Mitsubishi FTO อดีตสปอร์ตเล็กค่ายตราเพชร
- โดย : Autodeft
- 23 ก.พ. 58 00:00
- 21,712 อ่าน
พาย้อนตำนานของอดีตสปอร์ตคาร์ที่หลายคนลืมไปแล้วกระมังว่ามันยังมีอยู่บนโลกใบนี้กับ Mitsubishi FTO รุ่นเล็กขาแรงของยอดสปอร์ตจาก Mitsubishi
เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn, Nattyod Chubanjong)
เธอๆ นั่นรถอะไร ....เราเห้นภาพรถยนต์สปอร์ตรุ่นเล็กคันหนึ่งที่จอดอยู่ที่ศูนยการค้าเมก้าบางนา ในวันว่างหลังเดินเรื่อยเปื่อยใน ห้างเฟอร์นิเจอร์จากสวีดิชชื่อดัง ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าที่อยู่ตรงหน้าเป็นรถที่ครั้งหนึ่งเคยเรียกเสียงเกรียวกราวจากสาวกขาซิ่งในช่วงยุค 90 เลยก็ว่าได้
หลายคนที่เป็นสาวกค่ายรถยนต์ Mitsubishi ตัวจริง คงจะรู้จักเจ้า Mitsubishi Evolution เป็นอย่างแน่แท้ แต่ในขณะที่อีโวกลายเป็นรถที่ขึ้นแท่นในระดับตำนาน ทว่ารถสปอร์ต Mitsubishi รุ่นอื่นทั้ง Mitsubishi FTO , Mitsubishi Ecipse ไปจนถึง Mitsubishi 3000 GTO กลับถูกลืมเลือนหายไปอย่างน่าเสียดาย
ความหล่อข้ามกาลเวลา Mitsubishi FTO
ตัวตนของ Mitsubishi FTO ที่จริงมันเป็นการมาจุติใหม่อีกครั้งของแนวคิดความสปอร์ที่แตกต่างจากอดีต แน่อนเราคงจะได้ยินชื่อย่อเกี่ยวกับเรื่องความแรงหรือความสปอร์ตมามากมายไม่ว่า จะ RS,RR,GT แต่ FTO นั้น เป็นการบัญญัติที่แตกต่าง มันมาจากคำว่า "Fresh Touring Origination" หรือ Fresco Turismo Omologato ซึ่งเป็นภาษาอิตาเลี่ยน และหากแปลเป็นไทย มันพอจะกล่าวสั้นได้ว่า มันคือการเดินทางที่สดใหม่
แนวคิดของ FTO ที่จริงแล้วก็มาจากการสร้างรถสปอร์ตในกลุ่ม GT หรือ Gran Turismo ซึ่งเน้นในการขับขี่เดินทางไกล ด้วยความเร็วสูงแต่ยังได้การขับขี่ที่นุ่มนวล และแน่นอนว่าอย่างมีสไตล์
ต้นตอของการกำเนิด Mitsubishi FTO นั้นที่จริงมันมาจากรถยนต์ Mitsubishi Galant FTO ในปี 1971 ซึ่งทาง Mitsubishi ต้องการหารถที่ที่มาแทนรถ Mitsubishi Colt 1110 F ที่เคยเปิดตัวในปี 1968 ซึ่งเป็นรถที่มีสไตล์ท้ายลาดแต่ไม่สามารถเปิดท้ายได้
แม้ว่ามันอาจจะดูไม่เป็นที่สำคัญ แต่ในภายหลัง Mitsubishi เปิดตัวเวอร์ชั่นสมรรถนะเป็นครั้งแรกโดยใช้ชื่อว่า Mitsubishi Colt 1100 Fs ซึ่งถ้าเทียบกับเวอร์ชั่นธรรมดาแล้ว มันก็ไม่ต่างจากอะไรจากหมาป่าในคราบลูกแกะ มันเร็วกว่ามาก และที่สำคัญนี่คือรถที่สร้างตำนานให้ Mitsubishi ชนะการแข่งขันสุดโหดในรายการ Sountherrn Cross Rally
Mitsubishi Colt 1100FS - Wikipedia
ตำนานที่สร้างชื่อ ไม่น่าแปลกใจที่ท้ายสุด Mitsubishi จะไม่ยอมให้มันตายจากไปง่ายๆ อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่าในช่วง 1971 เป็นการเริ่มต้นของรถ Mitsubishi Galant และในรหัว่างที่มันสร้างชื่อทางฝุ่น ก่อส่งไม้ต่อให้ Mitsubishi Lancer ต้นตระกูล Mitsubishi Evolution ตำนานแรงที่เรารู้จักกันดี
