Deft Versus : หายไป 5 ปี Nissan X-Trail มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง?
- โดย : Autodeft
- 5 ก.พ. 62 00:00
- 15,042 อ่าน
นับตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา Nissan X-Trail เจเนอเรชั่นที่ 3 (รหัส T32) เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเมืองไทยทำให้สาวกเพื่อนที่แสนดี จับจองเป็นเจ้าของที่สุดรถยนต์ SUV ที่ขายดีที่สุดของค่าย
และเป็นครั้งแรกที่ นิสสัน ตัดสินใจประกอบรถยนต์ รุ่นนี้ในเมืองไทย (เดิมนำเข้าจากอินโดนีเซีย) ด้วยดีไซน์สปอร์ตโค้งมน อรรถประโยชน์ใช้สอยที่ดีกว่า ออพชั่นค่าตัวและทางเลือกที่หลากหลายกว่าสร้างยอดขายให้กับทาง Nissan เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ประเทศ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ยุโรป อเมริกา ลาว และบางประเทศ ได้ทยอยเปิดตัวรุ่นปรับโฉม หรือ Facelift แต่เมืองไทยยังไม่มีท่าทีว่าจะเปิดตัวในช่วงเวลาไหน ?
ล่าสุดในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562 เมืองไทยเป็นรายล่าสุดที่เปิดตัวรุ่นปรับโฉม หรือ Facelift เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี สำหรับเจเนอเรชั่นปัจจุบัน
รูปลักษณ์ภายนอก
ภายนอกในรุ่นก่อนปรับโฉมมีเอกลักษณ์สไตล์ Nissan ยังคงเดิมด้วยกระจังหน้า V-Shape ไฟหน้า LED Projector พร้อมไฟ Daytime แบบ LED ในโคมเดียวกัน ไฟท้ายทรงบูมเมอแรงแบบ LED ราวหลังคา สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก ราวหลังคา และหลังคาพาโนรามิค ซันรูฟ และระบบประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติ ก็ยังเป็นออพชั่นประจำตัวของ Nissan X-Trail
สำหรับรุ่นปรับโฉมครั้งนี้ ปรับความหล่อตามต่างประเทศโดยมีการเปลี่ยนแปลงพอสมควรทั้งกระจังหน้า V-Shape ขนาดใหญ่ตัดกับกรอบตัว V สีดำเข้ม ไฟหน้า LED Projector พร้อมไฟ Daytime ปรับดีไซน์เข้ากับความดุดันของชุดกันชนหน้าที่งานนี้ไฟตัดหมอกเปลี่ยนจากทรงกลมเป็นสี่เหลี่ยมเสริมด้วยชุดคิ้วขอบโครเมี่ยมที่ใต้กันชนหน้า-หลัง และด้านข้าง รวมถึงระบบประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติ อัพเวอร์ชั่นใหม่สามารถใช้เท้าเตะไปที่ใต้กันชนหลังเพื่อเปิด-ปิดได้ เสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยคราวนี้มีให้เลือกถึง 3 ขนาดด้วยกันตามตารางดังนี้
มิติตัวรถ
มิติตัวรถยนต์ SUV อัจฉริยะรุ่นนี้เมื่อนำรุ่นท็อป 2.5 ลิตร ขับเคลื่อน 4 ล้อทั้งรุ่นปรับโฉมและรุ่นก่อนปรับโฉม มาเปรียบเทียบด้วยจะพบว่ามีความใกล้เคียงกัน ดังนี้
