เช็คสเปกเต็มเจ้าเหมียวรถไฟฟ้า ORA Good Cat ทั้ง 3 รุ่น จุดไหนเหมือน จุดไหนต่าง มาดูกัน
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 17 ต.ค. 64 00:00
- 48,800 อ่าน
นาทีนี้ไม่น่ามีรถรุ่นไหนที่คนไทยให้ความสนใจไปมากกว่ารถไฟฟ้าจากค่าย Great Wall Motor อย่าง ORA Good Cat ไปแล้ว หลังการเปิดจองได้เพียงวันเดียวก็มียอดจองสูงกว่า 4 พันคันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้เราจึงอยากนำเสนอสเปกของรถไฟฟ้ารุ่นนี้ทั้ง 3 รุ่นย่อย ว่าสเปกที่จำหน่ายในเมืองไทยนั้น มีอย่างไรบ้าง และแต่ละรุ่นที่มาวางจำหน่ายนั้น มีความเหมือนและความต่างอย่างไรบ้าง ลองมาดูกัน
รถไฟฟ้า ORA Good Cat ที่นำมาจำหน่ายในประเทศไทยนั้น จะมีรุ่นย่อยทั้งหมด 3 รุ่นคือ 400KM Tech, 400KM Pro และ 500KM Ultra โดยมิติของตัวรถนั้นให้มาเท่ากันทั้งหมด นั่นคือขนาด 4,235x1,825x1,596 มม. (ยาว-กว้าง-สูง) ระยะฐานล้อ 2,650 มม. และมีความสูงใต้ท้องรถ 145 มม.
มอเตอร์ไฟฟ้าของทั้ง 3 รุ่นย่อยนั้น จะมาเท่ากันหมดคือแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า แรงบิด 210 นิวตันเมตร ให้ความเร็วได้สูงสุด 152 กม./ชม. แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือเรื่องของแบตเตอรี่ ที่รุ่นท็อปอย่าง 500KM Ultra ให้มาเป็นแบตเตอรี่ Lithium Ternary ขนาด 63.139 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำให้รถวิ่งได้ไกลสูงสุด 500 กิโลเมตรจากการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง ในขณะที่รุ่นที่เหลือ ใช้เป็น Lithium-ion ขนาด 47.788 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำให้รถวิ่งได้ไกลสูงสุด 400 กิโลเมตรจากการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง ส่วนการชาร์จไฟก็ต้องต่างกันไปด้วย โดย 500KM Ultra ชาร์จเร็วแบบ DC จาก 30-80% ได้ภายใน 40 นาที, ชาร์จเร็ว 0-80% ใน 60 นาที และชาร์จไฟบ้านแบบ AC เต็ม 100% ใน 10 ชั่วโมง ในขณะที่รุ่นที่เหลือ ใช้เวลา 32 นาที, 45 นาที และ 8 ชั่วโมง
ช่วงล่างของ ORA Good Cat ทั้ง 3 รุ่น ใช้งานด้านหน้าเป็นแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนต้านหลังใช้แบบคานแข็งทอร์ชั่นบีมพร้อมเหล็กกันโครง พวงมาลัยผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า ล้อใส่มาเป็นดิสก์เบรกทั้งหมด 4 ล้อ แต่สิ่งที่ต่างกันคือล้อนั่นเอง โดยตัวเริ่มต้นอย่าง 400KM Tech ใส่มาเป็นล้อเหล็กขนาด 17 นิ้ว มีฝาครอบ ใส่มากับยางขนาด205/55 R17 ในขณะที่ตัวกลาง 400KM Pro ใส่มาเป็นแม็กซ์อัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 215/50 R18 และรุ่นบนสุด 500KM Ultra ใส่มาเป็นแม็กซ์อัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 215/50 R18 เช่นกัน
อุปกรณ์และการตกแต่งภายนอกนั้น สิ่งที่มีมาเป็น Standard ทุกรุ่น คือกระจังหน้าพร้อมระบบ Active Air Intake, ไฟหน้า LED, ระบบไฟส่องนำทางหลังดับรถยนต์, ไฟ DRL, ไฟปรับสูง-ต่ำอัตโนมัติ, ไฟท้าย LED, ไฟตัดหมอกท้าย, ส่วนสิ่งที่รุ่น 400KM Tech ไม่มีก็คือ ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ, ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ และหลังคา Sunroof แบบ Panoramic ในส่วนของกระจกมองข้าง รุ่นเริ่มต้นจะปรับไฟฟ้าได้อย่างเดียว ถ้ารุ่นกลางจะพับไฟฟ้า แต่รุ่นท็อปจะบันทึกตำแหน่งได้ด้วย แถมไฟหน้ายังมีระบบ Welcome Light อีกด้วย