ค่ายตราเพชร ก็ต้องการสร้างรถยนต์ที่ต่อยอดในตำนานให้ปฐมบท พวกเขาแนะนำ Mitsubishi Galant เข้ามาตอบการขับขี่ที่แตกต่าง ในขณะที่กลุ่มงานในสายแข่งขันเริ่มหันไปใช้แพลทฟอร์มของ Lancer การปล้ำผีลุกปลุกผีนั่งใน Mitsubishi Galant FTO ก็เพื่อสร้างความแตกต่างในรถสปอร์ตที่ไม่เหมือนใคร มันทั้งให้ความมั่นใจในการขับขี่ ดูมีสไตล์ และท้ายสุดแล้วยังเร้าใจได้พอตัว
การสร้างสรรค์เกิดขึ้นบนตัวถังที่จับ Mitsubishi Galant ตัวแรกมาพัฒนาต่อยอดความสปอร์ต ตัวรถออกมาในสไตล์รถยนต์ท้ายลาดแบบคูเป้ ลงตัวตามยุคสมัยด้วยการเป็นรถยนต์ที่มาพร้อมเครื่องยนต์วางหน้าและขับเคลื่อนล้อหลัง ในขณะที่มันฟังดูแล้วอาจจะไม่แตกต่างมากมายนัก
แต่ในยุคนั้นมันเป็นรถยนต์ที่มาพร้อมการสร้างปัจเจกในความสปอร์ตที่คนทั่วไปก็สามารถจับจองได้ แถมขุมพลัง 4G41 รหัส Neptune ที่เปิดตัวออกมาพร้อมรถด้วยต้นกำลังขนาด 1,378 ซีซี มีดีพอที่จะให้เจ้าของเร่งแรงเร้าใจสูงสุดที่ 86 แรงม้า ให้แรงบิด 115 นิวตันเมตร
Mitsubishi Galant FTO
มันคล่องแคล่วลงตัวที่สุดด้วยความยาว 3,765 มม. ด้วยการถูกบีบให้มีตัวถังสั้นลงเพื่อความคล่องตัวในการขับขี่มากยิ่งขึ้น มันมาพร้อมความกว้าง 1,580 มม. แต่ภายหลังในรุ่น GSR-s ก็มีการปรับระยะระหว่างล้อมากขึ้นเพื่อเสริมภาพลักษณ์ให้ความดุดัน จนตัวรถขยายกว้างถึง 1,655 มม. ส่วนความสูงของรถไม่เปลี่ยนแปลงที่ 1,300 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,300 มม.
ในปี 1973 Mitsubishi จัดการปรับเจ้า FTO ให้ลงตัวขึ้นพวกเขาแนะนำเครื่องยนต์ขนาด 1,600 ซีซี มาประจำการ ต้นกำลังใหม่นี้ถูกกังขาเล็กน้อยเมื่อมันมีรหัสถอยหลังเป็น 4G32 แต่กระนั้นเรี่ยวแรงในการขับขี่พุ่งทะยานก็มากขึ้นเป็น ให้กำลัง 100 แรงม้า และให้แรงบิด 137 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที และภายหลังมีการปรับเพิ่มแรงม้าเป็น 108 แรงม้า เพื่อให้รถมีความสามารถในการขับขี่มากขึ้น
แม้ว่าในยุคนัน้หลายคนจะชื่นชอบเจ้า Mitsubishi Galant FTO มาก แต่ในท้ายที่สุด ชื่อ FTO ก็ไม่ได้ถูกต่อยอด ทว่ากลับถูกแทนที่ด้วย Mitsubishi Lancer Celeste หรือบางแห่งในบนโลกใบนี้อย่างประเทศ New Zealand อาจจะเรียกมันว่า Mitsubishi Celeste บ้างอาจจะถูกตีตราขายในนามค่าย Dodge แต่ในอเมริกามันขายในนามค่าย Plymouth และเปลี่ยนชื่อเป็น Plymouth Arrow
แต่ท้ายที่สุดสาวก Mitsubishi หลายคนยอมรับว่ามันไม่ใช่ตัวตนแบบเดียวที่เคยนำเสนอใน Mitsubishi Galant FTO แบบที่เคยนำเสอน แม้ว่าลักษระรถจะมีความคล้ายกันอยู่บ้าง ..
