Hilux Revo Caravan Stage 4 [EP7] รับไม้ต่อเดินทางสู่เมืองอะดิยามัน ตุรกี บนเส้นทางสายเปอร์เซีย
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 13 ก.ค. 59 00:00
- 7,106 อ่าน
ในช่วงนี้ เริ่มต้นการเดินทางของคณะเดินทางกลุ่มที่ 4 อย่างเป็นทางการ สู่บทพิสูจน์ระดับโลกอีกก้าวของ ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน กับระยะทางกว่า 12,408 กิโลเมตรที่ผ่านมา พิสูจน์ความอึดของทีมคาราวาน และความแกร่งทนทานของ ไฮลักซ์ รีโว่ เส้นทางต่อไปจะเป็นอย่างไรติดตามกันได้เลย
วันที่ 27 ของการเดินทาง (29 มิ.ย. 2559) ช่วงการเดินทางในวันนี้เปรียบเสมือนเป็นการต้อนรับคณะเดินทางกลุ่มที่ 4 ที่รับไม้ต่อ โดยจุดหมายในวันนี้มุ่งหน้าสู่ เมืองทาบริซ (Tabriz) เมืองสุดท้ายในประเทศอิหร่าน ด้วยระยะทางต้อนรับกันที่ 623 กิโลเมตร ก่อนมุ่งหน้าออกนอกเขตเมืองก็ได้มีโอกาสบอกลากับ หอคอย Azadi tower อันเป็นสถานที่ไม่ควรพลาดของเมือง เส้นทางและสภาพภูมิประเทศในช่วงนี้เป็นที่ราบกึ่งทะเลทราย สองฝั่งข้างทางพบเห็นได้กับแปลงปลูกข้าวสาลีสีเหลืองทอง การขับขี่ตลอดช่วงนี้ไม่สามารถใช้ความเร็วได้มากเท่าไหร่นัก เนื่องจากมีด่านตรวจความเร็วเป็นระยะๆ ไฮลักซ์ รีโว่ จึงใช้โอกาสนี้ เปิดการทำงานของระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control ทำให้การเดินทางในช่วงเส้นทางนี้ปลอดภัยไม่โดนเรียกตรวจ และยังลดอาการเมื่อยล้าจากการเดินทางไกลที่ต้องคอยเหยียบคันเร่งได้อีกด้วย
ก่อนค่อยๆ เริ่มเข้าตัวเมืองทาบริซ เมืองใหญ่ที่เติบโตเป็นอันดับสี่ของอิหร่าน เป็นเมืองหลวงของจังหวัดอาเซอร์ไบจานตะวันออก อันมีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน และได้ชื่อว่าเป็นสรวงสวรรค์ เพราะความอุดมสมบูรณ์ของพื้นดิน พร้อมด้วยศูนย์กลางทางการค้า อุตสาหกรรม และการคมนาคมอันแสนสะดวกด้วยระบบรถประจำทางสาธารณะ BRT โดยคาราวานก็ได้พบกับความแปลกตาไปจากสภาพเส้นทางที่เดินทางกันมาทั้งวัน สังเกตเห็นต้นไม้ปกคลุมในหลายๆ จุด
ก่อนถึงยังตัวเมืองก็ได้สัมผัสบรรยากาศสบายๆ แวะเยี่ยมชมเมืองกันก่อนเล็กน้อยที่ มัสยิดที่สวยที่สุดในเมือง มัสยิดบลูมอสก์ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1465 ไม่ไกลกันนักคาราวานก็แวะชมความสวยงามของจตุรัสกลางเมืองที่มี City Hall พร้อมน้ำพุส่องแสงไฟอย่างสวยงาม ก่อนมุ่งหน้าสู่ที่พักในวันนี้ เพื่อเตรียมตัวข้ามแดนกันอีกครั้ง สู่ประเทศตุรกี ที่ต้องให้ลุ้นอีกว่าคาราวานต้องเจอกับสถานการณ์แบบไหนอีกในการข้ามแดนครั้งนี้
วันที่ 28 ของการเดินทาง (30 มิ.ย. 2559) วันนี้ ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน เตรียมพร้อมเดินทางข้ามแดนกันอีกครั้งแต่เช้า สู่ประเทศตุรกี โดยระยะทางที่ต้องเดินทางกันในวันนี้เพื่อไปสู่ชายแดน ประมาณ 290 กิโลเมตร ต้องรีบไปถึงเร็วกันหน่อยเพราะไม่รู้ว่าต้องใช้เวลามากน้อยแค่ไหนในการทำเรื่องและข้ามแดนจากอิหร่านไปยังตุรกี
