Deft Versus : จัดหนักมาเต็ม ... หลังขับ Subaru XV VS. Subaru Forester แตกต่างกันอย่างไร ...
- โดย : Autodeft
- 27 พ.ค. 59 00:00
- 77,528 อ่าน
กำลังกลายเป็นที่สนใจอย่างมากเมื่อกล่าวถึงเจ้ารถยนต์อเนกประสงค์จากค่ายรถยนต์ตราดาวลูกไก่ Subaru ที่ตั้งใจเดินหน้าดั้มราคาให้ส่วนลดสู่คู่แข่งไม่ปล่อยในศึกรถยนต์อเนกประสงค์ ไม่ว่าจะในรุ่นใหญ่ Subaru Forester หรือจะในรุ่นเล็ก Subaru XV ทั้งคู่ต่างเริ่มกลายเป็นที่สนใจของลูกค้า แต่คำถามเดียวที่มักจะถูกไต่ถามเสมอมาโดยตลอดคือ ...พวกมันแตกต่างกันอย่างไร
“มันแตกต่างที่คุณลักษณะการขับขี่ Subaru XV จะเหมาะบนถนนมากกว่า ขณะที่ Subaru Forester ขับในทางออฟโรดดีกว่า” ประโยคนี้ผมถอดความจากการตอบคำถามของทีมวิศวกร บริษัท Fuji Heavy industry ที่บอกเราถึงแนวทางของสองอเนกประสงค์ พวกเขาบรรจงสร้างสรรค์และวันนี้พวกมันมาให้จับจองแล้ว .. และถึงผมจะจดจำคำพูดนี้ดีได้ขึ้นใจ หากการเปรียบมวยที่ดีควรจะขับทั้งคู่ในเวลาไล่เรี่ยกันใน 2 สภาพถนน ในเส้นทางที่ไม่แตกต่างกัน
เป็นฤกษ์ยามอันดีในเวลาสามทุนของคืนหนึ่งผมได้รับเมล์แบบหมายไฟไหม้มาไวเคลมเร็วว่า Subaru จะจัดกิจกรรมให้ลองทดสอบรถทุกรุ่นของบริษัท ...สำหรับผมเป้าหมายคงไม่เกินกว่าการตอบโจทย์ ต่อคำถามที่สงสัยมานานว่า สรุปแล้วไซร้ เจ้าสองอเนกประสงค์นี้ต่างกันอย่างไร
Subaru Forester VS Subaru XV บนทางคอนกรีต...ใครจะวิน
ขึ้นคันแรกเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ Subaru Forester เจ้ารถยนต์อเนกประสงค์ขนาดกลางมีดีด้วยเครื่องยนต์บ๊อกเซอร์ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิต รมาพร้อมระบบเกียร์ CVT ตัวตนการออกแบบของมันอาจจะถูกครหาว่าดูแก่ไม่ทันสมัย แม้ปรับแต่งเสริมเติมออพชั่นมาแบบจัดเต็ม จนระหว่างที่ผมนำมาขับทำรีวิว ผมให้ฉายาเจ้าลูไก่คันนี้ว่า “อเนกประสงค์หน้าดุ” ไม่ว่าไปไหน ถ้าคุณขับมาเร็วๆ ผมเห็นรถจำต้องหลบทุกรายไป
แมทช์แรกเป็นทางคอนกรีต ทาง Subaru ดลบันดาลให้ลานริมทะเลสาบเมืองทองกลายเป็นสถานที่จัดกิจกรรม ซึ่งจะมียาวไปถึงวันเสาร์อาทิตย์นี้สำหรับลูกค้า เรื่องการออกแบบภายในผมคงไม่สาธยายมาก เพราะอยากอ่านเต็มฉบับยาว ขอให้ไปอ่านรีวิว Subaru Forester แทนจะได้ข้อมูลที่ครบครับมากกว่า
