Advertorial -[Review + Test Drive] Toyota Sienta ใหม่! แบบละเอียดยิบ ทุกซอกทุกมุม
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 5 ต.ค. 59 00:00
- 444,749 อ่าน
Toyota Sienta รถ Mini MPV น้องใหม่จากค่าย Toyota หลังจากที่เปิดตัวไปเมื่อกลางเดือนสิงหาคม ก็ได้รับความสนใจอย่างมาก หลายๆ คนตั้งตารอกว่าจะได้เห็นตัวเป็นๆ ก็เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมานี้เองครับ พอรู้ว่ารถเข้าศูนย์ปุ๊บ ผมเองก็ไม่รอช้า รีบหาคิว ถามไถ่เซลล์คนสนิท ขอมาทดลองขับกันแบบรัวๆ
(ก่อนจะไปชมรีวิวกัน ขออนุญาติออกตัวแรงๆ ก่อนครับ ว่าผมมีเวลาค่อนข้างจำกัดมากกับการทดลองขับครั้งนี้ เนื่องจากคนสนใจเจ้าเซียนต้าเยอะจริงๆ คิวจองทดลองขับล้นหลาม งานนี้ต้องแบ่งๆ กันดูหล่ะครับ เข้าทำนองสมบัติผลัดกันชม ถ้าภาพน้อยไม่จุใจต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วยครับ)
ศูนย์ Toyota ที่มาทดลองขับกันในวันนี้คือ “โตโยต้าเอ็มไพร์ส สาขาวงแหวนกาญจนาภิเษก” เส้นทางที่ทดลองขับเป็นเส้นถนนตัดใหม่กาญจนาภิเษก ลักษณะพื้นถนนเรียบ มีทางโค้ง ทางเลี้ยวให้ได้ทดสอบกันหลายๆ แบบ
ประกอบกับถนนโล่งดี ทำให้ทดลองความเร็วได้พอสมควร ในรีวิวนี้ผมจะเน้นในเรื่องสัมผัสการขับขี่ และอธิบายภายในรถไปทีละจุด ซึ่งรถคันที่ผมเอาไปทดลองขับสนามจริงคือรุ่นท๊อปนะครับ ส่วนรุ่นรองท๊อปที่เก็บภาพมาจะ จอดโชว์หล่อๆ อยู่ในโชว์รูม
“เซียนต้า” จะเซียนจริงหรือไม่จริง ไปดูพร้อมๆ กันเลยครับ :D
Toyota Sienta เป็นรถประเภท Mini MPV 7 ที่นั่ง เครื่องยนต์ 1,500 16 วาล์ว อัตราการเร่ง 6,000 รอบต่อนาที เติมน้ำมัน E20 ได้ แต่ยังเติม 85 ไม่ได้นะครับ ที่ขายในบ้านเราจะเป็นรถที่ผลิตจากอินโดนีเซีย เพื่อนบ้านนี่เอง มีให้เลือก 4 สี ส้ม ขาว เทา และดำ
โมเดลนี้จะแบ่งเป็น 2 รุ่นย่อยเท่านั้น ไม่ยาก ไม่ซับซ้อนครับ คือ
รุ่นท๊อป 1.5 V ราคา 865,000 บาท และ
รุ่นรองท๊อป 1.5 G ราคา 750,000 บาท
ปุ่มสตาร์ท
ประการแรกเริ่มที่การสาร์ทเลยครับ ในรุ่น 1.5V จะมาพร้อมกับปุ่มสตาร์ท ที่อยู่ทางขวามือใต้พวงมาลัยรถ
ส่วนรุ่น 1.5G เป็นกุญแจไขแบบปกติ เสียงเครื่องหลังสตาร์ทดังนุ่มแทบจะไม่ค่อยได้ยินเสียงเท่าไรนัก
ประตูสไลด์