เส้นทางตลอดช่วงยังคงเป็นที่ราบสลับเส้นทางขึ้นเขาลงเขา พบกับภูเขาดินทรายที่มีต้นไม้ปกคลุมให้ได้เห็นตลอดทาง ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลนัก คาราวาน ก็เดินทางมาถึงยังด่านตรวจคนเข้าเมือง ใช้เวลาไม่นานนักในการยื่นเอกสารผ่านด่าน เป็นอีกประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่า ขั้นตอนต่างๆ จึงไม่สลับซับซ้อน แต่สำหรับรถยนต์ที่ขับผ่านก็ต้องตรวจละเอียดกันหน่อย แต่ไม่นานเท่าไหร่ก็สามารถผ่านด่านกันออกมาอย่างฉลุย หลังจากผ่านด่านออกมา ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ก็ได้พบกับภูเขาอารารัต (Ararat) ภูเขาที่สูงที่สุดของตุรกี มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี คล้ายกับภูเขาไฟฟูจิ ในญี่ปุ่นทีเดียว มีความสูงถึง 5,137 เมตร คาราวานก็ไม่พลาดที่จะขึ้นไปสัมผัสความงามกันใกล้ๆ บ้านส่วนใหญ่แถวนี้สร้างจากดินเหนียว เพื่อความอบอุ่น พื้นที่ราบส่วนใหญ่แถวนี้ ใช้ปลูกหญ้าหรือพืชผลไม้สำหรับเป็นอาหารสัตว์ในฤดูหนาว ชาวเปอร์เซียเรียกภูเขาลูกนี้ว่า “โคอินูห์”
และคาราวานเดินทางขึ้นต่อเพื่อชม " เรือโนอาห์ " (Noah’s Ark) เส้นทางขึ้นต้องอาศัยสมรรถนะของ ไฮลักซ์ รีโว่ อย่างมาก เพื่อไต่เขาที่ค่อนข้างชันขึ้นไปด้านบน เพื่อชมร่องรอยของเรือโนอาห์ในตำนาน ซึ่งเป็นเรือขนาดใหญ่ที่กล่าวถึงในคัมภีร์ไบเบิลของชาวยิว รวมไปถึงคัมภีร์อัลกุราอ่านของชาวมุสลิม เล่ากันว่าหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่คร่าชีวิตคนไปหมดโลก เรือโนอาห์ก็ลอยอยู่บนผืนน้ำกว่าครึ่งปี พร้อมโนอาห์กับครอบครัวรวม 7 คน และสัตว์ชนิดต่างๆ อย่างละหนึ่งคู่ และเมื่อน้ำลด เรือก็ลอยมาติดที่เทือกเขาแห่งนี้นั่นเอง ต้องบอกเลยว่าวิวทิวทัศน์ด้านบนสวยงาม เป็นอีกภาพความประทับใจไม่รู้ลืม ที่คณะเดินทางทุกคนไม่พลาดที่จะเก็บภาพบรรยากาศความสวยงามบนจุดสูงสุดของภูเขาอันเป็นที่รู้จัก และชื่อเสียงโด่งดัง
หลังเก็บภาพซึมซับบรรยากาศเรียบร้อย ก็ได้เวลากลับลงเขากัน และด้วยความสามารถของระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน หรือ DAC ใน ไฮลักซ์ รีโว่ การขับขี่ในช่วงนี้จึงผ่านไปได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยทุกคัน แทบไม่ต้องเหยียบเบรกกันเลย ปล่อยให้ระบบทำงานไป แวะกันที่ตีนเขา Ararat ถ่ายภาพกันเล็กน้อย และคาราวานก็เดินทางมาถึงกันที่ เมืองโดคูเบยาซิต (Dogubeyazit) เดิมคือเมืองเบยาซิต ที่เคยเสียหายอย่างหนักจากสงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามกู้เอกราชตุรกี และในปี ค.ศ.1930 ก่อนจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ เป็นเมืองในปัจจุบัน เข้าที่พักกันเรียบร้อย ก่อนที่บางท่านจะออกไปสำรวจเมืองกัน ที่ยามค่ำคืนยิ่งดึกผู้คนยิ่งมากขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงถือศีลอดนั้นเอง
