เมื่อ เกียร์ Dual Clutch แบบแห้งอาจต้องไป แต่ไม่สิ้นยุคระบบส่งกำลังทรงสมรรถนะ
- โดย : Autodeft
- 22 ธ.ค. 57 00:00
- 13,706 อ่าน
รายงานพิเศษเรื่องชุดเกียร์ Dual Clutch เมื่อมันกำลังตกเป็นจำเลยสังคมในเรื่องประสิทธิภาพในการขับขี่และอาจจะมาสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญทางวงการวิศวกรรม
เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง
เป็นที่กล่าวถึงกันในประเทศไทยในช่วงสัปดาห์ทีผ่านมา เมื่อผู้ใช้ค่ายรถยนต์ Ford ตัดสินใจนักรวมตัวกัน เพื่อนำเสนอข้อเรียกร้องต่อปัญหาการใช้งานชุดเกียร์ที่พบในระหว่างใช้งาน จนต่อข้อคำถามมาถึงการที่ผู้ใช้อาจจะตกเป็นเหยื่อของความผิดพลาดทางวิศวกรรม ที่อาจจะนำไปสู่อันตรายในการขับขี่ ซึ่งหลายคนที่ทั้งรู้จริง และบ้างเหมาะเอาตามกูรูว่า มันต้องเป็นเกียร์คลัทช์คู่แบบคลัทช์เปียก...จึงจะสามารถจบปัญหานี้ได้อย่างถาวร
การออกมาเคลมตั้งแต่เริ่มเปิดระบบเกียร์ชุดนี้ในรถยนต์ ford Fiesta และ Ford Focus ตั้งแต่แรกเริ่มที่มีการแนะนำระบบเกียร์ Dual Clutch ว่าระบบคลัทช์แห้งทรงประสิทธิภาพที่จริง ตามข้อมูลที่เปิดออกมาในช่วงแรก ระบบคลัทช์คู่แบบแห้งสามารถรองรับแรงบิดสูงสุดกว่า 250 นิวตันเมตร และยังมีการประกาศอีกว่ามันมีประสิทธิภาพดีกว่า 10 % เมื่อเทียบกับข้อมูลของเกียร์ออโต้ทั่วไป
[IMAGE1]
แม้ว่าจะฟังดูดีแต่ท้ายสุดการพบปัญหาของผู้ใช้ ทั้งในต่างประเทศที่เรื้อรังมายาวนาน มาจนถึงชาวไทย และยังมาสู่คำถามที่อาจจะต้องตอบโจทย์ในการพัฒนาประสิทธิภาพระบบส่งกำลัง โดยเฉพาะเรื่องปัญหาความร้อนของชุดเกียร์ที่ส่งผลต่อการทำงาน จนอาจจะเกิดข้อผิดพลาดในการใช้งานจริง
ที่ในทางวิศวกรรมระบบเกียร์แบบคลัทช์แห้งดูจะไร้ปัญหาในการทำงานมากกว่า ในขณะที่ระบบเกียร์แบบคัลทช์เปียกมีความซับซ้อนมากกว่าในการทำงานมันมาพร้อมน้ำมันที่หล่อเลี้ยงชุดคลัทช์ในการลดความร้อนที่เกิดจากการทำงาน ด้วยการต้องหมุนวนระบบน้ำมันเกียร์ตลอดเวลา ทำให้ในหลายปีที่ผ่านมามันถูกใช้ในรถยนต์ที่มีการทำแรงบิดสูงๆเท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่นในรถยนต์สมรรถนะสูง Porsche ซึ่งมันมาพร้อมระบบเกียร์คลัทช์แบบคลัทช์เปียก รวมถึง Nissan GT-R ไปจนถึงรถยนต์จากค่ายเยอรมันชั้นนำลายรายที่มีสมรรถนะสูง ซึ่งส่วนใหญ่มากับเกียร์ คลัทช์คู่แบบเปียกทั้งนั้น
[IMAGE2]
แม้ว่าดูแล้วคลัทข์แบบเปียกน่าจะตอบโจทย์มากกว่าในการใช้งาน แต่ด้วยแนวทางการวิศวกรรมมองว่ารถยนต์ที่แรงบิดน้อยย่อมมีความร้อนสะสมน้อยกว่า รวมถึงการลดปริมาตรน้ำมันที่นำมาใช้ในชุดเกียร์ให้ลดภาระความซับซ้อน รวมถึงน้ำหนักในตัวชุดเกียร์ได้ดีกว่า แต่ยังได้ประสิทธิภาพการทำงานตามที่ควรจะเป็น ตามต้องการของทีมวิศวกร