สนามจำลองนี้วางเส้นทางมีทั้งโค้ง และทางตรง ตลอดจนมีทางแคบให้ได้สมบทบาทตามอัธยาศัย และใช้ความเร็วได้ในระดับที่พอจะปลอดภัย ถึงจะไม่มากมายเหมือนขับบนถนนก็ตาม
ผมออกตัวช่วงอัตราเร่ง ต้องยอมรับว่า Subaru Forester ทำได้ดีเกินคาด รถตัวใหญ่กลับดูเบาและควบคุมง่าย ส่วนหนึ่งมาจากระบบพวงมาลัยไฟฟ้า Electric Power Steering ที่ทำให้ร่างยักษณ์ของเจ้าฟอร์เรสเตอร์เชื่องไม่ต่างจากแมวเซา
การเข้าโค้งด้วยความเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ Boxer และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Subaru Forester ให้ความรู้สึกมั่นใจในการขับขี่พอตัว รถมีอาการโคลงเคลงน้อยกว่าอย่างชัดเจน และถ้าคุณเริ่มมั่นใจในรถแล้วขยับความเร็วขึ้นมาสัมผัสแห่งความมั่นใจยังคงอยู่ และที่สำคัญคนนั่งไม่ด่าคุณว่า “ขับรถอะไรเนี่ย”
ช่วงทางแคบในสนาม Subaru Forester อาจจะมีปัญหาในเรื่องของขนาดตัว แต่ไม่ใช่กับในแง่ของการควบคุม สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกได้ทันที่ว่า Subaru Forester ทำได้ดีกว่าเห็นๆ คือ ระบบ พวงมาลัยที่มีการปรับน้ำหนักให้เหมาะสมในความเร็วต่ำ มันใช้งานง่าย จะควงซ้าย หรือขวา ก็ทำได้ดีครบถ้วนกระบวนความ
ยิ่งกว่านั้นผมรู้สึกว่าทัศนวิสัยของ Subaru Forester ในแบบโปร่งมองครบถ้วยรอบด้านเป็นเรื่องดี จนผมอยากจะกล่าวว่า มันเป็นอเนกประสงค์ที่ค่อนข้างมีความคล่องตัวสูงเลยทีเดียว และนั่นคือข้อโดเด่นของมัน
ตา...Subaru XV กันบ้าง ...ผมขับเจ้านี่ครั้งแรกเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ย้อนไปตอนเปิดเว็บไซต์ Autodeft ขึ้นมาใหม่ๆ และได้รับความอนุเคราะห์จากคุณตะวัน ให้รถมาทดสอบ ทั้งที่ตอนนั้นเว็บเรามีคนอ่านเพียงไม่กี่พันคน ...
การกลับมาขับ Subaru XV รุ่นใหม่ มีขึ้นเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว แต่ก็นานจนลืมความรู้สึกไปแล้ว กลับมาขับครั้งนี้เป็นอะไรที่จะตอบได้ทันทีในความแตกต่าง
ปรับท่านั่งเรียบร้อยออกตัว ความรู้สึกของ Subaru XV หน่วงๆ กว่าเล็กน้อย ผมจำได้ว่าทีมวิศวกรบอกว่า แม้เครื่องยนต์ของรถทั้ง 2 รุ่นจะเหมือนกัน แต่พวกเขามีการปรับจูนบางอย่างทำให้มันแตกต่างกันเล็กน้อย สัมผัสที่ว่าผมกำลังรู้สึกอยู่ น่าแปลกที่รถที่ดูเตี้ยกว่าเล็กกว่าจะมีความแน่นหนึบมากกว่าพี่ชายของมัน เหมือนสลับร่างยังไงก็ไม่รู้