วันที่ 29 ของการเดินทาง (1 ก.ค. 2559) หลังจาก ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ข้ามแดนเข้ามาสู่ตุรกีกันเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งการเดินทางต่อไปจะต้องอยู่ในตุรกีกันอีกยาว เป็นอีกประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ อีกทั้งยังมีสถานที่หลายๆ แห่งที่ขึ้นเป็นมรดกโลกจาก UNESCO อีกด้วย ตุรกีมีชื่ออย่างทางการว่า สาธารณรัฐตุรกี มีเมืองอังการา เป็นเมืองหลวง และจุดหมายสิ้นสุดภารกิจการเดินทางของกลุ่มที่ 4 ที่เมืองอิสตันบูล อันเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในตุรกี มีประชาการรวมทั้งหมดกว่า 77 ล้านคน มีเหตุการณ์ประวัติศาสตร์สำคัญเกิดขึ้น คือ สงครามครูเสด สงครามศาสนาระหว่างชาวคริสต์ในยุโรปกับชาวมุสลิมเติร์ก มีพื้นที่เชื่อมระหว่างทวีปเอเชียและยุโรป ผ่านการปกครองมามากมาย ทั้ง จักรวรรดิของชาวฮิตไตต์ จักรวรรดิไบเซนไทน์ จักรวรรดิออตโตมัน เป็นต้น
วันนี้เป้าหมายการเดินทางมุ่งสู่ เมืองมาร์ดิน (Mardin) บนระยะทางการเดินทางในช่วงนี้กว่า 700 กิโลเมตร ความสวยงามของสองข้างทางเริ่มมาให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งช่วงทางตรง และทางโค้งในหลายๆ ช่วงของการเดินทาง การขับขี่ ไฮลักซ์ รีโว่ บนเส้นทางที่ต้องอาศัยการเกาะถนนอย่างดี และความหนึบของช่วงล่างก็ไร้กังวลใดๆ คาราวาน สามารถขับขี่ผ่านเส้นทางไปได้อย่างสบายๆ ด้วย ช่วงล่วง DCS ใน ไฮลักซ์ รีโว่ ทั้งหนึบ แกร่ง มั่นใจ และมอบความปลอดภัยตลอดการขับขี่ แถมยังให้ความสนุกในการขับขี่อีกด้วย
มื้อเที่ยงแวะเติมพลังกันบริเวณทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในตุรกี ทะเลสาบวาน (Van) ด้วยสีสันของผืนน้ำสีเทอร์ควอยส์ สลับกับฉากหลังแสนงดงามจากภูเขาหิมะ เป็นมื้อที่ ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ลงมือปรุงอาหารกันเอง ทานเอง พร้อมชมวิวสวยๆ ได้อีกอารมณ์ของการเดินทางทีเดียว อิ่มท้องกันแล้วก็แวะเก็บภาพที่ระลึกบริเวณ สะพานโบราณสมัยยุคออตโตมัน อายุโดยประมาณถึง 600 ปี
และคาราวานก็เข้าใกล้เมืองมาร์ดิน ที่ซึ่งมีชายแดนใกล้ประเทศซีเรีย ไม่นานพระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้า เส้นทางที่ต้องขับผ่านเป็นถนนเลนสวนอันขรุขระ ที่ทั้งแคบ สลับโค้งภูเขาในหลายช่วง ด้วยช่วงล่าง DCS ที่ให้สมรรถนะการเกาะถนน และซับแรงสะเทือนอย่างดี บวกกับไฟหน้า LED Projector ช่วยส่องสว่างบนเส้นทางยามค่ำคืน พาคาราวานเดินทางผ่านกันไปได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยทุกคัน ยังเป้าหมายเมืองมาร์ดิน ซึ่งเป็นที่พักในค่ำคืนวันที่ 29 ของการเดินทางบทพิสูจน์ระดับโลก
วันที่ 30 ของการเดินทาง (2 ก.ค. 2559) เริ่มต้นวันนี้ด้วยการออกเดินสัมผัสบรรยากาศเมืองมาร์ดิน ที่ตั้งอยู่บนที่ราบเมโสโปเตเมียและเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในยุคนั้น เป็นเมืองโบราณและมีสถาปัตยกรรมสร้างขึ้นจากหินที่นำมาวางซ้อนกัน ซึ่งยังคงหลงเหลือโครงสร้างของเมืองเก่าย้อนไปถึง 4,000 ปี เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องเครื่องประดับ ถั่วพิสตาซิโอ และละครซีรี่ย์หลายเรื่อง ชมวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น พร้อมกับเก็บภาพความทรงจำอันเป็นเสน่ห์ของเมืองที่มีที่อยู่อาศัยเรียงรายอยู่บนหน้าผา เรียงตัวกันอย่างสวยงาม พร้อมเดินทางสู่อีกหนึ่งเมืองกันต่อที่ เมืองอะดิยามัน (Adiyaman) ด้วยระยะทาง 441 กิโลเมตร สภาพเส้นทางคล้ายกับวันที่ผ่านมา ในบางช่วงของเส้นทางต้องวิ่งผ่านเมืองบ้าง พบสัญญาณไฟจราจรบอกให้หยุดรถหลายครั้ง ด้วยระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ (Start & Stop System) นี้เองจึงช่วยประหยัดน้ำมัน พร้อมรักษาสิ่งแวดล้อม เป็นอีกหนึ่งระบบที่ถูกติดตั้งอยู่ใน ไฮลักซ์ รีโว่
