ปิกอัพ ISUZU…..ที่สุดยานยนต์แกร่งยอดนิยมของไทย
- โดย : Autodeft
- 13 พ.ย. 60 00:00
- 312,927 อ่าน
ถ้าจะกล่าวแบรนด์รถยนต์ที่มีประวัติยาวนานโดยเข้าไปมีบทบาทหลายๆด้านของสังคมจนเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต เพื่อความอยู่ดีกินดี ขับเคลื่อนความเจริญทางเศรษฐกิจ มั่นคง มั่นคั่งและยั่งยืนมากว่า 60 ปี และแบรนด์รถยนต์ที่ผู้ใช้รถไว้ใจเลือกเป็นอันดับหนึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นคือแบรนด์รถที่ชื่อ “อีซูซุ”
ชื่อ ISUZU แปลว่า กระดิ่ง 50 ใบ เป็นชื่อของแม่น้ำ อีซูซุ อันศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลผ่านวิหารอิเสะ ตั้งอยู่ที่ เมืองอิเสะ จังหวัดมิเอะ อยู่ตอนกลางของเกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น โดยมีอายุมากกว่า 2,000 ปี ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าวิหารแห่งนี้เป็นที่สถิตขององค์สุริยเทพซึ่งถือเป็นบรรพบุรุษของราชวงค์ญี่ปุ่นที่ชื่อ “อามะ เทราสุ โอมิคามิ” ดังนั้นทุก ๆ ปีชาวญี่ปุ่นหลายล้านคนจะมาสักการะองค์เทพเจ้าฯ พร้อมนำน้ำอันบริสุทธิ์จากแม่น้ำ อีซูซุ มาปะพรมร่างกายเสริมสิริมงคลกับตนเอง และนี่จึงเป็นที่มาของแบรนด์รถชื่อดังของญี่ปุ่นในนาม อีซูซุตั้งแต่ปี พ.ศ. 2459
สำหรับเมืองไทย ISUZU ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสังคมตั้งแต่ปี พ.ศ 2500 โดยรถยนต์คันแรกที่นำเข้ามาจำหน่ายเป็นรถบรรทุก โดยบริษัท มิตซูบิชิ (ประเทศไทย) จำกัด หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2506 บริษัท มิตซูบิชิ (ประเทศไทย) จำกัด เริ่มต้นการประกอบรถยนต์ ISUZU และในปีพ.ศ.2509 ก่อตั้ง บริษัท อีซูซุ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อรับผิดชอบในการประกอบรถยนต์ ISUZU ภายในประเทศ ในปี พ.ศ. 2517 ก่อตั้งบริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เพื่อดำเนินการธุรกิจด้านการจัดจำหน่ายและศูนย์บริการ และในปี พ.ศ. 2530 ก่อตั้ง บริษัท อีซูซุเอ็นยิ่น แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อผลิตเครื่องยนต์ ISUZU ให้กับรถยนต์ ISUZU ทุกรุ่นที่จำหน่ายในเมืองไทย
นอกจากรถบรรทุกแล้ว ISUZU ยังมีรถปิกอัพจำหน่ายควบคู่กันและด้วยความโดดเด่นในด้านความแข็งแกร่ง ทนทาน ในยามบรรทุกหนัก แถมใช้ได้ทุกงานไม่ว่าจะงานราษฎร์ งานหลวงได้ด้วยเช่นกัน ที่ผ่านมา ISUZU ได้ก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาดรถปิกอัพเมืองไทยอย่างเต็มภาคภูมิด้วยการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ เป็นครั้งแรกของวงการรถยนต์เมืองไทย และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในการดำเนินธุรกิจ อีซูซุ ในเมืองไทยกว่า 60 ปี ทางเราขอรวบรวมที่สุดรถปิกอัพ ISUZU ยอดนิยมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เริ่มจาก
