ทำไมคนกรุงต้องขับรถยนต์ออกมาให้รถติดมากขึ้น

  • โดย : พิสน ลีละหุต
  • 19 ก.ค. 60 00:00
  • 13,971 อ่าน

เรารู้กันดีอยู่แล้วว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้การจราจรในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร ติดขัดอย่างมหาศาลจนติดอันดับโลก ก็คือปริมาณถนนไม่เพียงพอกับปริมาณของรถยนต์ที่วิ่งกันอยู่ ต่อให้รัฐบาลไหน จะมีมาตรการขายฝันดีอย่างไร ถ้าเราไม่สามารถเริ่มกำจัดต้นเหตุแห่งปัญหาได้ การจราจรที่แสนแย่ในเมืองหลวงก็ไม่มีวันแก้ไขได้ ในเมื่อเรารู้กันอยู่แล้วว่าเมื่อยิ่งเอารถออกมา รถก็ยิ่งติด แล้วทำไมเรายังเลือกที่จะเอารถออกมาอีก

Bangkok Traffic

ระบบขนส่งมวลชนไม่ทั่วถึง
จริงอยู่ว่าในกรุุงเทพฯ มีระบบขนส่งมวลชนมากมาย ทั้งรถไฟฟ้า, รถเมล์, รถตู้, เรือ, แท็กซี่ และอื่นๆอีกหลายช่องทาง แต่ด้วยความที่เป็นเมืองใหญ่ที่มีประชากรอยู่มากมายเป็นหลักสิบล้านคน ดังนั้นหลายคนก็ต้องเลือกไปอยู่อาศัยในจุดที่ห่างออกจากใจกลางเมืองออกไป เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของที่อยู่อาศัย ยอมนั่งรถหรือขับรถไกลขึ้น ดีกว่าต้องไปซื้อหรือเช่าบ้านใกล้ที่ทำงานที่มีราคาสูงกว่าด้านนอกเมืองหลายเท่าตัว พอมีการกระจายตัวของประชากรไปอยู่ด้านนอก ระบบขนส่งมวลชนก็น้อยตามลงไปด้วย อย่างเช่นถ้าซื้อบ้านอยู่แถวสุวินทวงศ์ ตัวเลือกของรถมวลชนที่จะใช้ได้แทบจะหาไม่ได้ มีเพียงแค่รถตู้หรือรถเมล์บางสายที่วิ่งมาห่างๆเท่านั้นเอง ไม่อย่างนั้นก็ต้องเลือกโบกแท็กซี่เอา แต่ก็จะเจอค่าใช้จ่ายมากกว่าเดิมอีก ดังนั้นหลายๆคนจึงเลือกที่จะยอมขับรถเข้ามาทำงานดีกว่า ไม่ต้องลำบากหารถเข้าเมืองเอง

ระบบขนส่งมวลชนช้า
นอกจากระบบขนส่งมวลชนจะไม่ทั่วถึงแล้ว ยังใช้เวลาในการเดินทางมากกว่าขับรถไปเองซะส่วนใหญ่ เพราะกว่าจะรอรถเมล์หรือรถตู้เพื่อเดินทางได้ บางจุดอาจจะต้องรอระดับเกินครึ่งชั่วโมงขึ้นไป เพราะรถมีไม่พอ หรือว่ามีมาแต่คนเยอะขึ้นไม่ได้ โดยเฉพาะรถตู้ที่ตอนนี้จำกัดที่นั่งได้ไม่เกิน 13 คน ยิ่งทำให้ไม่เพียงพอกับการขนส่งคนได้ตามเวลา บางคนต้องต่อรถหลายต่อกว่าจะถึงที่ทำงาน เพราะไม่มีรถมวลชนที่วิ่งตรงถึงที่ทำงานได้ ดังนั้นการเอารถส่วนตัวขับไปทำงาน ก็ช่วยทำให้ลดระยะเวลาในการเดินทางได้พอสมควร