อะไรคือตัวตน ภายใต้สามอักษรว่า FTO จิตวิญญาณที่แตกต่าง มันไม่ใช่รถยนต์ที่แค่หล่อเหลา แต่ยังต้องขับสนุก ซึ่ง Mitsubishi เคยเปิดเผยในระหว่างที่พวกเขาวางจำหน่าย FTO ว่า ความหมายที่แท้จริงของ FTO คือรถยนต์ในสไตล์ดังเดิมที่ดูสดใส อยู่ตลอดเวลาและมันยังความรู้สึกสนุกสนานเหมือนการเล่นสนุกของเด็กๆ นั่นแหละคือสิ่งที่เป็น FTO เป็นอย่างแท้จริง
ถึงเรื่องนี้จะฟังดูดราม่า อารมณ์คล้ายค่ายรถยนต์รายนี้หนึ่งจากญี่ปุ่นที่พูดออกมาในทำนองเดียวกันว่าเราใส่ความเป็นสปอร์ตลงไปในรถยนต์ที่เราผลิต แต่ในความเหมือนที่แตกต่างนั้นเกิดขึ้นในแบรนด์รถยนต์ Mitsubishi ทันที ที่พวกเขาแนะนำ Mitsubishi FTO Coupe Concept ออกมาในปี 1994
และค่ายรถยนต์ทรีไดมอนด์มองว่าต้องการที่จะจำหน่ายเพียงในประเทศญี่ปุนเท่านั้น แต่จนแล้วจนรอดด้วยความสวยงามของการออกแบบตัวรถที่เป็นรถสไตล์คูเป้สองประตู ให้เส้นสายที่มาพร้อมความดุดัน มันมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์แบบ 4 สูบแถวเรียง และเครื่องยนต์ V6 เจ้า Mitsubishi FTO ถูกขนานนามในยามที่มันวางขายว่า เป็นน้องชายโดยตรงของ Mitsubishi 3000 GTO แน่นอนว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับ ตระกูล Mitsubishi Evolution เลยแม้แต่ปลายเล็บ
ความลงตัวทั้งการออกแบบและสมรรถนะ ทำให้ในท้ายที่สุด Mitsubishi FTO ก็ถูกผู้นำเข้าในหลายประเทศ เอาเข้ามาจำหน่าย รวมถึงในประเทศไทยเราเอง ส่วนหนึ่งมาจากภาพยนต์เรื่อง Thunder Bolt นำแสดงโดย เฉินหลง พระเอกหนังบู้ที่เรารู้จักกันดี
ซึ่งในฉากเด่นของภาพยนต์ Thunder Bolt เฉินหลงได้อวดศักยภาพของ Mitsubishi FTO จนหลายคนกล้าพูดถึงว่ามันแรงเร้าใจไม่ต่างจากรุ่นพี่ ยิ่งช่วงตัวที่เล็กว่า ยาวเพียง 4,365 มม. กว้าง 1,735 มม. และสูงเพียง 1,300มม. ดูน่าหลงใหลเมื่ออยู่ในร่างของรถยนต์แบบสปอร์ตคูเป้ที่ให้เส้นสายการออกแบบที่ดูมีความดุดัน ตั้งแต่ด้านหน้าจรดบั้นท้าย มีความลงตัวในความงาม และการขับขี่ยังมั่นใจด้วยช่วงฐานล้อยาวถึง 2,500 มม. ทำให้ได้การขับขี่ที่คล่องตัวไม่ต่างอะไรจากรถยนต์นั่งขนาดเล็กในตลาด
แถมใต้ฝากระโปรง Mitsubishi FTO ในรุ่นท๊อปยังสร้างความก้าวด้วยการแนะนำเครื่องยนต์ V6 ขนาด 2.0 ลิตร รหัส 6A12 ให้กำลังสูงสุดมากถึง 200 PS หรือ 197 แรงม้า สูงสุดที่ 7,500 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบต่อนาที ยังมาพร้อมระบบวาล์วแปรผัน Mivec II ประจำการอยู่ในรุ่นท๊อป Mitsubishi FTO GPX โดยมีประจำการทั้งในรุ่นเกียร์ธรรมดา 5 สปีด รวมถึงในตัวเกียร์อัตโนมัติ พร้อมความอัจฉริยะระบบ Invect II แบบ 4 สปีด ซึ่งภายหลังที่มีการปรับหน้าแปลงโฉม ในปี 1997 มีการปรับเป็น 5 สปีด
