40 ปี BMW Series 3 ตำนานคอมแพ็คคาร์จากเยอรมัน ตอนที่ 1

  • โดย : Autodeft
  • 12 พ.ค. 58 00:00
  • 12,721 อ่าน

พบจากปฐมบทของรถคอมแพ็คคาร์ สู่รถยนต์ที่ทั่วโลกให้การชื่นชม วันนี้เราจะพาย้อนรอยที่สุดรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จทั่วโลก BMW Series 3 รู้จักตัวตนที่แท้จริงของรถยนต์ชั้นนำ

 

 

ถามถึงรถยนต์สักรุ่นที่เป็นที่รู้จักมายาวนานจากทวีปยุโรป   BMW Series  3  น่าจะเป็นหนึ่งในรถยนต์ทีเราต่างรู้จักกันอย่างดี ความงดงามจากรุ่นสู่รุ่น เป็นที่นิยมตั้งแต่สมัยคุณพ่อมาจวบจนปัจจุบัน กินระยะเวลากว่า 40  ปีแล้ว ที่รถยนต์รุ่นนี้โลดแล่นในตลาดรถยนต์ทั่วโลก

ที่มาที่ไปของรถยนต์คอมแพ็คคาร์ชื่อกระฉ่อนจากค่ายรถยนต์แดนเบียร์เมืองบาวาเรียนนี้ เริ่มขึ้นในช่วงปี 1973  ซึ่งหลายคนอาจจะเกิดไม่ทันในยุคนั้น แต่น่าจะคงเคยได้ยินวิฤตทางพลังงานมาบ้าง ซึ่งส่งผลตรงกับอุตสาหกรรมยานยนต์ และนำมา ซึ่งแนวความคิดรถยนต์นั่งขนาดกะทัดรัดกำลังพอเหมาะพอดี ในค่ายรถยนต์หลายราย

โดยเฉพาะ   BMW   เห็นการณ์ไกลว่า อนาคตรถยนต์นั่งระดับคอมแพ็คคาร์ อาจจะเป็นที่นิยมในตลาด และเมื่อประกอบความต้องการที่ลูกค้าหลายคนในตนนั้นมองหา ในท้ายที่สุดในวันที่ 7 พฤษภาคม ปี 1975  ทางค่ายรถยนต์รายนี้ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกของรถยนต์  BMW Series  3   สู่อุตตสาหกรรมยานยนต์

แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่น่าแปลกที่ค่านรถยนต์ชั้นนำจะทำอะไรที่แตกต่างแต่ BMW Series  3  ใหม่ กลายเป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยยอดขายรถยนต์ของค่ายตราพัดฟ้าให้มียอดขายเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวถึง 3  ปีซ้อน เลยทีเดียว

ตัวตนรุ่นแรกของ  BMW Series  3  ใหม่ได้รหัสตัวถึงว่า  E21 ได้อะไรมากกว่าที่หลายคนคาดเอาไว้ ยิ่งการแนะนำเส้นสายการออกแบบใหม่ของรถยนต์ที่ออกมาตามแบบฉบับ BMW   น่าเสียดายที่มันมีตัวถังแบบเดียวในแบบรถคูเป้ ให้ความสปอร์ตแต่ว่าไม่ใช่วัตถุประสงค์ของรถที่แท้จริง ที่ทาง BMW  ต้องการสื่อสาร รวมถึงภายในห้องโดยสาร ได้รับปรัชญาการออกแบบใหม่ ซึ่งยังมีในรถยุคใหม่ด้วยการเอนคอนโซลกลางไปทางด้านคนขับมากขึ้น

ฺBMW Series 3 E21

การแนะนำในยุคนั้น   BMW Series  3  มาพร้อมเครื่องยนต์  4 สูบแถวเรียง   BMW M10   และภายหลังในปี 1977 ทางค่ายบาวาเรี่ยนจึงแนะนำ  BMW M20   เข้ามากับเครื่องยนต์   6  สูบแถวเรียง และที่หลายคนอาจจะไม่ทราบ รถยนต์คันนี้มีเวอร์ชั่นเปิดประทุนด้วย เพียงแต่มันไม่ได้ผลิตโดย   BMW

 

