ กับตัวตนของสามอเนกประสงค์ใหม่ที่เรามีโอกาส สัมผัสมันทั้งหมดแล้ว ซึ่งเราก็เชื่อว่ารถยนต์ทุกคันไม่มีคันไหนที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่มันจะดีแล้วเข้ากับเราที่สุด ก็ต่อเมื่อเราได้รถยนต์ที่มีความเหมาะสมกับสไตล์ของเราเอง

 

เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)

ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook หรือ ทาง  Fan page ,Twiter (@nattayodc)

 

 

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