Hilux Revo Caravan Stage 2 [EP4] อำลาประเทศจีน ย่างก้าวสู่อุซเบกิสถาน

หลังจากการเดินทางที่แสนยาวไกล 12 วัน ระยะทางไกลกว่า 7,200 กิโลเมตร เริ่มต้นตั้งแต่กรุงเทพฯ จนมาถึงเมือง คาชการ์ สาธารณรัฐประชาชนจีน คณะ Hilux Revo Caravan ต้องผ่านเส้นทางที่แสนหฤโหดในหลายช่วงตลอดเส้นทาง แต่ด้วยความยอดเยี่ยมของ Hilux Revo จึงทำให้ทุกคนเดินทางมาได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย และในวันที่ 13 ของการเดินทาง ทุกคนจะได้พักผ่อนเพื่อชมความสวยงามของเมือง คาชการ์ เป็นเวลา 1 วัน

 

 

วันที่ 13 ของการเดินทาง (15 มิ.ย. 2559) ทุกคนในคณะคาราวาน จะได้พักการขับรถ ด้วยการโดยสารรถบัส แล้วมีไกด์นำเที่ยว เพื่อรับชมความสวยงามในมุมต่างๆของเมือง โดยเมืองคาชการ์ หรือ คาสือ   เป็นเมืองที่ตั้งอยู่สุดพรมแดนทางตะวันตกของจีน เป็นจุดบรรจบแห่งอารยะธรรมโบราณบนเส้นทางสายไหมอันเก่าแก่มากว่า 2000 ปี เป็นโอเอซิสที่ตั้งอยู่บนแอ่งที่ราบทาริม บนขอบทะเลทรายตากลามากัน อันกว้างใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากทะเลทรายซาฮาร่า คณะคาราวานเริ่มต้นท่องเที่ยวเมืองนี้กับศูนย์ค้าส่ง Kashgar western & Asian Bazaar for International trade ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าขายของคาชการ์ มีสินค้าแทบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเทศ เสื้อผ้าพื้นเมือง ผ้าพันคอ รองเท้า เครื่องหนัง ขนม ของเล่น เป็นต้น ทำให้หลายๆคนในคณะ ต้องควักเงินกันแทบไม่ทัน เพราะสินค้าแต่ละอย่างทั้งน่าซื้อ และราคาก็ถูกมาก ที่สำคัญพ่อค้าแม่ค้าทุกคนอัธยาศัยดี ยิ้มแย้มต้อนรับชาวไทยในคณะทุกคนอย่างดีเลยครับ

หลังช็อปปิ้งเป็นที่เรียบร้อย คณะคาราวาน Hilux Revo ก็เดินทางต่อมาเพื่อเก็บบรรยากาศความสวยงามของเมืองเก่าในคาชการ์  แหล่งท่องเที่ยวระดับ 5A ที่ถือเป็นที่เที่ยวที่ดีอันดับต้นๆของประเทศจีน โดยจะแบ่งเป็น 2 ฝั่งคือ  ฝั่งเมืองเก่าที่ไม่ได้บูรณะ และเมืองเก่าที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ภายหลัง ชาวคณะคาราวานเริ่มต้นกันที่เมืองเก่าไม่ได้บูรณะก่อน โดยในเมืองต้องพบกับความเก่าแก่ของบ้านเรือน ดูเก่าแต่สวยงาม เสียดายที่ทางการไม่ยอมดูแลรักษาหรือบูรณะให้ดีกว่านี้ บางส่วนกลับถูกทางการรื้อถอนออกไปด้วยซ้ำ ซึ่งในเมืองนี้ยังมีผู้ที่อยู่อาศัยจริงๆ ซึ่งเราเจอแต่เด็กและคนแก่ เพราะผู้ชายจะออกไปทำงานที่อื่นกันหมด

ต่อมาก็เดินทางข้ามมาอีกฝั่ง ซึ่งจะเป็นเมืองที่สร้างขึ้นมาใหม่ และทางการได้ดูแลอย่างเต็มที่ มีการประชาสัมพันธ์เพื่อให้คนมาเยี่ยมชมที่เมืองฝั่งนี้ โดยตัวอาคารเป็นแบบโบราณเหมือนฝั่งเก่า แต่ดูใหม่กว่าเยอะ ผู้คนก็อัธยาศัยดี ยิ้มแย้มแจ่มใส เมื่อเดินสัมผัสวิถีชีวิต วัฒนธรรมกันได้ครึ่งวัน ทุกคนลงความเห็นเดียวกันว่า เป็นเมืองจีนที่ไม่มีความเป็นจีน

