Toyota ถูกศาลฎีกาสั่งจ่ายเงินกว่าหมื่นล้านบาท จากการนำเข้าชิ้นส่วนเพื่อเอามาประกอบเป็น Toyota Prius
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 18 ก.ย. 65 00:00
- 6,412 อ่าน
จากคดีความที่ยืดเยื้อกันมาหลายปี เรื่องการที่ทางโตโยต้า ประเทศไทย นำเข้าชิ้นส่วนมาจากประเทศญี่ปุ่น แล้วเสียภาษีในอัตราของชิ้นส่วนอะไหล่ แต่นำไปประกอบรถ Toyota Prius ได้ทั้งคัน ล่าสุดทางศาลฎีกา ได้ทำการอ่านคำพิพากษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยให้ทางโตโยต้าทำการจ่ายเงินเพิ่มอีกกว่า 1 หมื่นล้านบาท ตามอัตราภาษีนำเข้ารถทั้งคัน
เมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา ศาลฎีกาได้ทำการอ่านคำพิพากษา โดยมีโจทย์ซึ่งเป็นบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทสไทย จำกัด ยื่นฟ้องกรมศุลกากร และกรมสรรพากร ที่มีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าชิ้นส่วนเพื่อนำเข้ามาประกอบเป็นตัวรถ Toyota Prius ในอัตรา 80% ในระหว่างปี 2553 – 2555 ทั้งที่ความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยและญี่ปุ่นสำหรับความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (JTEPA) ให้ทำการเรียกเก็บภาษีนำเข้าชิ้นส่วนได้ในอัตราเพียง 30% เท่านั้น โดยศาลได้ทำการยกฟ้อง โดยให้เหตุผลโดยสรุปว่า ชิ้นส่วนที่โจทย์นำเข้ามา เมื่อประกอบเข้ากันแล้วมีลักษณะอันเป็นสาระสำคัญของรถ Toyota Prius และสามารถนำไปประกอบเป็นรถคันสมบูรณ์ได้ทันที จึงต้องนับเป็นการนำเข้ารถยนต์ทั้งคัน ไม่สามารถรับการยกเว้นภาษีในความตกลง JTEPA ได้ และให้จำเลยสามารถเรียกอัตราการนำเข้าเป็นอัตราร้อยละ 80 ได้ นั่นหมายความว่า โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จะต้องชำระค่าอากรที่ขาดไปเป็นมูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท ให้แก่กรมศุลกาการภายในระยะเวลา 30 วันหลังจากได้คำสั่งศาล
ทั้งนี้หลังมีการอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา Toyota ได้ออกจดหมายชี้แจงเรื่องนี้ว่า
“บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ("บริษัทฯ") ขอแสดงความเคารพต่อคำพิพากษาของศาลฎีกาในวันนี้ ทั้งนี้ คดีดังกล่าวนี้มีประเด็นเกี่ยวกับการตีความข้อกฎหมายซึ่งยังไม่เคยมีการวินิจฉัยมาก่อน และเป็นประเด็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์และข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น กล่าวคือ บริษัทฯ ได้ใช้สิทธิประโยชน์ตามอนุสัญญาระหว่างสองประเทศ ที่เรียกว่าความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย – ญี่ปุ่น (JTEPA) เพื่อลดอัตราอากรขาเข้าในการนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์พรีอุส ซึ่งในปี 2553 หน่วยงานราชการของไทยที่เกี่ยวข้องได้อนุมัติการใช้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวแล้ว บริษัทฯ จึงมีความเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าสินค้าดังกล่าวอย่างถูกต้องมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2555 กรมศุลกากรได้ตีความกฎการนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์พรีอุสในแนวทางซึ่งแตกต่างไปจากเดิม ซึ่งทำให้บริษัทฯ มีภาระภาษีและอากรขาเข้าเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก คำพิพากษาของศาลฎีกาในวันนี้ได้ตีความในแนวทางเดียวกันกับการตีความของกรมศุลกากร ดังนั้น เมื่อบริษัทฯ ได้รับสำเนาคำพิพากษาของศาลฎีกาแล้ว บริษัทฯ จะศึกษารายละเอียดของคำพิพากษา และปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ต่อไป
บริษัทฯ ขอยืนยันว่า บริษัทฯ ยึดมั่นที่จะประกอบธุรกิจของบริษัทฯ ให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องทุกประการ โดยบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยและพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อให้ลูกค้าในประเทศไทยได้รับความพึงพอใจสูงสุด และเพื่อส่งเสริมพันธกิจขององค์กรในการขับเคลื่อนความสุขสู่สังคมไทย"
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com