Nissan Solid Oxide Fuel Cell อนาคตเอทานอลอาจไปไกลกว่าที่คิด
- โดย : Autodeft
- 15 มิ.ย. 59 00:00
- 7,013 อ่าน
กล่าวถึงรถยนต์ในอนาคตอันใกล้ พวกเราหลายคนต่างทราบแล้วว่ารถยนต์ในอนาคตน่าจะหลายสิ่งที่น่าจะเปลี่ยนไปจากปัจจุบัน ไม่ว่าจะการขับขขี่ที่มีสมรรถนะยิ่ง การรักษาสิ่งแวดล้อมดียิ่งขึ้น ไปจนกระทั่งการความประหยัดพลังงานที่ต้องดียิ่งขึ้น ทั้งหมดนั้น กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา
Nissan เป็นบริษัทรถยนต์อีกรายที่มาพร้อมเทคโนโลยีต่างๆมากมาย หลังข่าวใหญ่ทางธุรกิจในการเข้าซื้อ Mitsubishi Motor ก็มาถึงเรื่องของการพัฒนารถยนต์ในอนาคตซึ่งแทนที่พวกเขาจะมองที่พลังงานเชื่อเพลิงไฮโดรเจน นิสสันต้องการสร้างรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุด จากธรรมชาติเพื่อธรรมชาติ
หลายปีที่ผ่านมาคนไทยน่าจะคุ้นหูคำว่า “เอทานอล” มันคือส่วนหนึ่งของการพัฒนาพลังงานทางเลือกที่เราใช้อย่างกว้างขวางจากพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ต้องการให้ใช้แอลกอฮอลที่ทำมาจากพืช อาทิ อ้อย หรือมันสำปะหลัง แปลงเป็นพลังงานเพื่อช่วยเกษตรกรผู้ปลูกให้มีรายได้อย่างเป็นรูปธรรม
ผลผลิตที่ออกมาจากพืชเหล่านี้คือ แอลกอฮอลบริสุทธิ์จากพืช และเราใช้มันผสมกับน้ำมันเบนซินในปัจจุบัน เรารู้จักกันนาม “แก็สโซฮอล” ทว่าอนาคตข้างหน้า Nissan ได้เล็งเห็นถึงประโยชน์ในเรื่องนี้และกำลังพัฒนาระบบขับเคลื่อนที่ให้สอดรับกับอนาคต และมันสามารถใช้เอทานอล 100% หรือใช้แบบผสมน้ำ เพื่อใช้กับเซลล์พลังงานแบบใหม่...
ระบบ Solid Oxide Fuel Cell เป็นนวัตกรรมแบบใหม่ของนิสสัน ในการพัฒนาเซลล์เชื้อเพลิงให้สามารถตอบโจทย์ในพลังงานทางเลือกปัจจุบันได้มากขึ้น โดยตัวเซลล์เชื้อเพลิงดังกล่าวจะมีหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าให้กับชุดระบบมอเตอร์ไฟฟ้า แต่แทนที่จะทำงานกับไฮโดรเจนเหมือนที่เรารู้จักกันดีตลอดหลายปี ระบบใหม่นี้สามารถทำงานกับเอทนอล ตลอดจนในอนาคตอาจจะพัฒนาให้สามารถใช้งานได้กับแก๊สธรรมชาติสำหรับรถยนต์ด้วย
นิสสันแถลงเกี่ยวกับ ระบบเซลล์เชื้อเพลิงชีวมวลใหม่ว่า มันอธิบายได้ค่อนข้างยาก แต่ระบบเซลล์เชื้อเพลิงนี้ลักษณะเป็นพลังงานไฟฟ้าชีวะ โดยใช้ไฮโดรเจนจากเอทายอลและเปลี่ยนถ่ายตัวไฮโดรเจนจากอุปกรณ์ที่เรียกว่า Reformer และอาศัยออกซิเจนในอากาศ ทำให้เกิดปฏิกิริยาไฟฟ้าเคมี เป็นพลังงานให้กับรถ หรือพูดอีกนัยหนึ่ง มันแปลงเอทานอลกลายเป็นไฮโดรเจน และจากนั้นไฮโดรเจนส่งเข้าเซลล์เชื้อเพลิงเพื่อเป็นพลังงานไฟฟ้า
แม้ว่าจะดูซับซ้อน แต่ความซับซ้อนกลับมาพร้อมความสามารถในการขับขี่มากขึ้น นิสสันเชื่อว่าเซลล์เชื้อเพลิงใหม่นี้จะสามารถให้พลังงานรถยนต์ขับเคลื่อนได้ถึง 373 ไมล์ หรือ 596 กิโลเมตร และที่สำคัญไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ใช้ในรถยนต์ปัจจุบันมากมายนัก เนื่องจากใช้วิธีการและแหล่งเก็บพลังงานแบบเดียวกับรถยนต์ในปัจจุบัน ซึ่งนับว่าเป็นข้อได้เปรียบของเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดนี้ และยิ่งกว่านั้น นิสสันยอมรับว่า ในประเทศแถบเอเชียหลายประเทศมีความนิยมในพลังงานทางเลือกประเภทที่มีเอทานอลผสม ทำให้ไม่จำเป็นต้องสร้างสถานีบริการไฮโดรเจนเพิ่มเติมอีกด้วย
แม้ว่าจะดูอีกยาวนานหนทางอีกยาวไกล แต่ท้ายสุด Nissan เชื่อมั่นว่าการพัฒนาของพวกเขาเดินมาถูกเส้นทางแล้ว โดยพวกเขาประมาณการว่า เจ้าระบบเซลล์ไฟฟ้าเชื้อเพลิงชีวมวลนี้ น่าจะพร้อมจำหน่ายได้ในราวๆปี 2020 โดยมันจะมีราคาเทียบเท่ากับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในปัจจุบัน
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com