คุณจะได้อะไรบ้าง เมื่อเลือกใช้งานน้ำมันดีเซลมาตรฐานใหม่ B10?
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 17 ธ.ค. 62 00:00
- 40,312 อ่าน
เชื่อว่าหลายคนคงได้ยินกระแสเรื่องการใช้งานน้ำมันดีเซล ที่มีการเพิ่มส่วนผสมน้ำมันไบโอดีเซล ซึ่งเป็นผลผลิตออกมาจากการทำเกษตรกรรมอย่างน้ำมันปาล์มกันบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันดีเซล B10 หรือ B20 ก็ตาม
ปัจจุบันในน้ำมันดีเซลที่เราเติมกันอยู่ทุกวันนี้ มีสัดส่วนการผสมของน้ำมันไบโอดีเซลอยู่แล้วจำนวนร้อยละ 7 หรือที่เราเรียกกันว่าน้ำมันดีเซล B7 แต่ในวันที่ 1 มกราคมนี้เป็นต้นไป ทางภาครัฐฯ ได้ทำการปรับเปลี่ยนให้น้ำมันดีเซล B10 กลายเป็นสูตรมาตรฐาน แล้วจัดให้น้ำมันดีเซล B7 เป็นน้ำมันทางเลือกแทน
แน่นอนว่า น้ำมันดีเซล B10 คือน้ำมันที่มีการเพิ่มสัดส่วนในการผสมของน้ำมันไบโอดีเซลลงไปเป็นสัดส่วนร้อยละ 10 ซึ่งปัจจุบันมีการวางจำหน่ายแล้วอย่างแพร่หลาย อย่างเช่น PTT Ultra Force B10 น้ำมันดีเซลมาตรฐานใหม่ สุดยอดนวัตกรรมล่าสุด ประสิทธิภาพเยี่ยม ในราคาถูกกว่าเดิม ที่สถานี PTT Station ประมาณ 300 สถานี ซึ่งการเติมน้ำมัน B10 นั้น คนที่เลือกใช้งาน นอกจากจะได้ประโยชน์จากการที่มีราคาถูกมากกว่าน้ำมันดีเซลที่เติมกันอยู่ในปัจจุบันถึงลิตรละ 2 บาทแล้ว ยังมีประโยชน์อีกหลายอย่าง ที่คุณได้ช่วยคนรอบข้างได้อย่างมากมาย
เริ่มจากตัวของเราเองก่อน ที่นอกจากจะได้เติมน้ำมันดีเซลที่ราคาถูกลงกว่าเดิมลิตรละ 2 บาทแล้ว จากการทดสอบการใช้งาน PTT UltraForce Diesel B10 ประสิทธิภาพไม่แตกต่างจากน้ำมันดีเซลธรรมดาอย่าง B7 ที่เราเติมกันอยู่ในปัจจุบันเลย ยังคงมีคุณสมบัติในเรื่องให้อัตราเร่งดี และการปกป้องอุดตันของหัวฉีด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รองรับทั้งรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็กและกลางได้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ PTT UltraForce Diesel B10 เป็นน้ำมันดีเซลเกรดคุณภาพ ผสมไบโอดีเซลความบริสุทธิ์สูงกว่าเดิม ซึ่งเป็นไบโอดีเซลที่ได้รับการรับรองจากสมาคมผู้ผลิตยานยนต์ญี่ปุ่น (JAMA) ผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ว่าไม่ส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์ และยังเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเครื่องยนต์ในการจุดระเบิดได้เร็วขึ้น มาพร้อมขุมพละกำลังในการขับเคลื่อนที่มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น มีการผสมสารเพิ่มค่าซีเทน ช่วยเพิ่มกำลังของเครื่องยนต์ทำให้อัตราเร่งดี และยังป้องกันการอุดตันของหัวฉีด ด้วยสารทำความสะอาดหัวฉีด และลดอาการสึกหรอของชิ้นส่วนเครื่องยนต์ได้อีกด้วย
นอกจากตัวเราเองที่ได้ประโยชน์จากการใช้งาน PTT UltraForce Diesel B10 แล้ว คนรอบข้างและสิ่งแวดล้อมก็ยังได้อีกด้วย เพราะสามารถช่วยลดควันดำลงถึง 42% และ ลดฝุ่น PM 2.5 ได้ถึง 300 ตันต่อปี (เมื่อเทียบกับการใช้งานน้ำมัน B7 ในปริมาณเท่ากัน) จากการทดสอบด้วยวิธี Dyno Test พบว่า ค่ากำลังและแรงบิดไม่มีความแตกต่าง เมื่อเทียบกับน้ำมันดีเซล ธรรมดา (B7) รวมถึงไม่มีผลกระทบกับระบบจ่ายเชื้อเพลิงและหล่อลื่นเครื่องยนต์ ที่สำคัญ อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยก็ใกล้เคียงเดิม
และผู้ที่ได้รับประโยชน์ช่วงต่อมา ก็คือเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน ที่ปัจจุบันมีความผันผวนของราคาเป็นอย่างมาก รวมทั้งยังมีผลผลิตล้นตลาด เกินความต้องการใช้งานภายในประเทศอีกพอสมควร ดังนั้นเมื่อมีการเพิ่มสัดส่วนการใช้ปาล์มน้ำมันเพื่อนำมาผลิตเป็นน้ำมัน B100 ที่นำมาผสมในน้ำมันดีเซลให้มากกว่าเดิม เท่ากับเป็นการช่วยรองรับผลผลิตจากเกษตรกรไว้ได้มากขึ้น ทำให้ผลผลิตที่ออกมามีราคามั่นคงมากกว่าเดิม และเมื่อเกษตรกรมีเงินให้ใช้จ่ายมากกว่าเดิม เศรษฐกิจเมืองไทย ก็สามารถขับเคลื่อนได้มากกว่าเดิมเช่นกัน
PTT UltraForce Diesel B10 จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่นวัตกรรมทางด้านเชื้อเพลิงหรือพลังงานยุคใหม่ ที่หันมาใส่ใจกับคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมในสังคมเท่านั้น แต่ยังเป็นผลลัพธ์แห่งพลังแห่งการพัฒนา เพื่อขีดสุดแห่งนวัตกรรมน้ำมัน ที่สะท้อนถึงการพัฒนาและก้าวหน้าอย่างยั่งยืนในสังคมไทย
PTT Station วางแผนที่ขยายสถานีบริการน้ำมันที่มี PTT UltraForce Diesel B10 จำหน่ายให้ได้เป็นประมาณ 300 สถานี ภายในเดือนธันวาคม 2562 ก่อนจะขยายสถานีบริการให้ครอบคลุมทุกจังหวัด 1,000 สถานี ในเดือนมกราคม 2563 และทุกสถานีจะพร้อมจำหน่ายพีทีที อัลตรา ฟอร์ซ บี10 ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 สำหรับโปรโมชั่นลูกค้าสามารถรับคะแนนจาก PTT Blue Card 10 เท่า หรือคิดเป็นส่วนลดสูงสุด 50 สตางค์/ลิตร ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2562 - 10 มกราคม 2563 นี้
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com