รถมือสองยอดนิยม...Toyota Wish รถอเนกประสงค์ MPV ยอดฮิตเพื่อครอบครัว
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 12 มิ.ย. 63 00:00
- 32,809 อ่าน
ถ้าจะพูดถึงรถมือสองที่เป็นรถสำหรับครอบครัวใหญ่ สามารถนั่งได้ถึง 6-7 คน มีพื้นที่สำหรับใช้งานอย่างกว้างขวาง ในตลาดเมืองไทยคงมีอยู่เพียงไม่กี่รุ่น แต่คงไม่มีใครไม่นึกถึงรถอเนกประสงค์แบบ MPV อย่าง Toyota Wish ได้อย่างแน่นอน
Toyota Wish เป็นรถสไตล์ Multi Purpose Vehicle หรือ MPV ขนาด Compact 5 ประตู ภายในมี 3 แถว 6 ที่นั่งและ 7 ที่นั่ง โดยเริ่มปรากฏโฉมสู่ชาวไทยในช่วงปี พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) เป็น 1 ใน 5 ประเทศที่โตโยต้านำรถยนต์รุ่นนี้มาวางจำหน่าย (ญี่ปุ่น, ไทย, มาเลเซีย, สิงคโปร์ และไต้หวัน) โดยเปิดตัวและวางตำแหน่งตัวเองเป็นรถยนต์แห่งความหรูหรา มีให้เลือก 3 เกรดคือ 2.0S, 2.0Q และ 2.0Q Limited โดยรุ่นท็อปสุดจะมีหลังคา Sun Roof มาให้ด้วย
Toyota Wish เลือกใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร ภายใต้รหัส 1AZ-FE DOHC 16 วาล์ว VVT-i ซึ่งเป็นเครื่องเดียวกันกับ Toyota Camry ในยุคนั้น ให้กำลังได้สูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 192 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super ECT 4 สปีด มีระบบ Sport Sequential ให้เลือกใช้งานเพิ่มความสนุกในการขับขี่ได้ เคลมกันเอาไว้ตอนเปิดตัวว่าสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน 11.1 วินาทีและวิ่ง ¼ ไมล์ได้ในเวลาเพียง 17.89 วินาทีเท่านั้น และยังเป็น 1 ในไม่กี่รุ่นในช่วงนั้นที่มีการติดคันเกียร์เอาไว้บนแผงคอนโซลหน้า เพิ่มพื้นที่ด้านข้างคนขับให้มีความกว้างมากขึ้น และเลือกการใช้เบรกมือแบบเท้าเหยียบ เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยด้านข้างคนขับให้มากขึ้นได้อีกด้วย
รถมือ 2 อย่าง Toyota Wish นั้น ในรุ่น 2.0S จะเป็นรูปแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง เบาะผ้า ส่วนรุ่น 2.0Q และ 2.0Q Limited แบ่งพื้นที่โดยสารเป็นแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง ทุกเบาะหุ้มด้วยหนังทั้งหมด โดยแถวที่ 2 เป็นที่นั่งสไตล์ Captain Seat และแถวที่ 1 และ 2 มีที่ท้าวแขนแบบพับขึ้นได้ทั้ง 4 ที่นั่ง ส่วนแถวที่ 3 สามารถพับให้เรียบได้แบบ 50:50 แต่ในโฉมแรกที่วางจำหน่ายนั้น (มีตัว W ที่ฝากระโปรงหน้า) จะมีแอร์ให้เฉพาะที่ส่วนหน้าเท่านั้น ดังนั้นโฉมนี้จึงอาจจะมีปัญหาบ้างในการนั่งอยู่แถวสุดท้ายในช่วงอากาศร้อน เพราะแอร์นั้นมักจะไปไม่ถึงคนที่นั่งอยู่แถวที่ 3