จากนั้น คณะ Hilux Revo Caravan ก็เดินทางต่อเพื่อไปเยี่ยมชมสุสานอาบัค โฮจา (Apak Hoja) อนุสรณ์สถานที่อุทิศให้กับอาบัค โฮจา นักบวชซูฟีย์ ในสำนักชบันดีผู้มีชื่อเสียงที่สุดในซินเจียง โดยตัวสุสานทำด้วยหินอ่อน มีความงดงามมาก ซึ่งนอกจากเป็นที่ฝังศพของอาบัค โฮจาแล้ว ยังเป็นที่ฝังศพของคนอื่นๆในครอบครัวด้วย

จากนั้นคณะก็เดินทางต่อไปที่ มัสยิดอิดกาห์ มัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในจีน ซึ่งสามารถรองรับมุสลิมเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้มากถึง 1 หมื่นคน โดย “อิดกาห์” เป็นภาษาฟาร์ซี หมายถึง สถานที่แห่งเทศกาล ดังนั้นทุกวันศุกร์ ชาวอุยกูร์จะมารวมกันเพื่อประกอบพิธีในที่แห่งนี้

ก่อนหมดวัน ชาวคณะคาราวานก็ได้ไปเดินเล่นแถวจตุรัสก๋วงฉ่าง ซึ่งเป็นที่ตั้งของรูปปั้นท่านประธานเหมา เจ๋อ ตุง เป็นการส่งท้ายอำลาประเทศจีน เพราะในวันรุ่งขึ้น ทุกคนจะต้องข้ามสู่ประเทศคีร์กีซสถานแล้ว

เข้าสู่เช้าวันที่ 14 ของการเดินทาง (16 มิ.ย. 2559) หลังจากได้พักผ่อนท่องเที่ยวกันอย่างเต็มที่แล้ว คณะคาราวานไฮลักซ์ รีโว่ ก็ต้องออกเดินทางกันแต่เช้า เพื่อเดินทางเข้าสู่ประเทศ คีร์กีซสถาน ในวันนี้ ถึงแม้จะมีระยะทางเพียง 310 กิโลเมตรเท่านั้น แต่เนื่องจากต้องผ่านตรวจชายแดนมากถึง 3 ด่าน จึงทำให้ต้องรีบออกเดินทางเพื่อให้ถึงจุดหมายได้ตามเวลา โดยช่วงแรก เส้นทางเป็นทางเรียบกลางทะเลทรายกว้าง 4 เลน แต่ด้วยวิสัยทัศน์ที่ไม่ดีจากฝุ่น เลยทำให้ทำความเร็วได้ไม่มาก แต่ทุกคันก็ผ่านมาได้ด้วยดี จนมาถึงด่านชายแดนประเทศจีน ทุกคนถูกตรวจเอกสารอย่างละเอียดจากเจ้าหน้าที่ของทางการจีน จนทำให้ต้องเสียเวลาในจุดนี้พอสมควร แต่ก็ผ่านมาได้อย่างไม่มีปัญหาอย่างไร และก็ต้องพบกับด่านย่อยอีกหลายจุด แต่การตรวจสอบก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร เพราะถือว่ามีการตรวจจากด่านใหญ่มาแล้ว

จากนั้นเดินทางมากันต่อจนไปด่านชายแดน คีร์กีซสถาน ที่เมืองอีร์เกชทัม ซึ่งเป็นจุดที่เรียกว่า " No Man’s Land " หรือดินแดนที่ไม่มีเจ้าของที่อยู่ระหว่างประเทศจีนกับคีร์กีซสถาน เส้นทางช่วงนี้ คณะ  Hilux Revo Caravan พบกับฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ถนนมีความลื่นเป็นอย่างมาก แต่ด้วยช่วงล่างอันหนึบของ Hilux Revo ที่พิสูจน์มาตลอดเส้นทางแล้วว่าเกาะหนึบได้ทุกสภาพถนน ทุกคนจึงขับขี่กันได้อย่างมั่นใจเต็มที่ ขับกันถึงด่านที่เมือง อีร์เกชทัม ได้อย่างไม่มีปัญหา หลังจากยื่นเอกสารเพื่อผ่านแดนเป็นที่เรียบร้อย ทุกคนก็ก้าวเข้าสู่ประเทศคีร์กีซสถานอย่างเป็นทางการ ถึงแม้ระหว่างทางที่ฝนตก อากาศภายนอกจะลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ภายในระกระบะ ไฮลักซ์ รีโว่  ที่มีระบบทำความร้อน (Heater) ก็ทำให้ผู้โดยสารอบอุ่นสบายอยู่ตลอดการเดินทาง