ระหว่างที่กำลังเลี้ยวโค้งแรกความแตกต่างที่สำคัญก็ตามมาทันที Subaru XV ไม่ใช่ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า มันหนักและตึงมือพอตัว โอเค!! ระบบแตกต่างกัน แต่ Subaru XV เป็นรถที่ใช้ในเมืองมากกว่าไม่ใช่หรอ ทำไมไม่...ปรับให้รถเบามือกว่านี้ ..ใจผมคิด เรื่องนี้เด่นชัดมากขึ้นเมื่อคุณต้องหักหลบสิ่งต่างเร็วๆ เช่น การเปลี่ยนเลน หรือ เข้าสลาลอม และเช่นกันถ้าบ้านคุณอย่างกลางตรอกแคบหรือต้องซอกซอนเข้าตลาด อะไรเทือกนั้น พวงมาลัยของ Subaru XV ทำได้แย่กว่า Subaru Forester ด้วยคุณลักษระการทำงานของระบบ
ยังดีที่ขนาดตัว ของ Subaru XV ช่วยให้เราเอาชนะอุปสรรคในการควบคุมได้ เหมือนจะได้อย่างก็เสียอย่าง ... เลือกสักทาง.... แต่ขนาดนี่แหละที่ทำให้มันลงตัวเมื่อใช้งานในเมือง
โหมดทางฝุ่น และลุย.... ใครจะเจ๋งกว่ากัน
ขับบนทางเรียบจนหนำใจ ผมเริ่มรู้จุดบอดของ Subaru XV นั่นทำให้แตกต่างพอสมควรกับพี่ชายของมัน .... แต่ทางในเมือง ตามที่จำลองมามันไม่ต่างกันมาก ... คำถามคือ เมื่อลุยล่ะจะเป็นอย่างไร
คงมีน้อยคนอยากจะเอา Subaru ไปลุยทางโหด มันอาจจะไม่ใช่รถที่ขึ้นชื่อในเรื่องราวแบบนี้ แต่ความสามารถของพวกมันไม่ได้เป็นสองรองใครในตลาด ยิ่งรถมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Symmetrical All Wheel Drive อยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
เช่นเดิมผมเริ่มจาก Subaru Forester ก่อน ลักษณะเส้นทางเป็นไลน์เดียวกับที่ผ่านมือเมื่อครั้นตอนเปิดตัว รูปแบบทางเป็นทางหินกรวดหรือ Gravel ถือว่ามีความลื่นพอสมควร ..
ผมออกตัวกับ Subaru Forrester เจ้าป่าคันนี้ทำอัตราเร่งได้ดีในระดับที่น่าพอใจ มันบุกตะลุยเส้นทางด้วยความนุ่มนวล สัมผัสการสะดุ้งสะท้านไม่มากมายนัก หักทางโค้ง พวกมาลัยไฟฟ้าควบคุมง่ายแถมระบบควบคุมการทรงตัวตอบสนองไว มันช่วยให้คุณมั่นใจในยามขับทางที่ลื่นเช่นนี้
ข้อดีของระบบพวงมาลัยไฟฟ้าบางครั้งก็เป็นข้อเสียเช่นกันในทางแบบนี้น้ำหนักพวงมาลัยจะถูกเซทให้เบาหวิวพอตัว จนเรารู้สึกว่าการควบคุมรถอาจจะเป็นไปไม่ได้ .. แต่เมื่อผ่านสลาลอม และเวียนเทียนในวงกลมโดนัท การปรับน้ำหนักพวงมาลัยจากระบบก็เริ่มดีขึ้น การมาเปลี่ยนเลนกลางทางโค้ง ทำให้ Subaru Forester ดูมาดมั่นยามตะลุยมากขึ้น และยังนั่งได้สบายกว่า ผมเชื่อว่ามาจากชุดโช๊คที่มีช่วงยาวในการยืดและยุบ ทำให้การซับแรงดีกว่า