ความสำเร็จของรถยนต์  BMW Series 3   ในเวอร์ชั่นแรกที่เปิดตัวออกมา ทำให้ ในปี 1982 BMW   ไม่รอช้าในการส่งว่าที่รถยนต์คอมแพ็คคาร์ใหม่ออกมาตอบโจทย์ ใน   New BMW Series 3   เวอร์ชั่นบนตัวถังรถยนต์   E30   ด้วยตัวตนใหม่ที่เข้ากับยุคสมัยมากขึ้นว่าเดิมที่เคยแนะนำออกมา ยิ่งไปกว่านั้นรถยนต์คันนี้ยังเป็นรถยนต์ที่เป็นจุดเริมต้นประสบความสำเร็จในรถยนต์ Series 3  ที่สำคัญอีกด้วย

ราคาแนะนำตัวที่ลูกค้าแทบอยากจะร้องไห้ด้วยราคาที่เพิ่งสูงขึ้นเฉียดเท่าตัวเมื่อเทียบกับ  BMW Series  3 E21  เมื่อตอนเปิดตัว เกือบทำให้รถยนต์รุ่นนี้กลายเป็นประวัติศาสตร์ไป แต่จนแล้วจนรอดค่ายตราพัดฟ้าก็สร้างความแปลกใหม่ในการแนะนำเจ้าน้องสามใหม่ ด้วยการสร้างความแตกต่าง โดยทีแรกพวกเขาคงตัวตนของรถยนต์สปอร์ตคูเป้เอาไว้อย่างเหนียวแน่น เรียกว่าเป็น  DNA  หลักที่ค่ายรถยนน์บาวาเรี่ยนไม่ต้องการทิ้ง

แต่ให้หลังในปีถัดมาพวกเขาก็เริ่มเพิ่มความหลากหลายตามความต้องการของลูกค้า ด้วยการให้ตัวถังแบบสี่ประตูเป็นครั้งแรกในรถยนต์ซี่รี่ย์สาม ใหม่แนะนำออกมาเพียงปีเดียวให้หลังจากค่ายรถยนต์  แนะนำรถ BMW E30  ออกมาจากสายการผลิต แต่ที่พลิกความคิดของสาวกมากคงจะไม่พ้น การแนะนำในเวอร์ชั่นทัวร์ริ่งออกมาจากโรงงานในปี 1986  ภายใต้  BMW E30   ทัวร์ริ่ง และท้ายสุด แม้อายุจะมาก แต่การทิ้งทวนด้วย  BMW E30 Convertible  ในปี   1993  ก็เป็นอะไรที่ทำให้เราหลายคนยังสนใจรถคันนี้

ไม่เพียงแค่ตัวถังที่หลากหลายมากถึงสี่แบบเท่านั้น แต่  BMW E30  ยังสร้างอะไรที่แปลกใหม่ในการขับขี่ ภายใต้โจทย์ของการวิศวกรรมที่มีมากมายหลากหลายสนองลูกค้า ไม่ว่าจะการยกเครื่องยนต์แบบสี่สูบแถวเรียงและ หกสูบแถวเรียงเข้ามาประจำการเช่นที่ผ่านมา จวบจนในปี 1985  ทางค่าย  BMW   ก็สร้างความแปลกใหม่และน้อยคนนักจะรู้ ด้วยการแนะนำเครื่องยนต์ดีเซลเข้าในรถยนต์คอมแพ็คคาร์เป็นครั้งแรก แต่ไม่มีรายงานว่ามันเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทย

ทว่าแม้ยุคสมัยในเวลานั้นดูจะโบราณคร่ำครึไปนิด แต่ในปี 1986 BMW  สร้างความแปลกใจให้สาวกด้วยการแนะนำระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ   BMW  325 ix  ออกมา

แต่ท้ายที่สุดสิ่งที่ทำให้   BMW E30  ยังเป็นที่โปรดปรานของใครหลายคนที่เล่นรถยนต์ยุโรปไม่ใช่เพียงเสน่ห์ในการออกแบบเท่านั้น แต่การวิศวกรรมที่เลื่องชื่อในยุคเมื่อค่ายตราพัดฟ้าได้เปิดตัวรถยนต์สปอร์ตคอมแพ็คคาร์จนเรียกว่าเป็นรถยนต์รายแรกๆ ภายใต้ชื่อ   BMW M3

มันหอบหิ้วเครื่องยนต์ รหัส  S14  การผสมผสานโดยการจับเครื่องยนต์สี่สูบแถวเรียงเดิมมาเสริมความสนุกสนานในการขับขี่มากขึ้น จนเครื่องยนต์  S14  นี้ ต้นกำลังขนาด 2.0  ลิตร มีสมรรถนะถึง 189 แรงม้า และให้แรงบิด 210  นิวตันแมตร มันเร่งเร้าใจถึง   7,300 รอบต่อนาที และการประสบความสำเร็จมากมายในสนามแข่งก็ทำให้ชื่อ  BMW M3   เป็นที่ประจักษ์ในวงการมอเตอร์สปอร์ต จนหลายคนต่างให้การยอมรับว่ามันคือหนึ่งในการวิศวกรรมที่ดีที่สุดในยุค