คีร์กีซสถาน เป็นประเทศแยกตัวออกมาหลังสหภาพโซเวียตล่มสลายเมื่อปี ค.ศ. 1991 เช่นเดียวกับ คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน  ทาจิกิสถาน และ เตอร์กเมนิสถาน โดยทั้ง 5 ประเทศนี้เรียกรวมกันว่าเป็นเขตเอเชียกลาง (Central Asia) ซึ่งมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน แต่ถูกบดบังครอบงำจากสหภาพโซเวียตเป็นเวลาถึงร้อยกว่าปี  จนทั้ง 5 ประเทศแยกตัวออกมาจากโซเวียตที่ล่มสลาย ชาวโลกถึงได้เริ่มรู้จักทั้ง 5 ประเทศนี้

คีร์กีซสถาน มีพรมแดนติดกับสาธารณรัฐประชาชนจีน คาซัคสถาน ทาจิกิสถาน และ อุซเบกิสถาน เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล เมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดมีชื่อว่า บิชเคก และในอดีตก็ถือว่าเป็นเมืองหนึ่งของเส้นทางสายไหมเช่นกัน ภูมิประเทศถูกรายล้อมไปด้วยภูเขาสูงเกือบ 90% ของพื้นที่ และปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งบนยอดเขาตลอดปี จุดที่สูงที่สุดในคีร์กีซสถานอยู่ที่เทือกเขาเทียนซานบนความสูงราว 7,439 เมตรจากระดับน้ำทะเล ถือเป็นอีกประเทศที่น่าท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ซึ่งเมื่อชาวคณะได้ขับรถ  ไฮลักซ์ รีโว่  ไต่ผ่านเส้นทางต่างๆจนสูงถึงระดับเกินกว่า 3,000 เมตร ทุกคนก็ต้องตะลึงกับความงดงามของธรรมชาติ ที่ผสมผสานด้วยภูเขา, ทุ่งหญ้า, ต้นไม้, ดิน และหิมะสลับกันไป จนสร้างความสวยงามได้อย่างลงตัว เปรียบได้เหมือนถนนสองเลนที่ผ่านมา เป็นเส้นทางที่พามาสู่สรวงสวรรค์เลยทีเดียว ซึ่งทางช่วงนี้เป็นทางขึ้นเขาโค้งเยอะ ประกอบกับฝนตกลงมาเป็นระยะ แต่ด้วยความหนึบของช่วงล่าง Hilux Revo ทุกคนก็ปลอดภัยไร้กังวลกับการเดินทางวันนี้

ผ่านการเดินทางมาทั้งวัน ชาวคณะคาราวานก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านซารีทัช เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ท่ามกลางหุบเขาและธรรมชาติที่สวยงาม ทุกคนได้พักเกสเฮ้าส์กลางหมู่บ้าน ได้พบปะพูดคุย และรับประทานอาหารแบบชาวบ้าน ที่มีการยิ้มแย้มต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างพวกเราอย่างเต็มใจ ถือเป็นการปิดการเดินทางวันที่ 14 ได้อย่างประทับใจ

วันที่ 15 ของการเดินทาง (17 มิ.ย. 2559) วันนี้จุดหมายปลายทางอยู่ไกลไปเพียง 185 กิโลเมตรเท่านั้น เลยทำให้ไม่ต้องรีบออกเดินทาง จึงมีเวลาที่จะเดินเล่นเพื่อซึมซับวิถีชีวิตชาวบ้านในช่วงเช้าได้หลังจากรับประทานอาหารเช้าแบบพื้นเมืองกันจนอิ่มแล้ว โดยเราได้เห็นการใช้ชีวิตของชาวบ้าน ที่แตกต่างกับบ้านเรา ซึ่งส่วนใหญ่คนที่นี่จะประกอบอาชีพเลี้ยงสัตว์ ทั้งม้า และ แพะ สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับทุกคนได้มากเลยทีเดียว