นี่แหละจุดขายสำคัญของเจ้า “เซียนต้า” คันนี้ ประตูสองด้าน ซ้าย-ขวา เป็นประตูสไลด์ ทำให้การเข้าออกไม่ยุ่งยาก เวลาจอดรถในช่องแคบๆ ตอนไปห้างฯ ก็ไม่ต้องคอยระวังว่าจะเปิดประตูไปกระแทกรถคันข้างๆ แล้วหละครับ (แต่ไอรถเราจะโดนกระแทกไหมนี่อีกเรื่อง) สำหรับรุ่น 1.5V เป็นประตูไฟฟ้าอัตโนมัติทั้งสองฝั่ง ส่วนรุ่น 1.5G จะเป็นประตูไฟฟ้าเฉพาะฝั่งซ้ายเท่านั่น ส่วนฝั่งขวาจะเป็นแบบธรรมดาครับ
ปุ่มควบคุมการเปิดประตูข้างของห้องโดยสาร 2 ฝั่ง
ข้าง ๆ ของปุ่มสตาร์ทจะเป็นปุ่มความคุมการ (เปิด/ปิด) ประตูของผู้โดยสาร ซึ่งสามารถกดเปิดและปิดประตูด้วยระบบอัตโนมัติ จากภาพจะเห็นได้ว่าในรุ่น 1.5G สามารถควบคุมประตูฝั่งซ้ายได้เพียงแค่ข้างเดียวเท่านั้น
ระบบการควบคุมการทรงตัวอัจฉริยะ
ระบบควบคุมการทรงตัว เพื่อความปลอดภัย ถูกติดตั้งมาเหมือนกันทั้งสองรุ่นย่อยเลยครับ ทั้งรุ่น V และรุ่น G
ไฟรถ
ไฟหน้าของรุ่น 1.5V เป็นแบบโปรเจคเตอร์ Bi-Beam LED แปลง่าย ๆ คือการใช้ LED ในทุกส่วน ดีไซน์จะออกแนวล้ำสมัยสวยงามเรียบหรู และในส่วนไฟหน้าของรุ่น 1.5G จะเป็นแบบ โปรเจคเตอร์ ฮาโลเจน ซึ่งดีไซน์ออกมาดูสวยงามไม่แพ้กัน
ไฟส่องสว่างกลางวัน
ไฟส่องสว่างกลางวัน (Daytime Running Lights) แบบ LED มีติดมาให้ทั้งรุ่น 1.5V และ 1.5G อย่างหล่อเลยครับ
กระจกมองข้าง
กระจกมองข้างของเซียนต้า สามารถปรับและพับด้วยไฟฟ้า และมาพร้อมกับไฟเลี้ยวแบบ LED ทั้งสองรุ่นเลย
พวงมาลัยรถ
เมื่อได้จับพวงมาลัยครั้งแรก ก็สัมผัสได้ถึงความเป็นรถที่มีคลาสขึ้นมาเลย ส่วนตัวผมว่าพวงมาลัยมีขนาดพอเหมาะทีเดียว ในรุ่นท๊อป 1.5V เป็นพวกมาลัยแบบหุ้มหนังด้วย ยิ่งจับกระชับมือขึ้นไปอีก ส่วนในรุ่น 1.5G เป็นพวกมาลัยแบบปกติครับ
ที่แผงควบคุมบนพวงมาลัย
สำหรับปุ่มควบคุมต่างๆ บนพวงมาลัย จะมีเฉพาะแค่ในรุ่นท๊อป 1.5V เท่านั้นนะครับ ด้านซ้ายไว้ใช้ควบคุมหน้าจอ เปิดวิทยุ เปิด CD ฟังเพลง ทั่วๆ ไป ส่วนปุ่มควบคุมที่พวงมาลัยด้านขวาจะใช้สำหรับควบคุมหน้าจอ MID ที่บอกข้อมูลการขับขี่
เกียร์
ในส่วนของเกียร์อัตโนมัติดีไซน์ออกมาสวยงาม ประหยัดพื้นที่ ซึ่งซีเคว้นซ์ของเกียร์ก็มีตั้งแต่ P/ R / N / D เรียงกันเป็นขั้นบันได และโหมด M+/- เอาไว้ปรับเป็นระบบเกียร์ธรรมดา ที่ทำให้ได้ฟีลขับรถสปอตเท่ ๆ เลยครับ ซึ่งระบบM+/- จะมีมาให้ทั้งสองรุ่นเลย ผมได้ทดลองขับเกียร์สปอตดูแล้วรู้สึกถึงความนุ่มนวล เหมือนได้ขับรถในเกมดัง
ด้านหน้ากระจกบรรยากาศกว้างๆ
เมื่อเริ่มเคลื่อนตัวออกไป สิ่งแรกที่สัมผัสได้จากการมองคือ วิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยม ซึ่งมองจากภายนอกเหมือนว่ากระจกรถจะเล็ก ๆ แต่พอขับเคลื่อนออกจากศูนย์ปุ๊บมันเกิดความสนุกในทันที วิสัยทัศน์การขับขี่เรียกได้ว่าเยี่ยมมากๆ
