10 เหตุการณ์สำคัญ วงการยานยนต์ไทย ในรอบปี 2014

  • โดย : Autodeft
  • 25 ธ.ค. 57 00:00
  • 8,020 อ่าน

ย้อนรอย 10 เรื่องสำคัญในวงการยานยนต์ในรอบปี ของบ้านเรา เรื่องไหนสำคัญจนต้องติดตาม คุณรู้ได้ที่นี่

 

 

สิ้นปีทีไร เรามักมานั่งนึกถึงอดีตในรอบปีที่ผ่านมา ในรอบปีว่า เราผ่านอะไรมาบ้าง ที่จริงปีนี้มีเหตุการณ์สำคัญต่างๆมามกาย ที่มีความสำคัญต่อวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ ว่าจะมีทิศทางแนวโน้มต่อไปอย่างไรบ้างและในช่วงวาระสำคัญนี้ เราจะมาทบทวน  10  เหตุการณ์สำคัญในรอบปี 2014   ว่ามีอะไร ที่เป็นสาระสำคัญในรอบปีบ้าง

 

อันดับที่ 10  ตลาดบิ๊กไบค์โตต่อเนื่อง

ในรอบปี มองทางวงการสองล้อก่อน คงไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้ปลาบปลื้มใจ ทุกค่ายมอเตอร์ไซตค์ชั้นนำยิ้มปริในเรื่องยอดขายบิ๊กไบคืที่โตต่อเนื่องสวนกระแสทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ และมาดีมากขึ้นเมื่อการเมืองเรื่องสงบลง จนแม้แต่ค่ายอุปกรณ์ชั้นนำ  Alpine Star   ถูกค่าย Vespario   จับมาทำตลาด เป็นการยืนยันที่ดีว่ารถบิ๊กไบค์เติบโต นี่ยังไม่รวมรถมอเตอร์ไซค์ใหม่ๆหลายรุ่นที่เรียงคิวเข้าตลาด รวมถึงออกวางจำหน่ายเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าในปีที่ผ่าน

 

อันดับที่ 9  รถไฟฟ้ารออีกนิด แต่ได้ใช้แน่

มาขายไปแล้วอย่างเป็นทางการในราคาไม่เกิน 12  ล้าน สำหรับ   BMW i8  ใหม่  แต่   BMW I  ดูเหมือนต้องการที่จะให้บ้านเรามีความพร้อมต่อยนตรกรรมของพวกเขามากขึ้น โดยล่าสุด ร่วมมือกับ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการทำระบบชาร์จเร็วสำหรับ รถยนต์ไฟฟ้า เมื่อมีนักข่าวท่านหนึ่งถามว่า   BMW i3  จะขายหรือไม่ .. ตราพัดฟ้า ก็ตอบทันควันว่า อยากจะขาย แต่ต้องพร้อมเสียก่อน...นับเป็นเรื่องน่ายินดี

ในขณะที่การไฟฟ้านครหลวง  เองในช่วงต้นปี ก็เปิดสถานีชาร์จไฟฟ้าแบบเร็ว 10  จุด ทั่วกรุง ซึ่งทั้งหมดอยู่ในสำนักงานของการไฟฟ้านครหลวง โดยอยู่ในระหว่างการศึกษาวิจัย ส่วนค่ายพลังงานยักษ์ใหญ่ปตท. ก็แอบทำปั้ม  PTT EV  ไว้ที่คริสตัลพาร์ค เป็นการตอบโจทย์ว่าที่การขับเคลื่อนอนาคต

แม้เรื่องนี้จะมีแนวโน้มที่ดี แต่ สถาบันยานยนต์ซึ่งมีส่วนในการดำเนินกนารแผนแม่บททางด้านยานยนต์ในประเทศกลับมองว่า คนไทยยังไม่เหมาะกับ รถไฟฟ้า และชี้ว่ากว่าจะเหมาะ สยย.ให้เวลาเมืองไทย 10  ปี ในการพัฒนาระบบและโครงสร้างสำหรับรถไฟฟ้า

 

