คนไทยอาการหนัก ติดโซเชี่ยล เผย45% เล่นโซเชียลมีเดียขณะขับรถ
- โดย : Autodeft
- 25 พ.ค. 58 00:00
- 10,456 อ่าน
ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี เผยผลวิจัยพฤติกรรมผู้ขับขี่ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พบคนไทยคิดโซเชี่ยลขับไปเล่นไป กว่า 45% แถมชอบถ่ายเซลฟี่ เป็นอันดับ 3 จากการสำรวจด้วย
ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี เผยผลวิจัยพฤติกรรมผู้ขับขี่ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พบคนไทยคิดโซเชี่ยลขับไปเล่นไป กว่า 45% แถมชอบถ่ายเซลฟี่ เป็นอันดับ 3 จากการสำรวจด้วย
ผู้ใช้รถใช้ถนนในฟิลิปปินส์กว่า 42% ยอมรับว่าเคยถ่ายเซลฟี่ขณะขับรถมาก่อน ซึ่งถือเป็นอัตราส่วนสูงสุดในภูมิภาคนี้ มากกว่าในประเทศจีน (31%) ไทย (30%) อินเดีย (23%) และออสเตรเลีย (7%)
โดยในประเทศจีน มีการใช้แอพ Weixin ส่งข้อความและแพลทฟอร์มโซเชียลมีเดีย Weibo ในขณะขับรถมากถึง 59% และ 36% ตามลำดับ ส่วนผู้ขับขี่ชาวอินเดียก็เลือกใช้โซเชียลมีเดียบนท้องถนนราว 27% ขณะที่ประเทศ ไทยจากผลการสำรวจเดียวกับ พบว่า กว่า 45% ของผู้ขับขี่ ใช้งาน Facebook ระหว่างการขับรถ
นอกจากนี้ คนไทยยังติดอันดับนักแชทตัวยง ไม่ว่าจะการใช้ แอพพลิเคชั่น LINE และแอพแชทอื่นๆ ที่ใช้กันในขณะขับขี่ ซึ่งมีมากถึง 47% ในประเทศไทย
ส่วนในอินเดีย พบว่าผู้ขับขี่กว่า 56% สนทนาทางโทรศัพท์ในขณะขับขี่ ขณะที่อีกกว่า 40% รับประทานอาหารและเครื่องดื่มไปด้วย และอีก 55% มักเอื้อมมือไปเปิด-ปิดเพลงขณะขับรถ
นาย พีท ฮาร์ดิแกน ผู้อำนวยการฝ่ายงานวิศวกรรมเพื่อความยั่งยืน สิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยของฟอร์ด เอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “ฟอร์ดพยายามที่จะค้นหาคำตอบสำหรับปัญหาการเบี่ยงเบนความสนใจของผู้ขับขี่มานานกว่าสิบปีแล้ว โดยเราได้สร้างสรรค์นวัตกรรมมาเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน สำหรับผู้ขับขี่ที่ใช้โทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์ไร้สายประเภทอื่นๆ ขณะขับขี่”
“เราเชื่อมั่นว่าการให้ความรู้อย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าใจถึงความสำคัญของการมีสมาธิในการควบคุมรถ ไม่ปล่อยมือจากพวงมาลัย และไม่ละสายตาจากท้องถนน”
ฟอร์ดได้มุ่งมั่นค้นคว้าเพื่อหาแนวทางจัดการกับกิจกรรมที่เบี่ยงเบนความสนใจของผู้ขับขี่มาแล้วกว่าหนึ่งทศวรรษ และได้พัฒนา เทคโนโลยี ฟอร์ด ซิงค์ ซึ่งเป็นระบบเชื่อมต่อตัวรถเข้ากับอุปกรณ์ต่างๆ ที่พร้อมรับคำสั่งด้วยเสียง ซึ่งได้รับการพิสูจน์ว่า สามารถช่วยให้ผู้ขับขี่มุ่งความสนใจไปที่ท้องถนนได้ แม้ขณะใช้งานโทรศัพท์มือถือหรือเครื่องเสียงในรถ
ทีมวิจัยของฟอร์ดพบว่า ซิงค์ช่วยลดเวลาที่ผู้ขับขี่ละสายตาไปจากท้องถนนข้างหน้าได้มาก ทั้งยังช่วยลดการเบนรถออกนอกเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ เสริมการรักษาความเร็วขณะขับขี่ให้นิ่งกว่าเดิม และยังทำให้ผู้ขับขี่สามารถตอบโต้กับวัตถุหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันบนท้องถนนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com