การตกแต่งภายในนั้น ทุกรุ่นจะมีระบบเบรกมือไฟฟ้าและ Auto Hold, เกียร์ไฟฟ้า, กุญแจ Smart Key และระบบ Quick Start System, ปุ่ม Multi-Function บนพวงมาลัย, เบาะผู้โดยสารปรับมือ 4 ทิศทาง, เบาะหลังพับได้แบบ 60:40, แต่สิ่งที่ต่างคือ รุ่นเริ่มต้นอย่าง ORA Good Cat 400KM Tech ภายในจะเป็นเบาะผ้า มีสีดำให้เลือกได้สีเดียว, แผงคอนโซลใช้เป็นหนังสังเคราะห์ แต่เมื่อขยับมาเป็นรุ่น 400KM Pro จะเปลี่ยนเป็นเบาะหนังสังเคราะห์ แต่มีสีเดียวคือสีดำ, แผงคอนโซลเปลี่ยนเป็นหนังกลับ, เบาะคนขับปรับไฟฟ้า, เบาะหลังมีที่พักแขนตอนกลางพร้อมที่วางแก้ว, เพิ่มแผงบังตาที่ด้านท้ายรถ แต่ถ้าเป็นตัวท็อป 500KM Ultra เบาะภายในจะเลือกได้ทั้งสีดำ, สีเขียว-ดำ และสีน้ำตาล-เบจ (ขึ้นอยู่กับสีภายนอก) แถมด้วยระบบนวดไฟฟ้าในตำแหน่งเบาะคนขับด้วย นอกจากนี้ ในรุ่นท็อปอย่าง ORA Good Cat 500KM Ultra ยังมีระบบบันทึกตำแหน่งเบาะผู้ขับขี่และกระจกมองข้าง รวมทั้งมีระบบ Welcome Seat อีกด้วย
ส่วนระบบอำนวยความสะดวกนั้น รถไฟฟ้า ORA Good Cat ทุกรุ่นจะมาพร้อมหน้าจอข้อมูลการขับขี่ขนาด 7 นิ้ว, ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ, ระบบนำทาง, ระบบเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน, ระบบสั่งการด้วยเสียง, ระบบปรับอากาศพร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5, หน้าจอเครื่องเสียงขนาด 10.25 นิ้ว แต่ลำโพงที่ให้มานั้น ในรุ่นท็อปจะมี 6 ตำแหน่ง ในขณะที่เหลือมีเพียง 4 ตำแหน่ง แต่สิ่งที่รุ่นเริ่มต้นอย่าง 400KM Tech ไม่มีเหมือนอีก 2 รุ่นก็คือ แท่นชาร์จไร้สายเท่านั้นเอง
ระบบความปลอดภัยนั้น ใส่มาเยอะแบบไม่ต้องห่วง โดยรุ่นเริ่มต้นอย่าง ORA Good Cat 400KM Tech จะมีดังนี้
- คันเร่งอัจฉริยะ
- ระบบควบคุมความเร็ว
- ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินในความเร็วต่ำ
- ถุงลมนิรภัย 2 ตำแหน่ง
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA
- ABS
- EBD
- BA
- ระบบควบคุมการทรงตัว ESC
- เซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด
- เสียงเตือนคนภายนอกในความเร็วต่ำ
แต่ถ้าขยับมาเป็นรุ่นกลาง 400KM Pro จะได้ระบบความปลอดภัยเพิ่มมาอีกดังนี้
- ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน พร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ TJA
- กล้อง 360 องศา
- ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก AEBI
- ระบบช่วยเตือนการชนด้านหน้า FCW
- ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง WDS
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA
- ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง
- ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง CBC
- ระบบช่วยเตือนเมื่อความเร็วสูงเกินค่ากำหนด
ส่วนรุ่นบนสุดอย่าง ORA Good Cat 500KM Ultra มีเพิ่มเติมจากรุ่นกลางดังนี้
- ระบบช่วยจอกอัจฉริยะ 3 รูปแบบ
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน ELK
- ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA
- ระบบช่วยเตือนมุมบอด BSD
- ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการถูกชนด้านท้าย RCW
- ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA
- ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTB
สีของตัวรถนั้น รุ่นเริ่มต้น 400KM Tech จะมีเฉพาะสี Hamilton White, Sun Black ส่วนรุ่นกลาง จะเลือกเพิ่มได้อีก 3 สีคือ Coral Blue, Mars Red with Black Roof และ Hamilton White with Black Roof และในตัวบนสุด 500KM Ultra จะเลือกเพิ่มได้อีก 2 สีคือ Hazel Wood Beige & Wisdom Brown และ Verdant Green & Hamilton White
แต่ในส่วนของราคานั้น Great Wall Motor ยังไม่มีการเปิดเผยเรื่องราคาของ ORA Good Cat ออกมาแต่อย่างใด ต้องรอวันที่ 29 ตุลาคมนี้เท่านั้น
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com