อันดับที่ 8  Honda  50   ปี 

อาจจะไม่อลังการมากมาย แต่ เป็นที่น่ายินดีที่แบรนด์ฮอนด้าก่อตั้งมาจนครบ   50  ปีในการดำเนินกิจการในประเทศไทย  โดยฮอนด้าเริ่มดำเนินธุรกิจในไทย ด้วยการก่อตั้ง บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ขึ้นเป็นแห่งแรก ในเดือนตุลาคม ปี 2507 เพื่อจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ และด้วยการต้อนรับอันอบอุ่นจากลูกค้าชาวไทย ฮอนด้าได้ขยายการดำเนินงานสู่ธุรกิจเครื่องยนต์อเนกประสงค์ และธุรกิจรถยนต์ ตามลำดับ ปัจจุบัน ฮอนด้าในประเทศไทย ได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าชาวไทยรวมทั้งสิ้นกว่า 29.3 ล้านหน่วย โดยแบ่งเป็น รถจักรยานยนต์ 22.5 ล้านคัน (นับตั้งแต่ พ.ศ. 2507) เครื่องยนต์เอนกประสงค์ 5.3 ล้านเครื่อง (นับตั้งแต่ พ.ศ. 2509) และรถยนต์ 1.5 ล้านคัน (นับตั้งแต่ พ.ศ. 2527)

 

อันดับที่ 7 ผู้ใช้ฟอร์ดเรียกร้องปัญหาระบบเกียร์ Dual Clutch

ท้ายปีมักจะมีดราม่าเกิดขึ้น และหลังจากปีที่แล้วที่ค่ายอเมริกันอีกรายโดนไป จนปีนี้ปรับกระบวนท่ายกใหญ่ในเรื่องการบริการหลังการขาย แต่ปีนี้เป็นทีของค่าย   Ford   ที่โดนผู้ใช้รถยนต์ ford Fiesta   เรียกร้องปัญหาการทำงานของชุดเกียร์   Dual Clutch  ซึ่งตอนนี้ปัญหานี้ยังไม่จบ และยังมีการเรียกร้องจากผู้บริโภคต่อเนื่อง มีการนัดรวมตัวกัน ซึ่งฟอร์ดออกแถลงการณ์สำคัญเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ส่วนจะจบที่ตรงไหน .. ต้องติดตามกันต่อไป

 

อันดับ 6 CP  ฮึดสู้ฟัดตลาดยานยนต์

เผยมาตั้งแต่เมื่อปีที่แล้วกับ แบรนด์รถยนต์น้องใหม่จากอังกฤษภายใต้ทุนจีน Morris Garage    ที่ออกมาเปิดตัวในนาม   MG   โดยปีที่ผ่านมาพวกเขา ส่งรถยนต์   MG 6   ออกมาปลุกปล้ำตลาด แต่ความซบเซาที่เกิดขึ้นในตลาด ประกอบการวางราคาของรถที่หลายคนดูว่า อุต๊ะ!! แพงไปนิด ทำให้มันไม่ได้ตอบโจทย์เท่าที่ควร แต่กระนั้นปีหน้าฟ้าใหม่  อาจจะเป็นปีที่ดีของ   MG   ที่จะเปิดตัวรถยนต์   MG 3  ใหม่

 

อันดับที่  5  มาสด้ามาแรง

ของดีก็บอกดี ..นั้นคือสิ่งที่มาสด้าได้มันที่แนะนำเทคโนโลยีใหม่   Mazda Sky Activ   ออกสู่ตลาดรถยนต์  แต่ทุกอย่างมาชัดขึ้นกระจ่างตาใครหลายคนในรถยนต์   Mazda   3 ใหม่ที่งดงามสวยบาดใจ แถมเครื่องยนต์  2.0  ลิตร ที่ประหยัดขึ้นขับดีขึ้น ราคาจับง่ายขึ้น ทำให้หลายคนสนอกสนใจ นำมาสุ่ความสนใจ จนเราเห็นรถยนต์ Mazda 3  ใหม่เกลื่อนเมือง และยังนำมาสู่ความสนใจของโครงการรถยนต์อีโค่คาร์เฟสสอง   Mazda 2  เครื่องดีเซล ที่ยังลูกผีลูกคนในเรื่องราคาจำหน่ายที่แท้จริง

 

อันดับที่ 4  คอมแพ็คอเนกประสงค์เขย่าตลาด

เรียกว่าเป็นรถยนต์กลุ่มใหม่ที่มาแรงมากในตลาด และปีที่ผ่านมาก็มีเพียงสองเจ้าที่แทะยอดในกลุ่มนี้เก็บเข้ากระเป๋าสบายแหกันไป หนึ่งในนั้นคือ   Nissan  ที่ส่ง   Nissan juke  ออกมา ส่วนอีกหนึ่งคือ  Ford   ที่ได้อานิสงค์   Ford Ecosport   ในการทำยอดขาย ในรถยนต์กลุมนี้ กระสนี้แรงขึ้น เมื่อมีข่างการเตรียมแนะนำรถยนต์อเนกประสงค์   Honda HR-V  ในไทย และเมื่อมันเปิดตัว ก็ถูกจับจองอย่างรวดเร็วด้วยจำนวน   7,000 คันแล้ว ตั้งแต่เปิดตัวเมื่อ ช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา ..อย่างงี้สิที่เรียกว่าแรงของจริง