ISUZU ELFIN (TKD) พ.ศ. 2502 – 2510
จุดกำเนิดของปิกอัพอีซูซุเริ่มขึ้น โดย ISUZU ELFIN (TKD) เป็นหนึ่งในตระกูลรถบรรทุกรุ่น ELF เจนเนอเรชั่นแรก พัฒนาเป็นเวอร์ชั่นปิกอัพที่มีขนาดใหญ่ ถึง 1.75 ตัน ด้วยความยาว 4,690 มม. ความกว้าง 1,690 มม. ความสูง 1,865 มม. ฐานล้อ 2,800 มม. ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในยุคนั้น เพราะมีเครื่องยนต์ที่ทนทาน แกร่งฉกาจ เกาะถนนดีเยี่ยม บรรทุกของได้เต็มจุใจอย่างสมบูรณ์แบบ
ISUZU Faster (KBD) พ.ศ. 2516-2524
ในยุค 70 ที่ ISUZU ได้จับมือกับพันธมิตรอย่าง GM หรือ General Motors ทำให้มีการถ่ายทอดทางเทคโนโลยีร่วมกัน โดย ISUZU Faster (KBD) เป็นปิกอัพ 1 ตัน ดีไซน์โดดเด่นแบบรถเก๋งเพราะเป็นการนำส่วนหน้าของเก๋งรุ่น ISUZU Florian มาพัฒนาให้กลายเป็นปิกอัพแกร่งโดยจำหน่ายในเมืองไทยตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2516 จำหน่ายในรูปแบบตอนเดียวขับเคลื่อนสองล้อ เครื่องยนต์ประจำการนั้นเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร ในรหัส G161(84 แรงม้า) กับ G161 Z (94 แรงม้า) และในปี พ.ศ. 2521 สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการแนะนำเครื่องยนต์ดีเซล อีซูซุ ขนาด 2.0 ลิตร รหัส C190 ให้กำลังสูงถึง 62 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 4 สปีด ที่ให้ทั้งความประหยัดน้ำมัน ทนทาน เหมาะกับการใช้งานของรถปิกอัพ ถือเป็นการเปลี่ยนครั้งใหญ่ของวงการปิกอัพไทย เพราะในปัจจุบันรถปิกอัพเกือบทั้งหมดใช้เครื่องยนต์ดีเซล
ISUZU Faster Z (KBZ) พ.ศ. 2524-2531
เจเนอเรชั่นใหม่ของปิกอัพ ISUZU สานต่อความสำเร็จจากเจเนอเรชั่นที่แล้วเปลี่ยนแปลงใหม่หมด พร้อมนำเครื่องยนต์ดีเซล รหัส C190 ขนาด 2.0 ลิตร มาจำหน่ายคู่กับเครื่องยนต์เบนซิน แถมเปลี่ยนระบบส่งกำลังจากเกียร์ธรรมดา 4 สปีด เป็น 5 สปีด ต่อมา พ.ศ. 2526 แนะนำเครื่องยนต์ดีเซลรหัส C223 ขนาด 2.2 ลิตร แรงสุด 73 แรงม้า ห้องเผาไหม้แบบ "Swirl Chamber" และในรุ่นนี้ ได้สร้างปรากฏการณ์ให้สั่นสะเทือนวงการรถยนต์ ถึง 2 ครั้ง เริ่มจากปี พ.ศ. 2528 แนะนำรถปิกอัพห้องโดยสารกว้างหรือเรียกง่ายๆว่า ปิกอัพตอนครึ่ง “Spacecab” มาตรฐานใหม่เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายของผู้ใช้ จนเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง จนทำให้คำว่า “Spacecab” กลายเป็นคำเรียกของรถประเภทนี้ของผู้บริโภคชาวไทย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ในปี พ.