ช่องเก็บของด้านหน้า
เหลือบไปมองฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า มีช่องเก็บความเย็นเพิ่มเข้ามาให้ในทั้งสองรุ่น ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่ผมชอบมาก ๆ และยังมีที่วางแก้วขนาดมาตรฐาน ตำแหน่งการวางยอดเยี่ยม เพราะไม่บังและสะท้อนกระจกมองข้าง
เครื่องยนต์
ขับไปสักพักรู้สึกถึงความนิ่มของเครื่องยนต์มาก รถคันนี้ใช้เครื่องยนต์ DUAL VVT-i แบบเดียวกับ VIOS ด้วยเครื่องยนต์ขนาดพอเหมาะ ทำให้ลืมเรื่องสิ้นเปลืองน้ำมันโดยไม่จำเป็นไปได้เลย ถ้าไม่กะซิ่งกะแซงอะไรมากมาย เท่านี้ก็เพียงพอครับ
ล้อ + ยาง
สำหรับล้อที่ได้ทดลองขับแล้วสัมผัสความนุ่มได้ก็คือล้อแม็ก 16 นิ้ว ซึ่งรถสองรุ่นจะแตกต่างกันที่ รุ่น1.5V จะเป็นล้ออัลลอย 16” ส่วน 1.5G จะเป็นล้ออัลลอย 15” ส่วนตัวผมได้ขับล้ออัลลอย 16” บอกได้คำเดียวว่า แน่นติดถนนมั่นใจเวลาเข้าโค้ง
แผงหน้าปัด
ในรุ่น 1.5V จะมาพร้อมกับแผงไมล์แบบดิจิตอล ดูซอร์ฟสวยงามทีเดียว ส่วนในรุ่น 1.5G จะเป็นหน้าปัดแบบปกติครับ
มัวแต่ชมความสวยงามของรถ สมรรถนะการขับขี่ก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันนะครับ การขับเคลื่อนรถจังหวะเร่งแซงดี ขับที่ความเร็ว 120 ยังไม่มีโคลงเคลง ยังเหยียบต่อไปได้อีกเรื่อยๆ วิ่งทดลองมาได้เกือบ 5 กิโลก็มีจุดที่เข้าโค้ง ซึ่งบอกเลยว่า การเลี้ยวติดถนนมากกว่าที่คาดการณ์ไว้เยอะเลยครับ ทำให้รู้สึกมั่นใจมากกว่าเวลาขับรถแวนเล็ก ซึ่งเวลาเข้าโค้งจะดูแกว่งเล็กน้อย
แอร์
จอดข้างถนนมองดูแผงคอนโทรลแอร์ ดีไซต์การออกแบบที่ติดตั้งมาในรุ่น 1.5V ออกแนบเรียบๆ ระบบการทำงานของแอร์เป็นระบบอัตโนมัติ สามารถปรับอุณหภูมิของแอร์ได้อย่างอิสระทั้งระบบออโต้และแมนนวลปรับมือ ส่วนในรุ่นของ 1.5G เป็นระบบแมนนวลซึ่งดีไซน์ก็แตกต่างกันเล็กน้อย แต่การจัดวางออกมาสวยงามเหมือนกันทั้งสองรุ่น
เครื่องปรับอากาศด้านหลัง
เซียนต้า ได้ติดตั้งช่องปรับอากาศไว้ทั่วทิศทางและห้องโดยสารด้านหลังด้วย นั่งหลังไม่ต้องกลัวร้อนนะ เตรียมผ้าห่มได้เลย
วิทยุ + จอภาพ 2 จอ + ภาพถอยหลัง
มาถึงเรื่องความบันเทิงในรถ รุ่นท๊อป1.5V มาพร้อมเครื่องเล่น DVD และจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ซึ่งในตัวท๊อปนี้จะมีจอขนาด 8 นิ้ว ที่กลางรถเพิ่มเข้ามาด้วย ผู้โดยสารด้านหลังดูหนังกันสบายเลยครับงานนี้ จอด้านหน้ายังทำหน้าที่เป็นจอภาพจากกล้องมองหลังขณะเข้าเกียร์ถอยด้วย ซึ่งหากเทียบกับจอรุ่นอื่นๆ คุณภาพจอที่ติดมาให้กับรถถือว่าโอเคเลยครับ ดีทีเดียว