ถึงคราว Subaru XV ผมโดดขึ้นขับแล้วออกตัวไป สัมผัสที่หนึบแน่นบนทางคอนกรีตเมื่อสักครู่ใหญ่กลายเป็นความมั่นใจในยามบุกตะลุยทางฝุ่นแบบนี้ แต่เมื่อถึงโค้งแรก ความหนักแน่นก็เริ่มทำให้เรารู้สึกว่ามันไม่ได้สนุกอย่างที่คิด รถดูหนักแน่นท้ายไม่ออกเหมือนที่ Forester เป็น แถมพวงมาลัยไฮโดรลิก คุณต้องใช้พลังช่วยในการบังคับทิศทาง หรือขืนมันไปอีกทาง เช่นในยามขับผ่านสลาลอม ซึ่งต้องหักหลบชุดกรวยที่เรียงเป็นตับ อย่างต่อเนื่อง
มันมั่นใจใช้ได้ แต่ไม่ฟินเท่า Subaru Forester ในใจผมคิด เราเร่งต่อเดินคันมาถึงช่วงเวียนเทียน การตอบสนองพวงมาลัยชัดเจน แต่ถ้าโค้งกว้างทางลื่นแบบนี้ พวงมาลัยน้ำหนักมากดูมีภาษีกว่าเยอะพอตัว ยิ่งหลังจากเวียนเสร็จเรามาเจอจังหวะเปลี่ยนเลนกะทันหัน ... ผมยอมรับว่า เป็นผมคงอยากจะได้พวงมาลัยไฟฟ้ามากกว่า มันคุมได้ตามใจมากกว่า ถึงจะมีระบบ VSC ช่วยอยู่ข้างหลังก็ตาม
สรุปแมทช์นี้ Subaru Forester ชนะเลิศ..มันใหญ่กว่า มันคุมดีกว่ามั่นใจกว่า แต่ก็ใช่ว่าเมื่อต้องลุย Subaru XV จะทำไม่ได้ ..ตรงนี้คุณต้องถามตัวเองแล้วว่า ใช้ชีวิตในเมืองหรือเพื่อลุยมากกว่ากัน
ลองสั้นๆ ออฟโรด จำลองแต่บอกได้เยอะ
จบทางฝั่งมาต่อทางออฟโรดกันบ้าง ที่จริงทาง Subaru คงอยากจะบอกว่ารถเขามีดีกว่าที่ตาเห็นซื้อไปอยากให้ใช้งานคุ้มค่าจึงจัดรูปแบบ ออฟโรดจากการใช้โรลเลอร์เข้ามาให้ดูการทำงาน
ใน Subaru Forester และ Subaru XV ทั้งคู่ต่างมีการทำงานของระบบ X Mode แตกต่างกันเพียง ระบบของ Forester สามารถกดปุ่มแล้วใช้งานได้ทันที ส่วนของ XV จะต้องเลี้ยงไว้ที่รอบเครื่องยนต์ 1,500-1,750 รอบต่อนาทีจึงจะทำงาน
เงื่อนไขระบบทั้งคู่เหมือนกันมันทำงานที่ความเร็วไม่เกิน 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตอบการทำงานในเส้นทางสมบุกสมบัน แต่ถ้าถามว่าผลเด่นชัดใน Subaru Forester จะทำงานได้ดีกว่าเช่น คุณต้องไต่ทางเขา หรือเนินชัน แล้วต้องใช้รอบเร่งมากๆ เชื่อว่า Forester น่าจะทำได้ดีกว่า
นอกจากนี้ พวงมาลัยไฟฟ้าของ Subaru Forester ยังตอบสนองในยามลุยได้ดี มันคุมได้แม้จะเจอเนินต่อเนื่อง และช่วงล่างยังสนองตอบอย่างเร็วพอตัวแม้จะไม่นิ่มนวลมากมายจากแรงกระแทกก็ตาม