ศ. 2529 อีซูซุได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการปิกอัพเมืองไทยด้วยการแนะนำเครื่องยนต์ดีเซลภายใต้ รหัส 4JA1 2.5 ลิตร เปลี่ยนระบบห้องเผาไหม้จาก "Swirl Chamber" เป็นระบบห้องเผาไหม้แบบ ฉีดตรง “Direct Injection” ได้แรงม้าสูงสุด 85 แรงม้า (เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม 12 แรงม้า ลดค่าน้ำมันกว่า 24 %) เลื่องชื่อเรื่องความแรงสุด ประหยัดน้ำมันสุด ออกสู่ตลาดจนได้รับการขนานนามว่าเป็น เทคโนโลยีระดับทองของวงการยานยนต์ พร้อมสโลแกนเก๋ๆ ใช้ 1 ปี น้ำมันฟรีตั้ง 3 เดือน และเครื่องยนต์ 4JA1 นี้ผลิตโดย บริษัท อีซูซุเอ็นยิ่น แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด
ISUZU Faster Z 2500 DI (TFR-TFS) พ.ศ. 2531-2540
หลังจากหมดยุค Faster Z (รหัส KBZ) เจเนอเรชั่นถัดมาถือกำเนิดขึ้นในตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2531 มาในรหัสใหม่ที่ชื่อ TFR-TFS ดีไซน์การออกแบบไฮเทคล้ำสมัยมากในยุคนั้นกับฉายา Golden Dragon หรือ มังกรทอง (เพราะในโฆษณาของปิกอัพ ISUZU รุ่นนี้ มีมังกรทองโผล่มาจากน้ำ) รุ่นนี้ยังได้รับรางวัลดีไซน์ยอดเยี่ยม Good Design Award (G Mark) จากญี่ปุ่น พร้อมกับนำเทคโนโลยีระดับทอง “Direct Injection” เครื่องยนต์ดีเซล 4JA1 2.5 ลิตร เพิ่มพลังแรงเป็น 87 แรงม้า ในช่วงแรกออกมาในแบบไฟหน้าตาลึก กระจกหูช้าง ที่ปัดน้ำฝนแบบซ่อนรูปสติกเกอร์รอบคัน ตัวหนังสือใหญ่ ISUZU และไม่มีมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ แต่ติดตั้งพวงมาลัยพาวเวอร์มาให้เลือก
หลังจากนั้นมีการปรับออพชั่นมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ในรุ่น Spacecab และมีการปรับอีกครั้งในปีต่อมาด้วยการตัดกระจกหูช้างออก ไฟหน้าแบบเต็มในรุ่น Spacecab พร้อมกระจังหน้าใหม่แบบเดียวกับอเมริกา
จนมาถึงปี พ.ศ. 2535 มีการเพิ่มพลังอีกครั้งในเครื่องยนต์ดีเซลรหัส 4JA1 2.5 ลิตร แรงสุด 90 แรงม้า พร้อมทางเลือกใหม่ถึง 2 รุ่นนั่นคือ Spacecab SLX ปิกอัพหรู เพิ่มออพชั่นทั้งเบาะผ้าเกรดหรู เข็มขัดนิรภัย 3 จุด เครื่องปรับอากาศจากโรงงาน ล้ออัลลอยลายเท่ขนาด 14 นิ้ว ตัวรถมาพร้อมสีบอรนซ์เงิน และ Rodeo 4WD ปิกอัพขับเคลื่อน 4 ล้อ ประกอบในเมืองไทยเป็นครั้งแรกและในปี พ.ศ. 2538 สร้างมาตรฐานความสะดวกสบายใหม่ด้วยการแนะนำรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อม Overdrive ติดตั้งกระจกไฟฟ้าและเซ็นทรัลล็อกมาใช้ในรถปิกอัพเป็นรายแรก และเป็นอีกหนึ่งรุ่นประวัติศาสตร์ที่สร้างยอดขายสูง สร้างความนิยมและสร้างชื่อมาตลอด และชูในเรื่องความแกร่ง อึด ทน อย่างสมบูรณ์แบบ