แง่หนึ่งที่ต้องพูดอย่างชัดเจนไปเลย คือไม่มีค่ายรถยนต์รายใดบนโลกนี้ที่จะอยากเสี่ยงกับการเสียชื่อเสียง การวิจัยและพัฒนาสินค้าต่างๆมีการใช้เวลามายาวนาน และก่อนจะวางจำหน่ายค่ายรถยนต์ต้องมันใจว่าสินค้าของพวกเขาต้องทนตลอดอายุการใช้งานของผู้บริโภค แต่ที่เรามักลืมไปคงไม่พ้น อายุการใช้งานรถยนต์แต่ละคันสักเท่าไรกัน โดยมากแล้วมันจะอยู่เฉลี่ยที่ 10 ปี หรือมันอาจจะสั้นกว่านั้นตามกำหนดของค่ายรถยนต์
การทดสอบที่ทำมาอย่างดีบางครั้งเมื่อเจอสภาพการใช้งานจริง หลายอย่างก็อาจไม่ถูกต้อง เมื่อปีกลายค่ายรถยนต์รายใหญ่ Volkswagen ประกาศเรียกตรวจสอบเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ใหม่ในรถยนต์ของพวกเขา ให้ตรงกับสภาวะอากาศและสภาพการจราจรที่เกิดขึ้นบนถนน ด้วยการเรียกรถยนต์ที่ใช้ชุดเกียร์แบบ DSG 7 สปีด ซึ่งเป้นระบบคลัทช์คู่ เข้ามาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ใหม่จากสูตรสังเคราะห์ มาเป็นน้ำมันเครื่องแบบ Mineral แทน โดยเฉพาะรถยนต์ที่ถูกนำไปในประเทศที่มีอากาศร้อนชื้น รวมถึงสภาพการจราจรแบบวิ่งติดสลับหยุดนิ่ง ซึ่งฟังก็น่าจะคล้ายกับในประเทศไทย เช่นกัน
[IMAGE3]
ในขณะที่เรื่องเกียร์แบบคลัทช์แห้งก็สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับทีมวิศวกรมากมายเช่นกัน อย่าง Honda มีการเรียกตรวจสอบรถยนต์ Honda Vezel Hybrid รวมถึงรถยนต์ Honda Fit Hybrid ใหม่กว่า 80,000 คันในต่างประเทศ หลังรถทั้งสองใช้ระบบเกียร์คลัทช์คู่ในการทำงาน โดยการเรียกตรวจสอบดังกล่าวมีการอัพเดทซอฟท์แวร์เกียร์ใหม่และในบางคันอาจจะมีการเปลี่ยนชุดเกียร์ให้ลูกค้าใหม่ทั้งลูกในบางกรณี
ด้วยปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมา ทำให้ในยุคต่อไป เราอาจจะมีข่าวดีที่ระบบเกียร์คลัทช์คู่แบบแห้งจะกล่าวอำลาวงการยานยนต์ไปตลอดกาล โดยเฉพาะเมื่อมีการประกาศชุดเกียร์คลัทช์คู่ใหม่จากผู้ผลิตชั้นนำ Getrag ที่ออกมาเปิดเผยระบบเกียร์ 6DCT150 ที่ใช้ชุดเกียร์แบบคลัทช์เปียกแทนคลัทช์แห้งในชดเกียร์ปัจจุบันรุ่น 6DCT250 แต่เช่นกันมันยังรับแรงบิดได้น้อยกว่าเพียง 170 นิวตันเมตร เมื่อเทียบกับเกียร์ชุดปัจจุบันที่รับได้สูงสุดถึง 280 นิวตันเมตร แต่เป็นข่าวดีที่ปัญหาดังกล่าวจะหมดไปในท้ายที่สุดในอนาคต
เมื่อไม่นานมานี้ CTO ของ Getrag นาย ดิไดเออร์ เล็กซ่า ได้กล่าวให้สัมภาษณ์ต่อเว็บ DrivelineNews.com ว่า ในยุคต่อไปชุดเกียร์แบบคลัทช์คู่จาก Getrag นั้น จะเป็นเกียร์แบบคลัทช์เปียกทั้งหมด
ส่วนปัญหาในการใช้งานที่พบของผู้ใช้หลายรายทั่วโลกนั้น นาย ดิไดเออร์กล่าวว่า เครื่องยนต์ขนาดเล็กอาจจะมีแรงบิดต่ำกว่ามีแรงเสียดทานน้อยกว่า แต่เมื่อเครื่องยนต์จำเป็นต้องถูกเร่งรอบอย่างต่อเนื่องเพื่อพาตัวถังรถที่มีมวลหนักกว่า ไปยังความเร็วที่ต้องการ นั้นทำให้มันมีความร้อนสะสมมากกว่า และในรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ขนาดเล็กกว่าในรถยนต์ที่ขนาดตัวถังใหญ่กว่า คุณต้องการระบบคลัทช์แบบเปียก
[IMAGE4]