ส่วนในรุ่น 1.5G จะมีเพียงเครื่องเล่น CD ธรรมดาไม่มีจอภาพติดตั้งมาด้วย แต่ก็สามารถซื้อติดตั้งเพิ่มได้ในอนาคต ซึ่งก็ต้องเสียเงินเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามลำดับ เป็นผมคงจะจัดตัวท๊อปให้มันเบ็ดเสร็จไปในทีเดียว
เบาะ
เบาะของทั้งสองรุ่นจะแตกต่างกันตรงที่รุ่น 1.5V จะเป็นเบาะหุ้มหนังกึ่งสังเคราะห์ ส่วนรุ่น 1.5G จะเป็นเบาะผ้ากำมะหยี่ ก็คงต้องดูความชอบของผู้ซื้อด้วยในการพิจารณาระหว่างสองรุ่นนนี้
การพับเก็บเบาะของ Toyota Sienta
เบาะพับด้านหลังถือว่าออกแบบมาได้อย่างยอดเยี่ยมครับ เพราะเบาะสามารถพับได้หลายรูปแบบและที่เจ๋งมากคือ เบาะหลังสุดสามารถพับเก็บเข้าไปใต้เบาะในแถวที่สองได้เรียบร้อย เพิ่มพื้นที่ให้กว้างขึ้นสำหรับการขนสัมภาระเยอะๆ
สรุปการทดลองขับ
การทดลองขับ Toyota Sienta ในวันนี้ถือว่าประทับใจมากครับ ด้วยการขับเคลื่อนของรถ การเร่งสปีดในจังหวะที่ต้องใช้ความเร็วอัตราการเร่งเครื่องถือว่ายอดเยี่ยมเลยสำหรับรถเครื่อง 1.5 การเร่งความเร็วถึง120กิโลเมตรต่อชั่วโมงพวงมาลัยที่ใช้ควบคุมยังคงนิ่งและทรงตัวรถได้อย่างดี ส่วนเรื่องของการเข้าโค้งอย่างกะทันหันจัดว่าเข้าโค้งได้อย่างนุ่มนวล แต่ถ้าเร็วมากจะมีแรงเหวียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งไม่ได้ทำให้เสียการทรงตัว ระบบเบรค ABS 4 ล้อ ค่อนข้างหนึบ เรื่องเสียงที่เข้ามาในห้องโดยสารมีเสียงเข้าบ้างเพียงเล็กน้อย จัดว่าได้บรรยากาศส่วนตัวมากๆ อย่างที่ผมกล่าวถึงไปแล้วข้างต้น วิสัยทัศน์การขับขี่ ถือว่าดีเยี่ยม ผมชอบมาก ขับในเมืองมอเตออร์ไซค์ๆ เยอะๆ นี่คงแจ่มมาก เห็นชัดเจนเชียว ถ้าใครมองหารถ Mini MPV 7 ที่นั่ง พร้อมที่เก็บของจุใจ ดีไซน์การเปิดประตูสไลด์ 2 ข้าง ขับในเมืองสนุก ขับทางไกลก็ไปกันได้เยอะ ลองพิจารณา Toyota Sienta ดูนะครับ เป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมในราคาที่เหมาะสม รถราคาไม่ถึงล้าน แต่ฟังก์ชั่นจัดเต็มมาซะเต็มที่ขนาดนี้!!! ไปลองขับกันก่อน จะได้ไม่เสียใจทีหลังนะครับผม :D
ก่อนจบรีวิว ขอขอบคุณโตโยต้าเอ็มไพร์ส สาขาวงแหวนกาญจนาภิเษก ไว้ ณ ที่นี่ด้วยครับ สำหรับรถเซียนต้าหล่อๆ คันนี้ ที่ให้ผมมาทดลองขับ ดีจริง อะไรจริงครับ
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com