เราเดินทางออกจากหมู่บ้านซารีทัชประมาณ 9.00 น. เมื่อขึ้นรถได้ ทุกคนก็เริ่มควักเอาอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์กันออกมา เพื่อจัดการชาร์จไฟกันอย่างรวดเร็ว เพราะในหมู่บ้านที่พัก แทบจะไม่มีใครได้ชาร์จไฟเลยเพราะหาปลั๊กแทบไม่ได้ ดังนั้นไม่ว่าจะช่อง USB, ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้ากระแสสลับ AC220 หรือช่องปลั๊กไฟบ้านที่มีในไฮลักซ์ รีโว่ รุ่นดับเบิ้ลแค็บ 2.8G ขับเคลื่อน 4 ล้อ จึงถูกเสียบเพื่อชาร์จไฟกับครบทุกช่อง

เส้นทางช่วงนี้จะเป็นเส้นทางผ่านธรรมชาติที่สวยงามเช่นเคย แต่จะเป็นทางโค้งและลงเขาเป็นระยะ จึงได้เวลาเพื่อทดสอบระบบ DAC (Downhill Assist Control) ที่ช่วยควบคุมแรงดันเบรกที่ล้ออัตโนมัติ ให้รถเคลื่อนลงเนินชันด้วยความเร็วสม่ำเสมอโดยไม่ต้องแตะเบรกกันอีกครั้ง ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง ระบบ DAC ช่วยให้การขับขี่ในช่วงนี้สะดวกสบายและปลอดภัยได้ตลอดเส้นทางเช่นเคย จนเข้าสู่เขตเมืองออช คณะคาราวานก็ได้หยุดพักเพื่อรับประทานอาหาร แล้วจัดการเช็คอินเข้าที่พัก เพื่อเตรียมตัวเข้าสำรวจในเมืองออซต่อไป

เมืองออช เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศคีร์กีซสถานที่มีอายุยาวนานกว่า 3,000 ปี มีทั้งเขตซากเมืองเก่าและเมืองใหม่ พวกเราได้เริ่มเดินสำรวจเมืองกันอย่างสนุกสนาน เริ่มที่ตลาดหลักประจำเมือง ที่มีของขายหลายอย่าง ทั้งเสื้อผ้า หมวก ร้องเท้า ของเล่น ขนม และของฝาก รวมทั้งเรายังได้เห็นวิถีชีวิตแบบชาวบ้าน จนทำให้เกิดความประทับใจแก่ชาวคณะคาราวานทุกคน
ก่อนเข้าที่พัก คณะคาราวานได้ไปที่ Solomon's Throne เป็นเนินเขาใจกลางเมือง เมื่อขึ้นไปถึงยอดเขาจะได้เห็นวิวของเมืองออชแบบ 360 องศา ตรงจุดนี้เหมือนกับเวลาหยุดได้ เพราะความสวยงามนั้นเกินกว่าจะบรรยายเป็นตัวอักษรได้จริงๆ หลังจากตะลึงกับความสวยงามเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาพักผ่อน เพื่อเดินทางกันต่อไปในวันพรุ่งนี้

เข้าสู่วันที่ 16 (18 มิ.ย. 2559) ของการเดินทางสร้างประวัติศาสตร์ของคาราวานไฮลักซ์ รีโว่ วันสุดท้ายที่จะได้ฝากรอยเท้าและรอยล้อในประเทศคีร์กีซสถาน เพราะวันนี้จุดหมายปลายทางจะอยู่ที่เมืองทาชเคนต์ เมืองหลวงของอุซเบกิสถานแล้ว โดยจะมีระยะทาง 395 กิโลเมตรเท่านั้น แต่จากความยุ่งยากในการผ่านแดนเพื่อเข้าสู่ประเทศอุซเบกิสถานมีมากพอสมควร ชาวคณะจึงต้องออกเดินทางตั้งแต่ 7 โมงเช้า เพื่อให้ถึงจุดหมายได้ตามเวลา เราเดินทางกันอย่างมั่นใจในรถ Hilux Revo จนถึงด่านชายแดนของประเทศคีร์กีซสถาน ยื่นเอกสารเพื่อออกนอกประเทศ ผ่านการอำนวยความสะดวกของไกด์ท้องถิ่น จนผ่านมาได้อย่างไม่ยุ่งยากอะไร จากนั้นก็เดินทางต่อไปจนถึงด่านชายแดนประเทศอุซเบกิสถานแล้ว เรามาถึงตั้งแต่ประมาณเที่ยง แต่ที่ด่านตรวจแห่งนี้ ที่มีความเข้มงวดอย่างมาก ทุกคนจะถูกตรวจสอบอย่างละเอียด ถูกค้นสัมภาระแทบทุกอย่าง แม้กระทั่งข้อมูลในโทรศัพท์, โน้ตบุ๊ก ก็ถูกตรวจอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเราจะไม่เอาภาพหรือสิ่งของที่ไม่เหมาะสมเข้าประเทศของเขา กว่าจะผ่านการตรวจครบทุกคน ก็กินเวลาไปถึง 6 โมงเย็นแล้ว ถือว่าเป็นด่านที่ละเอียดที่สุดตั้งแต่เดินทางผ่านมาแล้ว 4 ประเทศ (ไทย,ลาว,จีน,คีร์กีซสถาน)