ในขณะที่ Honda เองที่มีปัญหาระบบเกียร์ DCT ของพวกเขาก็มีความพยายามแก้ปัญหา โดยล่าสุดได้ออกน้ำมันเกียร์พิเศษเฉพาะเกียร์คลัทช์คู่โดยเฉพาะ รวมถึงเพิ่มสารเคลือบลดแรงเสียดทานในชุดเกียร์เป็นพิเศษเฉพาะรุ่น ในขณะที่ในรถยะ ยาวมีข้อมูลเปิดเผยว่า Honda สำเร็จในการพัฒนาระบบเกียร์คลัทช์คู่รุ่นใหม่แบบ 8 สปีดที่มีการทำงานของชุดTorque Converter โดยจากข้อมูลของ DrivelineNews.com ที่มีเปิดเผยเฉพาะที่เว็บไซต์ อ้างอิงว่า ชุดเกียร์ใหม่ของ Honda จะมีประสิทธิภาพในการลดแรงเสียดทานในทำงานดีกว่า 28 % และมีอัตราประหยัดดีขึ้น 8 % เมื่อเทียบกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีดที่เตรียมปลดระวางในเร็วๆนี้ และท้ายสุดสำหรับสมรรถนะในการขับขี่มันยังสามารถเร่ง 0-100ก.ม./ช.ม.ได้เร็วกว่า 1.3 วินาทีอีกด้วย
ท้ายที่สุดแล้วระบบเกียร์คลัทช์คู่แบบคลัทช์แห้งอาจจะไม่ใช่คำตอบของการขับขี่ และเมื่อมองแผนการต่อไปของ Getrag ก็ไม่พบว่า ค่ายผู้ลิตเกียร์ชั้นนำจะมีแนวทางการพัฒนาเกียร์ในระบบคลัทช์แห้งอีก แต่ก็ไม่ใช่ว่าชุดเกียร์เจ้าปัญหาปัจจุบันจะมีการปลดระวางไปในทันที แต่มันจะยังอยู่ในตลาดไปอีกหลายปีอย่างน้อยที่สุดก็ 6 ปี ก่อนที่จะแนะนำเกียร์ใหม่แบบคลัทช์เปียกเข้าสู่ตลาด
สำหรับค่ายรถยนต์มันอาจจะไม่ใช่ความผิดพลาดทางวิศวกรรมเหมือนที่หลายคนเข้าใจวิพากษ์ไปต่างๆนานา แต่บทเรียนเหล่านี้ถูกปรับเพื่อสร้างความเหมาะสมการทำงาน ตามแนวทางการพัฒนารถยนต์ในยุคใหม่ อย่างเช่น Ford มีการปรับเครื่องยนต์ Ecoboost 1.0 ลิตร ใหม่ มีเพียงใน fiesta เท่านั้น ที่ยังใช้ระบบเกียร์คลัทช์คู่ของ Getrag ในการขับขี่ ส่วนที่ติดตั้งใน Ford Focus 2015 ถูกเปลี่ยนไปใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด รหัส 6F จาก GM ในขณะอีกค่าย Volvo ที่มีการใช้เกียร์ Powershift มาก่อนหน้านี้เช่นกัน ปัจจุบันพวกเขาติดตั้งชุดเกียร์ 8 สปีดจาก Aisin เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า และขจัดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น
ถึงแม้นาทีนี้เราหลายคนจะมองโจทย์ว่าเกียร์คลัทช์คู่เป็นจำเลย แต่เราก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า เกียร์แบบคลัทช์คู่นี่แหละยังเป็นหนทางอนาคต เคสดังกล่าวนี้แบบเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในยุคแรกๆของเกียร์ CVT และด้วยความท้าทายของสองค่ายชั้นนำทั้ง Honda และ General motor ในการพยายามผ่าทางตันเกียร์คลัทช์คู่ด้วยการติดตั้งระบบ Torque Converter เข้ามาในยุคหน้า เราอาจจะยังมีโอกาสพบมันอีกครั้งในฐานชุดเกียร์ที่ทรงประสิทธิภาพและยังให้ความสนุกในการขับขี่
เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง
อ้างอิงข้อมูล จาก Drivelinenews.com
Dry Clutch DCTs Are on Their Way Out, says Getrag CTO
New DCTs Aim to Restore Appeal
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com