 

อันดับที่ 3 ยอดขายรถยนต์หดตัว

เม้งทั่วตลาด ปรับเป้ากันแล้วกันอีกตั้งแต่เมื่อกลางปีที่ผ่านมา จนทุกคนคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศนั้นจะไม่มากมายอย่างที่คิด ส่วนหนึ่งก็มาจากเหตุบ้านการเมืองที่เรื้อรัง และ อารมณ์คนซื้อเพิ่งจะกลับมาดีในช่วงปลายปี ทำให้ยอดขายนั้นไม่มากมายอย่างที่คิด ซึ่งโตโยต้าเคยคาดการณ์เมื่อกลางปีว่า  ปีนี้ประเทศไทย น่าจะมียอดขายเพียง   920,000 คันเท่านั้น ในขณะที่ปีหน้า ทางมาสด้าคาดการณ์ไว้คร่าวๆ ว่าจะมียอดขายเพียง   900,000 คัน จากผลของกฎหมาย ควบคุมหนี้ครัวเรือน

 

อันดับที่ 2เปิดสนามแข่งระดับโลก  Chang International Circuit  ที่บุรีรัมย์

เป็นสนามแข่งที่สร้างเร็วที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง และเป็นสนามที่ได้มาตรฐานระดับโลกที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียน มันคือ สนาม ช้างอินเตอร์ เนชั่นแนลเซอร์กิต หรือ ที่เราเคยติดปากว่า สนามบุรีรัมย์ อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต ซึ่งมีความสำคัญมากต่อวงการยานยนต์ไทย ไม่ใช่เพียงแต่ ในแง่ของการแข่งรถเท่านั้น แต่มันทำให้ไทยมีโอกาสเข้าถึงสิ่งใหม่ๆ เช่นโอกาสในระดับโลก ทางด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ ในการเป็นสนามทดสอบ ซึ่งวันนี้ไม่ต้องไปไหนไกล คุณก็สามารถขับบนสนามระดับโลก ได้ที่บุรีรัมย์

 

อันดับที่ 1 โครงการอีโค่คาร์เฟส 2

 

โผล่มาอย่างรวดเร็วสำหรับ โครงการอีโค่คาร์เฟส  2 ในไทย ที่ดักหน้าเพื่อนบ้าน รวมถึงทำให้หลายคนประหลาดใจอย่างยิ่งในการเดินโครงการนี้ ที่มีกระบวนการรวดเร็ว ส่วนหนึ่งมาจากการที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนมาอยู่ใต้สำนักนายกรัฐมนตรี

และมีค่ายรถยนต์ต่างๆให้ความสนใจมากมายในการยืนคำขอในการลงทุนกว่า 10  ราย   และในจำนวนนี้มี 9  รายที่ได้รับการอนุมัติ   ได้แก่  Mazda , Ford , Chevrolet, Nissan , Mitsubishi  และนั่นคือเท่าที่เรารู้ว่าพวกเขาผ่านการอนุมัติ

โดยโครงการอีโค่คาร์เฟส 2  นี้ มีความเข้มข้นมากขึ้นเริ่มจากการปรับสมรรถนะให้มีความประหยัดมากขึ้น จาก 20  ก.ม./ลิตร   เป็น   23.2 ก.ม./ลิตร รวมถึงปรับความลงตัวในกลุ่มเครื่องยนต์ดีเซล ให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นจาก  1.4  ลิตร เป็น 1.5  ลิตร  รวมถึงการปล่อยไอเสียยังต้องผ่านมาตรฐานยูโร 5 หรือปล่อยไอเสียน้อยกว่า  100 กรัม/กิโลเมตร และยังมีการปรับกฎการลงทุนต่างๆ อีกมากมาย

 

ในรอบปีที่ผ่านมามีอะไรหลายอย่างในวงการยานยนต์ บางอย่างมากจากภาคการตลาด บ้าง ภาคการลงทุน รวมถึงภาคการบริการ แต่ไม่ว่าอย่างไรเราคงไม่สามารปฏิเสธได้ว่า รถยนต์เป็นสิ่งสำคัญในชีวิตที่เราใกล้ชิดไปแล้ว และต้องจับตามองตลอดเวลา 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com

5 เรื่องน่าสนใจ