หลังออกจากด่าน ยังเหลือระยะทางอีกกว่า 300 กิโลเมตร แถมเส้นทางยังขรุขระ แต่ช่วงล่างที่นุ่มนวลของ Hilux Revo ก็พาชาวคณะผ่านมาได้อย่างสบาย แต่ด้วยความหิวโหย จึงต้องแวะเพื่อรับประทานอาหารพื้นเมืองแบบอุซเบกิสถานก่อน แล้วจึงเดินทางต่อ แต่สำหรับ Hilux Revo แล้ว ยังไม่ได้เติมน้ำมันตั้งแต่ผ่านด่านประเทศจีนที่เมืองคาชการ์เลย ถึงแม้จะเป็นเส้นทางขึ้นลงเขาตลอดทาง แต่ความประหยัดของรถ Hilux Revo ก็ยังคงมีน้ำมันเหลืออยู่จนพาทุกคนก้าวสู่จุดหมายปลายทางได้แบบสบาย

แต่คณะ Hilux Revo Caravan ก็ต้องเจอเรื่องเกินความคาดหมายอีกครั้ง เมื่อต้องเจอกับด่านตรวจหนังสือเดินทางอีก 2 ด่าน และแต่ละด่านก็มีการตรวจที่เข้มข้นมาก ชนิดต้องลงจากรถแล้วสอบถามเป็นรายคนเลยทีเดียว จึงต้องเสียเวลาเพิ่มอีกเป็นชั่วโมง เมื่อผ่านด่านทั้งหมดมาแล้ว ทีมคาราวานจึงรีบเดินทางกันต่อ เพื่อไปถึงเมืองทาชเคนต์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ถนนช่วงนี้แคบ และมีไม้กั้นเป็นระยะ แถมยังมืดมากอีกด้วย ต้องอาศัยความสว่างของไฟหน้าโปรเจคเตอร์ของไฮลักซ์ รีโว่ เป็นตัวส่องสว่างและเพิ่มทัศนะวิสัยในการขับขี่ เลยทำให้การเดินทางช่วงนี้ปลอดภัยจนถึงจุดปลายทางทุกคัน แต่ด้วยเหตุการณ์เหนือการควบคุม เราเดินทางถึงเมืองทาชเคนต์ในเวลาเกือบตี 4 ทุกคนจึงรีบเข้านอนเพื่อเก็บแรงไว้สู้กันต่อไปในวันพรุ่งนี้

เช้าวันที่ 17 ของการเดินทาง (19 มิ.ย. 2559) ผ่านเส้นทางทุกรูปแบบมารวม 8,387 กิโลเมตรแล้ว วันนี้จึงเป็นวันพักผ่อนของชาวคณะ และตรวจสภาพรถ Hilux Revo เพื่อให้สมบูรณ์เต็มที่ จะได้พาทุกคนไปสู่จุดหมายได้อย่างปลอดภัย และหลังจากวันนี้ ก็จะเป็นการส่งไม้ต่อให้กับสื่อมวลชนในกลุ่มที่ 3 รวมทั้งสเตจนี้จะมีลูกค้าผู้ใช้รถไฮลักซ์ วีโก้ และไฮลักซ์ รีโว่ เข้าร่วมพิสูจน์สมรรถนะจริงระดับโลกด้วย

สำหรับประเทศอุซเบกิสถาน นั้นเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มเอเชียกลางที่เกิดขึ้นใหม่ภายหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี 1991 และยังจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลถึง 2 ชั้น (Double-landlocked countries) หมายถึง ประเทศที่ถูกล้อมรอบด้วยประเทศที่ไม่มีทางออกทะเลหรือถูกปิดล้อมด้วยแผ่นดิน โดยประเทศที่อยู่ในกลุ่ม Double-landlocked countries มีเพียง 2 ประเทศในโลก คือ อุซเบกิสถาน และลิกเตนสไตน์