จากตารางจะพบว่า ความยาวของ 2 รุ่นนี้ ห่างกัน 50 มม. ความสูงห่างกัน 10 มม. ความสูงห่างกัน 20 มม. น้ำหนักรถห่างกัน 32 กก. เนื่องด้วยในรุ่นปรับโฉมมีการเปลี่ยนแปลงหน้าตาไปพอสมควร รวมถึงการเปลี่ยนล้ออัลลอยจากเดิม 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/60 R18 เป็นขนาดใหม่ 19 นิ้ว ลายทูโทน พร้อมยาง 225/55 R19 นั่นเอง
ภายในห้องโดยสาร จำนวนที่นั่งยังเหมือนกับรุ่นก่อนปรับโฉมดังนี้
แผงคอนโซลหน้าและอุปกรณ์การใช้งาน
ออพชั่นภายในยังคงเดิมทุกประการทั้งมาตรวัดเรืองแสงพร้อมจอ TFTแสดงผล 3 มิติ ขนาด 5 นิ้ว พร้อมแสดงผลข้อมูลการขับขี่ เย็นสบายรอบคันด้วย ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แบบ Dual zone ปรับแยกอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา มอบเสียงเพลงอันไพเราะที่ทำให้ทุกการเดินทางสะดวกสบายขึ้นด้วย ระบบเครื่องเสียง CD, MP3 เชื่อมต่อ AUX, USB และระบบ Nissan Connect เชื่อมต่อสมาร์ทโฟน โดยผ่าน Application ที่ล้ำสมัย สามารถอัพเดทข้อมูลผ่าน Facebook และค้นหาสถานที่ต่าง ๆ ผ่าน Google search
แต่ในรุ่นปรับโฉมมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยๆทั้งโทนห้องโดยสารใช้เป็นโทนสีดำเข้มทุกรุ่น (เดิมรุ่นเริ่มต้นเป็นสีเบจ) พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบท้ายตัด 3 ก้าน หุ้มหนังยกชุดจาก Nissan LEAF และ Note เบรกมือจากเดิมจะเป็นที่เหยียบบริเวณใกล้แป้นเบรก เปลี่ยนมาเป็นแบบกดปุ่มไฟฟ้า พร้อม Auto Hold แทน เครื่องเสียงจอสัมผัส 7 นิ้ว อัพเกรดใหม่สามารถดูหนัง DVD และระบบนำทางได้และคอนโซลเกียร์ออกแบบใหม่
ขุมพลังเครื่องยนต์
ครั้งนี้ Nissanตัดสินใจถอดเครื่องยนต์เบนซินรหัส MR20DD ความจุ 2.0 ลิตร ที่ให้กำลัง 144 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบ/นาที ออกจากสาระบบ ทำให้ตอนนี้ Nissan X-Trail จำหน่ายด้วยขุมพลัง 2 ขนาดทั้ง 2.5 ลิตร QR25DE และ 2.0 ลิตร Hybrid MR20DD
ระบบช่วงล่าง ยังคงเดิมตามตารางดังนี้
ระบบความปลอดภัย ระหว่าง Nissan X-Trail รุ่นปรับโฉมและรุ่นก่อนปรับโฉมมีดังนี้
ราคาจำหน่าย
Nissan X-Trail ในรุ่นปรับโฉมและรุ่นก่อนปรับโฉม มีดังนี้
และมีสีถึง 6 สี ดังนี้ สีแดง เรเดี้ยนเรด, สีดำ แบล็คสตาร์, สีขาว สตอร์มไวท์, สีเงิน บริลเลี่ยนซิลเวอร์, สีเทา ดีพไอริสเกรย์ และสีใหม่ สีส้ม โมนาร์ช (แทนสีเดิม สีเขียว มิดไนท์เจท)
ไม่ว่าจะเป็น รุ่นปรับโฉมหรือรุ่นก่อนหน้า สำหรับ Nissan X-Trail ต่างก็มีดีที่แตกต่างกันไป อย่างที่ย้ำทุกครั้งก็คือ อยากให้ไปลองสัมผัสด้วยตัวเองที่โชว์รูม เพราะการได้ลองขับ ลองนั่ง จะเป็นการรับรู้ได้ดีที่สุดว่า คันไหนที่เหมาะสมกับการใช้งานของเราจริง ๆ
เรื่องและเรียบเรียงโดย นายเต้ย
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com