Toyota Wish นั้น ถือเป็นรถมือสอง ที่ให้ความสะดวกสบายในการขับขี่และโดยสารเป็นอย่างมาก โดยตัวรถนั้นมีขนาด 1,745 x 4,550 x 1,600 มม. (กว้าง x ยาว x สูง) ฐานล้อกว้าง 2,750 มม. มีวงเลี้ยวแคบเพียง 5.4 เมตร มีแอร์ระบบ Auto เพิ่มความสะดวกสบาย กุญแจเป็นแบบรีโมท ป้องกันการโจรกรรม Immobilizer เข้าออกรถได้ด้วยระบบ Smart Entry ที่เพียงแค่ถือกุญแจเอาไว้แล้วจับมือจับประตูด้านคนขับ ประตูก็ปลดล็อกให้แล้ว ไฟหน้าแบบ Xenon ให้สีขาวอมน้ำเงิน ปรับระดับได้อัตโนมัติ (ในรุ่น Q และ Q limited) กระจกมองข้างพับได้แบบไฟฟ้า ถือเป็นรถที่ให้ความหรูหราเป็นลำดับต้น ๆ ของรถระดับนี้ในยุคนั้นเลย
ส่วนเรื่องความปลอดภัยของ Toyota Wish นั้น ถือเป็นรถที่ให้ระบบความปลอดภัยมามากสำหรับยุคนั้น เพราะนอกจากจะให้ดิสก์เบรกมาครบทั้ง 4 ล้อแล้ว ยังใส่มาทั้งระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ VSC และ ระบบช่วยป้องกันการหมุนฟรีของล้อ TRC
ขยับมาถึงปี 2006 ทางโตโยต้าได้ทำการ Minor Change รุ่น Toyota Wish ให้ปรับเปลี่ยนใหม่ โดยจุดที่สังเกตได้ง่ายที่สุด คือสัญลักษณ์ที่อยู่บนฝากระโปรง จากเดิมที่ใช้ตัวอักษร W เปลี่ยนมาเป็นโลโก้ T อันเป็นสัญลักษณ์ของทาง Toyota แทน มีการเปลี่ยนไฟหน้าให้เป็น HID เลนส์โปรเจคเตอร์แบบ Smoke Chrome, กันชนหน้าใหม่, ชุดไฟท้ายและกันชนหลังใหม่, ไฟตัดหมอกจากเดิมเป็นทรงกลมก็กลายเป็นแบบเหลี่ยม, เพิ่มกล้องมองหลัง, ระบบนำทาง Navigator, เบาะคนขับปรับไฟฟ้า, ปุ่ม Smart Entry ทั้งด้านคนขับและด้านผู้โดยสารหน้า, ที่ท้าวแขนด้านหน้าปรับได้ 3 ระดับ, มาตรวัดแบบใหม่, สวิทช์ควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย, แผงควบคุมระบบปรับอากาศใหม่, เครื่องเสียงใหม่ และเพิ่มระบบความปลอดภัย TOYOTA VEHICLE SECURITY SYSTEM หรือ TVSS ซึ่งเป็นระบบป้องกันการโจรกรรม ถ้าหากมีบุคลใดพยายามทำความเสียหายหรืองัดแงะรถ ระบบจะสั่งให้ไฟเลี้ยวกระพริบและส่งเสียงเตือน(ไซเรน) และไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้(มอเตอร์สตาร์ทไม่หมุน)จนกว่าจะมีการยกเลิก
สิ่งทีดีงามของการเลือกใช้งานรถมือสองอย่าง Toyota Wish นั่นคือเรื่องอะไหล่ที่หาได้ง่าย และมีราคาไม่แพง มีให้เลือกใช้งานทั้งแบบของแท้และของเทียบ ของใหม่หรือของเชียงกงก็มีให้เพียบ และขึ้นชื่อว่าโตโยต้าแล้ว ความคงทนของอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็มีมากไม่แพ้ใคร เรียกได้ว่าถึกทน ใช้งานได้แบบไม่ต้องดูแลอะไรมากเลย