โดยเครื่องยนต์  S14  ที่ใช้ในสนามแข่งเวอร์ชั่นสุดท้ายเป็นเครื่องยนต์สี่สูบแถวเรียงขนาด  2.5  ลิตร สามารถทำกำลังได้ถึง  250   แรงม้า แต่ในเวอรชั่นจำหน่ายจริงที่มีออกมาให้สาวกจับจองเป็นเจ้าของ ในเวอร์ชั่นแรก มันมาให้กำลังถึง   195  แรงม้า แต่ถ้าคุณซื้อไปแล้วตัดแคทตาไลติดออก จะมีกำลังมากถึง  215  แรงม้า

ต่อมาในเวอร์ชันที่ถูกเรียกว่า  BMW E30 M3 Evolution  ที่มีเพียงการแต่งหล่อเสริมความคมเข้มในตัวตน ไม่ว่าจะกระจกข้างหรือด้านหลังที่เล็กกว่า หรือล้ออัลลอยขอบ 16  หน้ากว้าง 7.5  นิ้ว  และสปอร์ยเลอร์หน้าหลังใหม่  แต่ถ้าคุณมีโอกาสที่จะเป็นเจ้าของ  EVO2 ก็จะได้รถที่มีเรี่ยวแรงเพิ่มเป็น  220 แรงม้า

และในท้ายสุดเวอร์ชั่น EVO3  หรือที่สาวก BMW   ชาว  Bimmer  มักจะเรียกว่า  BMW E30 M3 Sport  Evolution   มันเป็นรถรุ่นที่ผลิตออกมาในจำนวนจำกัดเพียง   600 คันทั่วโลก โดยความพิเศษของมันอยู่ที่การตอบโจทย์ด้วยเครื่องยนต์ขนาด  2.5  ลิตร คล้ายกับที่แนะนำใน  BMW  เวอร์ชั่นสนามแข่ง มันทำกำลัง   238  แรงม้าจากโรงงาน และเปลี่ยนแปลงด้วยกันชนหน้าใหม่ขนาดใหญ่เพิ่มการรับลมในยามขับขี่มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีลิ้นกันชนหน้าที่สามารถปรับระดับได้ รวมถึงสปอร์ยเลอร์หลังใหม่ ทั้งยังมีช่องดักลมเบรก ซึ่งภายหลังรถยนต์ในเวอร์ชั่นนี้ ..มีรุ่นเปิดประทุนตามออกมาอีกว่า 786  คันให้สาวกที่ชอบความเร็วได้เลือกซื้อหาไปใช้

 

ในปี 1993  BMW Series 3   ก็ได้เวลาแนะนำตัวเองใหม่อีกครั้งกับรุ่นที่สามของตระกูล  ด้วยการปรับหน้าตาให้มันสมัยมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งโฉมนี้ในบ้านเราเรียกมันว่า  BMW   โฉมนกแก้ว เข้าใจว่าน่าจะมาจากสีตรานกแก้วที่ใช้ในกระบวนการผลิต ซึ่งถือเป็นสีรถยนตืที่มีราคาแพงพอสมควรในยุคนั้น

 BMW Series 3 E36   เป็นรถยนต์ชื่อลือชามา โดยครั้งนี้  BMW   เลี่ยนกลยุทธ์ด้วยการแนะนำตัวตนแบบซาลูน หรือรุ่นสี่ประตูออกมาก่อน ที่จะแนะนำตัวตนคูเป้  ออกมา ในปี 1991  และให้หลังปีถดมา วิศวกรบาวาเรี่ยนแนะนำรุ่นเปิดประทุนออกมาวางจำหน่าย ตามด้วยรุ่นสเตชั่นแวกอนหรือทัวร์ริ่งในปี 1994

การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใน  BMW Series 3   รุ่นนี้ อยู่ที่การพัฒนากรออกแบบใหม่ให้มีความทันสมัยมากขึ้น ส่วนเครื่องยนต์และเกียร์ส่วนใหญ่ยกเอามาจากรุ่น  E30  ไม่ว่าจะเครื่องยนต์แบบ 4  สูบ หรือ 6  สูบก็ยังมีให้เลือก แต่ในรุ่น  5  สูบ กลายเป็นรุ่นแคมคู่ในรหัส   M50   แทนเครื่องยนต์แคมเดียว รวมถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวยังรวมกับ ระบบช่วงล่างใหม่ แนะนำตัวเองผ่านระบบช่วงล่างแบบ Z Axle  ในสไตล์ช่วงล่างแบบ   MultiLink