ด้าน Subaru XV นอกจากคุณลักษณะการทำงานที่แตกต่างออกไป และพวงมาลัยไฮโดรลิกแล้ว ความมั่นใจในการใช้งานดูไม่เปลี่ยนแปลง สิ่งแตกต่างมีเพียงเล็กน้อยเพียงการสะเทือนของช่วงล่างที่ดูจะมากกว่า อาจจะด้วยความแข็งแรงตัวถังและการเซทช่วงล่างที่แตกต่างกัน ถ้าคุณขับต่อทางเนินกระโดดต่อเนื่องอย่าแปลกใจที่คนข้างหลังจะสั่นเป็นเจ้าเข้า จนคุณอาจจะถูกบ่น แต่อาจจะดีกว่าถ้าคิดจะรูดหลุมไปเลยนั่นคือคำแนะนำส่วนตัว
สรุป แตกต่างกันจริง ... แต่คุณต้องเลือก
ลงจาก Subaru XV ผมหันมอง..พร้อมครุ่นคิดเล็กๆว่ามันแตกต่างกันอย่างไร ประการแรก ... Subaru XV เป็นพวงมาลัยธรรมดาไม่ใช่ไฟฟ้า จึงยังมีอาการพวงมาลัยหนักในบางจังหวะแบบรถขับเคลื่อนสี่ล้อดั้งเดิม ขับบนถนนใช้ความเร็วมั่นใจ ขับในเมืองพอไปวัดไปวา ได้ แต่ถ้าคุณใช้ความเร็วบนทางฝุ่น ถ้าไม่แน่จริงมีติงนังกินข้าวลิงอย่างแน่นอน ...
ด้านจังหวะออฟโรด การควบคุมยังมั่นใจ แต่ระบบ X- Mode ต้องใช้งานอย่างเข้าใจ เพราะไม่มีปุ่มเข้าโหมด ตลอดจน ตัวรถดูจะเตี้ยกว่า ถ้าลุยโหดมากผมว่ามีปัญหาแน่นอน และท้ายสุดช่วงล่างมีระยะยืดและยุบสั้นกว่า คงไม่เหมาะมาถ้าคิดว่าจะลุยโหด.. และผมว่ามันเหมาะขับในเมือง ทางต่างจังหวัด ไปเจอฝุ่นเล็กๆน้อยๆ มากกว่า
ทางด้าน Subaru Forester พี่ชายคนนี้มีดีกว่า หลายคนไม่ชอบหน้าตามัน ผมไม่แปลกใจเท่าไร เพราะ Subaru เก่งในรถเก๋ง แต่พวกเขาก็พยายามทำรถยนต์อเนกประสงค์ให้แตกต่าง พวกเขาทำได้ดี Subaru forester กลายเป็นรถที่ขับได้ดีเจ๋งทั้งบนถนนและบนทางฝุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ ระบบพวงมาลัยไฟฟ้าของมันมีดีเกินคาด และคุ้มค่าน่าจ่ายถ้าคุณตัดสินใจเลือกไม่ถูก ผมว่า นี่คือรถแบบ All Around ที่ดีที่สุดคันหนึ่งไม่เว้นกระทั่ง ออฟโรด เพียงแต่ราคามันจะโหดกว่า XV และไม่หล่อเท่า... คือสิ่งที่คุรต้องยอมรับให้ได้
เอาล่ะครับ..ใครที่จะซื้อสองศรีพี่น้องค่ายดาวลูกไก่ มาถึงจุดนี้คงได้คำตอบแล้ว...ว่าควรจะซื้ออะไรให้เหมาะกับงบประมาณและชีวิตของคุณ ที่สำคัญจะเลือกอะไรลองดูสิว่าคุณได้ใช้ที่คุณชอบอย่างเต็มประสิทธิภาพแค่ไหน ..และเมื่อนั้นแหละครับ คุณจะตอบได้ว่า .. คุณได้ซื้อรถที่คุ้มค่าแล้วหรือยัง
เรื่อง โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook หรือ ทาง Fan page ,Twiter (@Nattayosc), Blog ส่วนตัว
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com