ปัญหาหลักของรถมือ 2 อย่าง Toyota Wish หลัก ๆ เลยคือแผงช่องแอร์ที่มีมาให้เฉพาะแถวแรก ดังนั้นการส่งความเย็นไปที่แถวสุดท้ายมักจะมีปัญหาไปไม่ถึง ยิ่งการใช้งานในเมืองร้อนอย่างประเทศไทยก็ย่อมมีปัญหาเพิ่มขึ้นไปด้วย หลายคนจึงเลือกใช้วิธีการเพิ่มพัดลมเข้าไปที่แถวสุดท้าย ก็จะช่วยได้เยอะเลย แต่มันอาจจะดูไม่สวยงามเท่าไหร่ อันนี้ก็แล้วแต่ว่าจะเอาความสบายหรือสวยงาม
ปัญหาต่อมาใน Toyota Wish ที่มักเจอกันบ่อยก็คือ ปัญหา “ไฟสามดวงในตำนาน” คือการโชว์ไฟเตือนที่แผงหน้าปัดคนขับ ทั้ง VSC, TRC OFF และไฟ Engine ติดขึ้นมาพร้อมกัน ซึ่งปัญหานี้ถือเป็นปัญหาครอบจักรวาลของรุ่นนี้จริง ๆ มีทั้งสวิตซ์เบรกหลวมหรือสกปรก, ECU เสีย, ปลั๊กคอยน์หัวเทียนหลวม, Catalytic Converter ตัน เป็นต้น แต่อาการเหล่านี้สามารถแก้ให้หายได้ทั้งนั้น ซึ่งช่างรถยนต์ส่วนใหญ่ในประเทศไทยซ่อมได้
ปัญหาต่อมาที่พบบ่อยก็คือเรื่องของเกียร์อัตโนมัติ ที่มักจะมีปัญหาคลัทช์ลื่น ใส่เกียร์เดินหน้าช่วงเครื่องเย็นแล้วเกียร์ไม่ยอมทำงาน ต้องรอสักพักถึงจะเริ่มใช้งานได้ วิธีแก้ไขถ้าไม่ยกลูกใหม่แบบมือ 2 (ราคาราว 10,000 - 15,000 บาท) แต่ถ้าซ่อมหรือ Overhaul ใหม่ ราคาก็อยู่ที่ราว 25,00 - 30,000 บาท ซึ่งร้านซ่อมเกียร์ Wish ก็หาไม่ยาก ค้นหาตาม Google ก็เจอเพียบแล้ว
สำหรับในตลาดรถมือสองของ Toyota Wish ในปัจจุบันนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะนิยมเลือกใช้งานในรุ่น 2.0Q และ 2.0Q Limited เสียมากกว่า และโฉมแรกที่ยังเป็นตัวอัษร W บนฝากระโปรงก็ยังเป็นที่ต้องการอยู่เสมอ โดยจะมีราคาอยู่ที่ราว 170,000 - 200,000 บาท ส่วนรุ่นที่เป็น Minor Change หรือตัว T บนฝากระโปรง ก็จะมีราคาราว 220,000 - 300,000 บาท ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในราคาที่อยู่ในระดับกลาง ๆ แต่ก็ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่ราคาในการขายต่อก็ตกไม่มาก ถ้ารักษาสภาพดี ๆ ดูแลรักษาให้ใช้งานได้ตามปกติ ราคาขายต่อเป็นรถมือ 2 ก็จะลดลงไปปีละไม่กี่หมื่นบาทเท่านั้นเอง ดังนั้นใครที่กำลังมองหาซื้อรถมือสองเอาไว้ใช้งานในครอบครัว Toyota Wish ถือเป็นที่น่าเลือกใช้งานมากไม่แพ้รุ่นอื่น ๆ อย่างแน่นอน
ภาพบางส่วนจาก phithan-toyota
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com