ก่อนที่ในปี 1993  จะมีการแนะนำระบบแปรผัน VANOS  เข้ามา ส่งให้เครื่องยนต์   6 สูบ เปลี่ยนจากรหัส   M50   เป็น   M52 รวมถึงขยายปริมาตรเครื่องยนต์สูงสุดจากเดิม  2.5  ลิตร ออกไปเป็น 2.8  ลิตร อีกด้วย

เช่นเดิมจากรุ่นที่แล้ว ครั้งนี้   BMW M3  กลับมาอีกครั้งในตัวตนสุดซิ่ง  โดยมันมาพร้อมเครื่องยนต์   6  สูบ รหัส  S50   ขนาด   3.0  ลิตร ให้กำลังสูงสุด  282  แรงม้า ในเดือนกุมภาพันธ์ปี   1992    ซึ่งช่วงแรกมาในรูปแบบรถยนต์คูเป้เท่านั้น แต่ต่อมาให้หลังสองปี ทางค่ายตราพัดฟ้า ตัดสินใจสร้างความแตกต่าง ด้วยครั้งแรกของการแนะนำรถยนต์  BMW E36 M3  ในร่างซาลูน และยังมีรุ่นเปิดประทุน เช่นกัน  ซึ่งมาจากการขาดตอนของรถยนต์  ในรุ่น   BMW M5  

ปีเดียวกัน   BMW  ยังแนะนำรถยนต์  BMW M3 GT   เพื่อให้ตรงตามกฎการแข่งขัน  ซึ่งมันพิเศษกว่าด้วยสี  British Racing Green  โดยยังอัพเกรดเครื่องยนต์ให้มีกำลัง   291  แรงม้า โดยมีรถรุ่นนี้กว่า  356   คันที่ผลิตขึ้นมาในโลกใบนี้

การอัพเดทความสำคัญ  ใน  BMW M3 E36   เกิดขึ้นในปี 1995  เมื่อมีการแนะนำเครื่องยนต์  S50B32  โดยประเด็นสำคัญอยู่ที่การขยายความจุดจากเดิมไปเป็น 3.2  ลิตร ให้กำลังสูงสุด  316  แรงม้า แม้ว่าเครื่องยนต์จะนานหลายปีแล้ว แต่ในยุคนั้น มันเป็นเครื่องยนต์ที่ได้ชื่อว่าทรงประสิทธิภาพที่สุดในหมู่รถสปอร์ต   ด้วยการออกแบบอ่างน้ำมันเครื่องยนต์ให้มีขนาดเล็ก และมีระบบ  Dual Pick Up system  ช่วยในการไม่ให้เครื่องยนต์ขนาดน้ำมันเครื่องหล่อเลี้ยงในระหว่าการเข้าโค้ง

ส่วนตัวรถมีการปรับเปลี่ยนจากเลนขุ่นมาเป็นเลนใส ได้ล้อชุมใหม่ที่มีความลงตัวมากขึ้นในการขับขี่ รวมถึงยังมาพร้อมระบบเกียร์   6 สปีดใหม่ ให้ความลงตัวในการขับขี่

ในช่วงยุคปี 1990  BMW M3 E36  เป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมมากในการใช้ในการแข่งขัน โดยเฉพาะในการแข่งขันแบบ Circuit รวมถึงนิตยสาร Car& Driver ยกให้มันเป็นรถยนต์ที่มีการควบคุมที่ยอดเยี่ยมที่สุด สำหรับรถยนต์ที่ผลิตในช่วงยุคปี 1990 แต่ที่หลายคนไม่ทราบมาก่อน ก็คือ รถยนต์ BMW E36  รุ่นนี้เป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ระบบคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในการช่วยในการออกแบบตัวรถ

 

มาถึงตรงนี้ก็ผ่านมากว่าครึ่งทางแล้ว สำหรับตำนาน   BMW Series 3   ใหม่ ตำนานรถยนต์คอมแพ็คคาร์ที่ให้ความลงตัวในการขับขี่และจับใจสาวตราพัดฟ้าทั่วโลก ... ปฐมบทที่ยาวนานมาพร้อมที่สุดของประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ซึ่งงวดหน้าเราจะมาตามต่อในความสำเร็จอันยาวนานของ   BMW Series 3

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com

[GALLERY1369]

5 เรื่องน่าสนใจ