ก่อนที่ช่วงบ่ายคาราวานมาถึงกันที่ อ่างเก็บน้ำหลังเขื่อน Ataturk ที่ใหญ่ที่สุดในตุรกี ชมวิวทิวทัศน์ถ่ายภาพกันเป็นที่ระลึก ก่อนออกเดินทางกันต่อไปยัง เทือกเขาเนมรุต (Nemrut) ที่ได้รับรองให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก หรือ UNESCO World Heritage เป็นสุสานของกษัตริย์แอนติโอนุสที่ 1 (Antiochus I) ของอาณาจักรคอมมาจเน (Commagene) ยอดเขาลานฝั่งตะวันออกและลานฝั่งตะวันตก มีรูปแกะสลักหินยักษ์ ตรงกลางเป็นยอดเขาที่ถูกถมขึ้น ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นที่ฝังศพที่ยังไม่ถูกค้นพบ และลานฝั่งตะวันออกมีรูปแกะสลักหินถูกตั้งเรียงแถว มีลักษณะเป็นรูปหน้าของกษัตย์แอนติโอนุสที่ 1, นกอินทรี, สิงโต, เทพเจ้าของกรีก, อาร์มีเนียและเปอร์เซีย ได้แก่ ซุส อารามาสต์ และ เฮอร์คิวลิส วาฮาน
งานนี้ต้องขึ้นเขากันอีกครั้ง ทั้งชันและมีทางโค้งสลับไปมาตลอดทาง ซึ่ง ไฮลักซ์ รีโว่ ก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ด้วยช่วงล่าง DCS ใหม่ ที่ยึดเกาะถนนได้อย่างดีเยี่ยมมั่นใจในทุกการเข้าโค้ง และช่วงการเดินทาง พาคาราวานขึ้นมาถึงยัง ยอดเขาเนมรุต (Nemrut) ด้วยความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 2,134 เมตร สัมผัสอีกที่สุดวิว 360 องศารอบตัวสุดสวยงามน่าจดจำ เติมพลังใจพลังกายให้กับคณะเดินทางทุกท่าน เพื่อลุยกันต่อ
ช่วงขาลงระบบ DAC ระบบช่วยการลงทางลาดชัน ใน ไฮลักซ์ รีโว่ ก็เข้ามาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้คาราวานทั้ง 9 คัน ลงทางชันได้อย่างสบายๆ โดยไม่ต้องเหยียบเบรก ซึ่งระบบจะทำหน้าที่โดยอัตโนมัติ ทั้งคำนวณความชัน และความเร็วที่เหมาะสมและปลอดภัยในการลงเขา ผนวกกับระบบเกียร์ Sequential Shift ให้ผู้ขับขี่ได้ควบคุมการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ตามต้องการ ก่อนเดินทางมาถึงยังที่พักในคืนนี้ เติมพลังกายช่วงเย็น และพักผ่อนกันให้พร้อมลุยต่อในวันรุ่งขึ้น และจะได้พบกับเมืองคัปปะโดเกีย (Cappadocia) เมืองเลืองชื่ออันสวยงาม
เส้นทางต่อไปของ Hilux Revo Caravan จะเป็นอย่างไร แล้วชาวคณะจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง ติดตามกันได้ต่อไปเร็วๆ นี้ที่นี่ หรือที่ www.toyota.co.th/hiluxrevocaravantrip และ https://web.facebook.com/ToyotaHiluxThailand พร้อมร่วมสนุก “อ่านแล้วแชร์” ง่ายๆ เพียงแค่คลิก พิมพ์ #hiluxrevocaravantrip รับกล้อง GoPro Hero4 และของที่ระลึกอื่นๆ อีกมากมาย
โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ขับจริง หนึบจริง แกร่งจริง
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com