เครื่องยนต์ V6 ใน Mitsubishi FTO
ในรุ่นรอง Mitsubishi FTO GR ใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกัน แต่มีการปรับกำลังลงไปเหลือเพียง 180 แรงม้า และทอนแรงบิดลดลงไปเล็กน้อยจากเวอร์ชั่นท๊อปสุดเหลือเพียง 191 นิวตันเมตร แต่แม้จะต่างกันไม่มากทว่าการจำกัดรอบเร่งของเครื่องยนต์เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดความแตกต่าง รวมถึงมันยังไม่มีระบบวาล์วแปรผันเข้ามาประจำกัน ทำให้ความสนุกสนานในการขับขี่ถอยลดลงไป
และท้ายสุดในเวอร์ชั่นรุ่นเริ่มต้นของ Mitsubishi FTO มันมาพร้อมเครื่องยนต์แบบ 4 สูบแถวเรียงขนาด 1.8 ลิตร รหัส 4G93 จะว่าไป เวอร์ชั่นนี้น่าจะเป็นเวอร์ชั่นขับหล่อมากกว่า มันมีกำลังสูงสุดพียง 123 แรงม้า และเป็นรุ่นที่สาวกมักจะมองข้ามเมื่อมองว่าเครื่องยนต์ V6 ที่อยู่ในรุ่นใหญ่เร้าใจกว่า และภายหลังจากที่มีการปรับรุ่นปรับโฮมในปี 1997
รุ่นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรก็ยังเป็นเครื่องยนต์รุ่นต่ำสุด แต่การเสียบรุ่น GX เข้ามาแทนที่รุ่น GR ทำให้ Mitsubishi FTO รุ่น GR เดิมที่ทำตลาดอยู่ต้องมีการปรับกำลังลดลง เหลือเพียง 168 แรงม้า แต่ยังคงมาพร้อมความเร้าใจในการขับขี่เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง สิ่งเดียวที่แตกต่างระหว่างรุ่น GX และ GR นั้น
Mitsubishi เปิดเผยภายหลังจากที่รถรุ่นนี้หมดวาระไปว่ามันอยู่ที่ตัวลิ้นปีผีเสื้อในรุ่น GX ที่กว้างกว่าเพียง 3 มม. แต่มันก็ดีพอที่จะขับเครื่องยนต์ให้มีกำลังมากกว่า 10 แรงม้า
ในขณะที่ระบบกันสะเทือนด้วยความเป็นรถสปอร์ตมันก็ได้รับความใส่ใจมากกว่ารถในกลุ่มเดียวกัน ด้วยระบบช่วงล่างแบบแม็คเฟอร์สันสตรัททางด้านหน้า และด้านหลังใช้ระบบมัลติงลิงค์ ตัวรถใช้ระบบดิสก์เบรกสี่ล้อ ด้านหน้าแบบจานระบายความร้อน
และยิ่งกว่านั้นถ้าคุณมีบุญพอและโชคดี จะเจอ Mitsubishi FTO Nakaya Edition ออดมาในปี 1998-199 ก่อนสั่งลาด้วยการอัพเกรดผ้าเบรกของรถใหม่ รวมถึง พร้อมด้วยชุดโช๊คทั้งหมดสั่งมาจากค่าย Ohlin แต่นั่นหมายถึงต้องมือถึงและเงินถึงจริงๆ เพรามันมีผลิตเพียง 300 คันเท่านั้น
ถึงจะเกิดมาเป็นรถสปอร์ แค่ภายในบริษัท Misubishi มีการสร้างรถยนต์ Mitsubishi FTO EV ในรูปแบบรถสปอร์ตพลังไฟฟ้า เป็นเวอร์ชั่นทดลอง และแม้จะผ่านมานานกว่า 20 ปี แต่ตอนนั้น Mitsubishi FTO EV ก็ใช้แบตเตอร์รี่ลิเธี่ยมไอออน ขนาด 27 กิโลวัตต์ ใช้เวลาชาร์จไฟเพียง 20 นาที