หลังจากที่ผ่านวันอันแสนโหดร้ายแล้ว ชาวคณะคาราวานก็ได้พักผ่อนกันอย่างเต็มที่ในเมืองทาชเคนต์ เมืองหลวงของอุซเบกิสถาน ที่เป็นชุมทางการค้าบนเส้นทางสายแพรไหม พ่อค้าที่เดินทางผ่านทะเลทรายอันหฤโหด จะมาชุมนุมกันที่นี่ จึงทำให้บริเวณนี้เป็นจุดศูนย์รวมของวัฒนธรรม ทั้งเติร์ก เปอร์เซีย อุซเบก และ ทาจิก ปัจจุบันทาชเคนต์จัดว่าเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในเอเชียกลาง ที่มีจำนวนประชากรกว่า 2 ล้านคน

เริ่มต้นการพักผ่อนกับการช็อปปิ้งกันที่ตลาดชอร์ซู  ซึ่งที่นี่เคยเป็นชุมทางการค้าบนเส้นทางสายแพรไหมในอดีต มีอาคารเป็นรูปทรงกลม และหลังคาโดมขนาดใหญ่ เป็นศูนย์สรรพสินค้าและตลาดสดที่คึกคัก รอบ ๆ อาคารยังมีร้านขายสินค้าอุปโภค บริโภค ของที่ระลึก และร้านอาหารอีกมากมาย อยู่ใกล้กับมัสยิดจูมาร์ กับ กูเกลดัช มาดรัสซา สถาปัตยกรรมอันสวยงามของเมืองนี้ ทุกคนก็ได้เลือกซื้อของและเก็บภาพของบ้านเมืองกันอย่างมีความสุข

จากนั้นก็ไปต่อกันที่ Khast Imam Complex ซึ่งประกอบด้วย มัสยิดสุสานของบุคคลสำคัญในอดีต และโรงเรียนสอนศาสนา ตกแต่งด้วยศิลปะสถาปัตยกรรมแบบเปอร์เซียอันงดงาม จากนั้นก็ไปเที่ยวต่อที่อนุสาวรีย์อมิร์ ติมูร์ หรือ ทาเมอร์เลนข่าน วีรกษัตริย์ที่ชาวอุซเบกิสถานนับถือ และเป็นทายาทรุ่นหลานของเจงกิสข่าน กษัตริย์นักรบแห่งมองโกเลีย  แล้วไปต่อที่ Independence Square ซึ่งอยู่ไม่ไกล ที่นี่ในภาษาอุซเบก เรียกว่า Mustaqillik Maydoni เป็นลานขนาดใหญ่ที่เคยใช้จัดกิจกรรมต่างๆ ของสหภาพโซเวียตในอดีต ปัจจุบันได้กลายเป็นสวนสาธารณะ มีการปลูกต้นไม้ไว้อย่างร่มรื่น เหนือประตูทางเข้ามีรูปปั้นนกกระทุงอยู่ 3 ตัว บินอยู่เหนือลูกโลก ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดี ชาวคณะทุกคนก็ถ่ายภาพเพื่อเก็บเป็นความทรงจำที่สวยงามกันเต็มที่ ทิ้งท้ายก่อนจะเดินทางด้วยเครื่องบินกลับกรุงเทพฯช่วงค่ำ และส่งไม้ต่อการเดินทางสเตจต่อไปให้กับคณะกลุ่มที่ 3 ที่จะเดินทางมาถึงในคืนนี้ ปิดทริปในสเตจที่ 2 ได้อย่างสวยงาม

เส้นทางต่อไปของ Hilux Revo Caravan จะเป็นอย่างไร แล้วชาวคณะจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง ติดตามกันได้ต่อไปเร็วๆนี้ที่นี่ หรือที่ www.toyota.co.th/hiluxrevocaravantrip   พร้อมร่วมสนุก “อ่านแล้วแชร์” ง่าย ๆ เพียงแค่คลิก พิมพ์ #hiluxrevocaravantrip รับกล้อง GoPro Hero4 และของที่ระลึกอื่น ๆ อีกมากมาย  หรือที่ https://web.facebook.com/ToyotaHiluxThailand

โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ขับจริง หนึบจริง แกร่งจริง

 

 

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com