ตามติดกระแส Brexit อังกฤษออกจากสหภาพยุโรป... หลากผลกระทบจากค่ายรถที รอวันฝุ่นจาง
- โดย : Autodeft
- 30 มิ.ย. 59 00:00
- 7,491 อ่าน
เรียกว่าเป็นมติระดับโลกที่ทำหลายธุรกิจระส่ำไปตามๆ กัน หลังจากที่ อังกฤษประกาศผลโหวะเตรียมออกจากการเป็นสมาชิกภาพของ European Union หรือ EU ในมติ Brexit จนทำให้หลายคนจับตาอนาคตประเทศผู้ดี ซึ่งยังมาถึงหลายเรื่องในวงการยานยนต์
แม้จะผ่านมาเกือบสัปดาห์ แต่ก็ยังได้รับความสนใจ เมื่อมีการโหวตว่า ท้ายที่สุดแล้วอังกฤษจะตัดสินใจออกจาก EU อย่างแน่นอน จนยังมาถึงชะตากรรมต่างๆ ของว่าที่บริษัทรถยนต์ และตลาดรถยนต์อังกฤษว่า การออกจากสหภาพยุโรปครั้งนี้ จะมีแนวโน้มที่สดใส หรือจะเป็นการตกต่ำทางด้านเศรษฐกิจที่สุดครั้งหนึ่งของอังกฟษ
ผู้เชี่ยวชาญจากวงการอุตสาหกรรมและธุรกิจยานยนต์ IHS Automotive ออกมาคาดการณ์ว่า การเตรียมออกจากสมาชิกภาพของอังกฤษนั้น อาจจะส่งผลถึงการลดลงทางด้านยอดขายในระดับโลก โดยพวกเขาคาดการณ์ว่า ยอดขายรถยนต์จะหายไปในปีหน้าถึง 1.25 ล้านคัน และในปี 2018 จะมียอดขายลดลงถึง 1.38 ล้านคัน
ลาน เฟรทเชอร์ เจ้าหน้าที่ทางด้านการวิเคราะห์ของ IHS Automotive กล่าวเปิดเผยว่า การแยกตัวของอังกฤษไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ ที่จะมีส่วนทำให้เกิดผลกระทบอย่างวงกว้างต่ออุตสาหกรรม
เขากล่าวต่อว่า ในปีนี้ ตลาดรถยนต์อังกฤษอาจจะเติบโตเพียง 1 % จากการคาดการณ์ 3.2 % และการตัดสินใจดังกล่าวอาจจะทำให้อัตราเติบโตลดลงต่ำกว่า 1% ในอนาคต ตลอด 2 ปี จนกว่าการแยกตัวจะเสร็จสิ้น
อย่างไรก็ดี หลังจากมีมติโหวดของอังกฤษต่อการออกจาก EU ทางค่ายรถยนต์ชั้นนำ Jaguar Land Rover หรือ JLR ออกมาเปิดเผยทันทีว่า พวกเขาอาจจะสูญกำไรที่ควรจะได้ 1 พันล้านปอนด์ โดยมีสาเหตุจากการกลับเข้าไปสู่หลักการเดิมขององค์การการค้าโลก ซึ่งใช้อัตราภาษีส่งออก 10% และอัตราภาษีนำเข้า 4% ในภูมิภาคยุโรป
ตลอดจนอาจจะเพิ่มสาขาสำนักงานในกรุงบรัสเซล เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ รวมถึงยังอาจจะต้องลงทุนเร่งการสร้างโรงงานในสโลวาเกีย ที่มีกำลังการผลิต 300,000 คัน และซ้ำร้ายการออกจาก EU ของอังกฤษในสิ้นทศวรรษนี้จะทำให้สินค้าของ JLR ด้อยคู่แข่งทางด้านราคาทันทีในตลาดภูมิภาคยุโรป
ทางด้าน Toyota ออกมาแสดงทัศนคติต่อการออกจาก EU ของอังกฤษเช่นกันว่าพวกเขาเป็นห่วงต่อการแข่งขันและการปฏิบัติการทางด้านผลิตภัณฑ์ของบริษัท การออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษนั้น จะสร้างผลกระทบทางธุรกิจอย่างใหญ่หลวง และท่าที่ของค่ายรถยนต์อันดับที่ 1 ยักษ์ใหญ่ของโลก ดูจะไม่ปลื้มต่อผลโหวดที่เกิดขึ้น โดยปัจจุบัน Toyota ใช้อังกฤษเป็นฐานการผลิตสำหรับรถยนต์ Toyota Auris และ Toyota Avensis และกว่า 90% ถูกผลิตเพื่อการส่ออก