Bangkok Traffic

ระบบขนส่งมวลชนไม่ปลอดภัย
ข่าวเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดจากรถขนส่งมวลชนมีมาให้เห็นเรื่อยๆ จนทำให้คนที่ดูข่าวหวาดผวากับการเดินทางโดยการขับของคนที่เราไม่รู้จัก จนบางคนพูดว่า ยอมขับรถออกไปเองดีกว่า ถ้าตายก็ตายด้วยมือตัวเอง ดีกว่าให้คนอื่นพาไปตาย ซึ่งมันเกิดมาจากระบบขนส่งมวลชนของเมืองหลวงยังมีมาตรการที่ไม่เข้มข้นพอเรื่องความปลอดภัย ทั้งคนขับที่บางครั้งก็พาผู้โดยสารไปเสี่ยงตายด้วยการขับรถเร็วฉวัดเฉวียน หรือรถเมล์บางคันก็ดูเก่าผุพังเกินกว่าจะเอามาให้บริการได้ พอคนที่ขึ้นรถมวลชนแล้วเจอเรื่องแบบนี้ก็เข็ด จึงยอมหาเงินเพื่อซื้อรถส่วนตัว แล้วขับไปทำงานเองดีกว่า อย่างน้อยก็ควบคุมรถได้ด้วยตัวเอง ไม่อยากเสี่ยงตายจากน้ำมือคนอื่น

สบายกว่า
ต้องยอมรับว่าการขึ้นรถมวลชน มันสะดวกสบายไม่เท่ารถยนต์ส่วนตัวอยู่แล้ว เพราะถ้าจะขึ้นรถมวลชน ต้องเดินไปรอรถ, ยืนรอรถ, ยืนบนรถ, เดินไปต่อรถ บางทีขึ้นรถปรับอากาศที่น้ำยาแอร์เหมือนจะหมด ก็ทำให้ทรมานกับการเดินทางครั้งนั้นได้มากเลยทีเดียว เทียบไม่ได้กับการขับรถออกไปเอง แค่เดินออกมาหน้าบ้านแล้วก็ขับออกไป ระหว่างทางแอร์ก็เย็น มีเพลงให้ฟัง มีหนังให้ดู อยากคุยโทรศัพท์เสียงดังก็ทำได้ ยอมเหนื่อยกับการขับรถหน่อย ดีกว่าต้องไปเหนื่อยกับขึ้นรถมวลชนแน่นอน

Bangkok Traffic

อวด
ต้องยอมรับจริงๆว่ายังมี "บางคน" ที่ขับรถส่วนตัวออกมาทำงานเพราะอยากจะอวด เคยเจอบางคนมีบ้านอยู่ห่างที่ทำงานแค่ 2 ป้ายรถเมล์ หรือบางคนคอนโดอยู่ติดรถไฟฟ้า แต่เลือกที่จะขับรถมาทำงาน ทั้งที่ออฟฟิศอยู่ติดสถานีรถไฟฟ้าด้วยซ้ำ เพียงเพราะอยากให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองมีรถส่วนตัวใช้นะ ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องเกินกว่าจะแก้ไข เพราะเป็นทัศนคติส่วนตัวล้วนๆ

Bangkok Traffic

จริงๆแล้วยังมีอีกร้อยแปดเหตุผลมากมายที่ทำให้คนเมืองหลวงอย่างพวกเราจำเป็นต้องเลือกที่จะขับรถยนต์ส่วนตัวออกมาข้างนอก ทั้งไปส่งลูก, ต้องกลับบ้านดึก, ต้องไปหลายแห่งเพราะเป็นเซลส์ เป็นต้น ต่างคนต่างเหตุผลกันไป แต่ถ้าเรามองที่เมืองหลวงต่างๆในประเทศอื่นๆอย่างเช่น โตเกียว, สิงคโปร์ เป็นต้น เขาจะให้ความสำคัญกับเรื่องขนส่งมวลชนเป็นอย่างแรก ในโตเกียวถ้าเราได้เห็นเส้นทางรถไฟฟ้าที่วิ่งอยู่ จะเห็นเลยว่ามันครอบคลุมทั่วทั้งเมืองอย่างกับไยแมงมุม และช่องว่างระหว่างเส้นทางก็จะมีรถเมล์ที่เชื่อมต่อแต่ละแห่งอย่างสะดวกสบาย วิ่งมาตรงเวลา ขับขี่ปลอดภัย จอดทุกป้าย แถมยังสะดวกสบายมากขึ้นด้วยการมีบัตรใบเดียว สามารถใช้งานจ่ายเงินค่าโดยสารได้กับรถเมล์, รถไฟฟ้าทุกสาย เชื่อว่าถ้าวันหนึ่งที่เรามีรถไฟฟ้าที่วิ่งทั่วถึงทั้งเมือง, มีรถเมล์ที่มาตรงเวลาและปลอดภัยกว่าทุกวันนี้ ก็เชื่อว่าหลายคนคงเปลี่ยนใจมาขึ้นรถขนส่งมวลชนมากกว่าเดิม ก็น่าจะทำให้การจราจรในกรุงเทพมหานครคงดีขึ้นตามไปด้วยแน่นอนครับ (ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่)

เรียบเรียงโดย Earthpark02

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com 

5 เรื่องน่าสนใจ