และในเดือนธันวาคมปี 1999 พวกเขาลองเอามันมาวิ่งในสนามทดสอบของ Mitsubishi Motors' Car Research & Development Center เป็นเวลา 24 ชั่วโมงตั้งแต่ 8 โมงเช้าตามเวลาท้องถิ่น ในวันที่ 19 ธันวาคม และสิ้นสุดในเวลาเดียวกันของวันทื่ 20 ธันวาคม พวกเขาสามารถวิ่งไปไกลกว่า2,142.3 ก.ม. ด้วยจำนวน 899 รอบสนามทดสอบ ทำให้พวกเขาถูกบันทึกไว้ใน Guiness Book Worl Record ในตอนนั้น ถึงจะมองว่ารถยนต์ไฟฟ้าดูห่างไกล แต่ในตอนนั้น Mitsubishi FTO EV ถ้าทำขายจริงนั้น มันจะมีระยะทางต่อการชาร์จถึง 150 ก.ม. เทียบกับรถไฟฟ้าที่เรารู้จักในวันนี้ในมีระยะทางเฉลี่ยราวๆ 180-200 ก.ม.
แม้ว่าจะเก่าและหายากพอสมควร แต่ใครจะคาดว่ามันเป็นรถสปอร์ตที่ก้าวขึ้นแท่นรับรางวัล Japan Car of the year มาแล้วตั้งแต่ที่มันเปิดตัวในปี 1994 และในปี 2007 British Auto Trader ให้รางวัลในฐานะรถสปอร์ตใช้แล้วที่คุ้มค่าที่สุดในตลาดมือสองบนเกาะอังกฤษ
และด้วยความเป็นน้องน้อยทำให้มันอาจจะไม่ได้มีชื่อเสียงบนสนามแข่งเหมือนรุ่นพี่ FTO แต่สองนักแข่งชาวญี่ปุ่น ทากาอิโกะ ฮาร่า และ อากิฮิโก ยากามา ได้เคยเอา Mitsubishi FTO เข้าท้าทายการแข่งขันในรายการ Japanese Gran Touring Car Championship หรือรายการ Super GT ในปัจจุบันและในปีแรกที่พวกเขาเข้าแข่งขันในรุ่น GT 300 ก็ติด 1 ใน 5 เมื่อฤดูกาลปี 1998
วันเวลาอาจจะผ่านไป วันนี้ Mitsubishi FTO ถูกลืมไปแล้วจากวงการรถสปอร์ต ด้วยชื่อเสียงที่ไม่ได้มากมายของมัน แต่ถ้าคุณชอบรถรุ่นใหญ่ GTO และไม่อยากขับ Evolution ใครจะรู้บางที Mitsubishi FTO อาจจะเป็นคำตอบที่ค้นหา แถมราคามือสองตอนนี้ในบ้านเราก็ไม่ได้แพงมากมายอะไร ในงบประมาณ 5 แสนบาทก็สามารถหาคบได้แล้ว
เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn, Nattyod Chubanjong)
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com
ที่มาข้อมูล Mitsubishi Motor cooperation Japan และ Wikipedia ตลอดจนข้อมูลแต่บะเศษเสี้ยวบางส่วนจากคาร์คลับในต่างประเทศ
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต ไม่ทราบที่มา ใช้สิทธิอ้างอิงหลัก Creative Common 3.0 ในการขอใช้สิทธิเพื่อประกอบความรู้และการศึกษาภายในบทความ
Data reference from Mitsubishi motor Japan ,also Wikipedia source
All photo in this content is from internet , using as for education purpose in the Article By creative Common 3.0
Writing Content is copyright , please ask the owner for permission to use it elsewhere. Thank you !!
First Publish in Autodeft.com By Nattayod Chubanjong
[GALLERY1136]