ฮอนด้าคู่แข่งรายสำคัญที่มีโรงงาน Swissdon ซึ่งจะเป็นฐานการผลิตรถยนต์ Honda Civic Hatchback ก็ยังเปิดเผยเพียงว่าจะรอดูท่าที่ต่อไป เช่นเดียวกับ Nissan ที่มีโรงงานใน Sunderland ไม่ได้ประกาศหรือแถลงการณ์ใดๆ ต่อผลโหวต Brexit
ด้านค่ายอเมริกาอย่าง Ford ซึ่งเป็นค่ายรถยนต์ที่มียอดขายสูงในอังกฤษถึง 34% จากยอดขายทั้งหมดของบริษัทเมื่อปีกลาย ไม่มีการออกแสดงท่าทีต่อเรื่องดังล่าว แต่ Fool.com ออกมาวิเคราะห์ว่า Ford จะเป็นค่ายรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดพอๆ กับ JLR เนื่องจาก Ford เป็นบริษัทรถยนต์ที่มียอดขายมากในอังกฤษ ขณะที่ตลาดยุโรปมียอดขายเพียง 8% ของยอดขายค่ายวงรีสีน้ำเงินในตลาดทั่วโลก
อย่างไรก็ดี นอกจากยอดขาย Ford ยังอาจจะเจอศึกสองด้าน เนื่องจาก บริษัทมีซัพพลายเออร์ทางด้านเครื่องยนต์ในอังกฤษที่ผลิตส่งออกไปประกอบนอกอังกฤษ 2 โรงงาน เช่นเดียวกับโรงงานผลิตเกียร์คู่บุญ Getrag ที่มีโรงงานอยู่ที่อังกฤษ ทว่าโรงงานประกอบของ Ford ในยุโรปส่วนใหญ่อยู่ในประเทศสเปนและเยอรมัน
ด้านนักเศรษฐศาสตร์ของ GM (General Motor) นายมูสตาฟา โมฮาทารัม ออกมากล่าวเปิดเผยว่า นี่อาจะเป็นโอกาสที่ทำให้ GM เพิ่มกำลังการผลิตใน 2 โรงงานที่อังกฤษ ซึ่งผลิตรถยนต์ป้อนให้กับแบรนด์รถยนต์ Opel และ Vauxhall โดยโรงงานที่ Ellesmere Port ผลิตรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ส่วนโรงงานที่ Luton ผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์
ปัจจุบันทั้ง 2 โรงงานใช้กำลังการผลิตเต็มที่เพื่อสนองความต้องการที่เพิ่มขึ่น แต่ มูสตาฟา เชื่อว่า ถ้าสถานการณ์เป็นใจ ทาง GM จะเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิต ด้วยแนวทางใดแนวทางหนึ่งอย่างแน่นอน
Brexit หรือ การออกจาก EU ของประเทศอังกฤษอาจจะ ดูเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับพวกเราหลายคน แต่ในภาคเศรษฐกิจและธุรกิจแล้ว มติครั้งนี้อาจจะเปลี่ยนชะตาทางธุรกิจของบริษัทรถยนต์หลายรายเลยก็ว่าได้
ที่มาข้อมูล CNN Money , Automotive News ,The Guardian
เรื่อง โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook หรือ ทาง Fan page ,Twiter (@Nattayosc), Blog ส่วนตัว
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com