ISUZU Golden Power- Dragon Eyes - Dragon Power ปี พ.ศ. 2540-2545
ปี พ.ศ. 2540 จุดเปลี่ยนสำคัญของวงการปิกอัพเมืองไทย เมื่อ อีซูซุ เผยปิกอัพรุุ่นใหม่หมดพลังใหม่แห่งยนตกรรมระดับทอง ด้วยการแนะนำเครื่องยนต์ดีเซลไดเร็คอินเจคชั่น เทอร์โบ มาใช้ในรถปิกอัพเป็นรายแรกด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.8 ลิตร รหัส 4JB1-T และ 2.5 ลิตร 4JA1-T รวมถึงดีไซน์ใหม่หมดโค้งมนตั้งแต่หัวจรดท้าย จนมียอดจองอย่างถล่มทลาย รวมถึงเป็นส่วนหนึ่งกับยอดผลิตครบ 1 ล้านคัน หลังจากนั้นมีการปรับโฉมมาเรื่อยๆทั้งนำไฟหน้าตราเพชรหรือมัลตีรีเฟล็กเตอร์มาใช้พร้อมเพิ่มออพชั่นทั้งวิทยุเทปชั้นดีจาก SONY เบรกมือแบบคันโยกพร้อมกล่องคอนโซลกลาง และที่เปิดกระบะท้ายแบบเปิดตรงกลาง ในชื่อ Dragon Eyes
ในปี พ.ศ. 2542 แนะนำไฟหน้า Xenon มาใช้ในรถปิกอัพเป็นครั้งแรก ในชื่อ Super Dragon Eyes นอกจากนี้แนะนำระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ปรับเปลี่ยนระบบจาก 2 ล้อ เป็น 4 ล้อโดยไม่ต้องหยุดรถ (Shift-On-The-Fly = Fly In Four) พร้อมช่วงล่างแบบ Aussie Suspension และเพิ่มความหรูหรากับออพชั่นความสะดวกสบาย ในรุ่น Rodeo 4WD
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอีกครั้งในปี พ.ศ. 2543 คอนเซ็ปต์ “เพิ่มแรงม้าประหยัดน้ำมัน” ถือกำเนิดขึ้นด้วยการแนะนำเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบขนาด 3.0 ลิตร รหัส 4JH1-T แทนเครื่องเดิมดีเซลเทอร์โบ 2.8 ลิตร โดยแรงม้าเพิ่มขึ้น 25 แรงม้า ประหยัดมากขึ้น 17 % แรงสุด 120 แรงม้า ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.5 ลิตร รหัส 4JA1-T ยังจำหน่ายต่อไปในชื่อ Dragon Power และในปีเดียวกันแนะนำรุ่น 4 ประตู Double Cab ในชื่อรุ่น Cab4 โดย ISUZU เคลมว่าเป็นรุ่นที่ผลิตจากโรงงานโดยตรงทำให้ยุคนั้น มีทางเลือกที่หลากหลายขึ้น
ISUZU D-MAX ปี พ.ศ. 2545-2554
ปิกอัพสมบูรณ์แบบเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่เมืองไทย เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 รวมถึงได้ย้ายฐานการผลิตจากญี่ปุ่นมายังเมืองไทยด้วยการส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศต่างๆ มากกว่า 100 ประเทศในทวีปต่างๆ ทั่วโลกและยังนำกลยุทธ์การตลาดที่พัฒนาขึ้นในประเทศไทยในสไตล์ ตรีเพชรมาร์เก็ตติ้งสคูล เป็นแม่แบบให้กับผู้จำหน่ายอีซูซุทั่วโลกไปปรับใช้จนประสบความสำเร็จ
ตัวรถใหม่หมดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม พร้อมนวัตกรรมใหม่ทั้งระบบช่วงล่างหน้าแบบปีกนก 2 ชั้นพร้อมคอยล์สปริง ระบบพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พีเนี่ยนที่ออกแบบเพื่องานบรรทุกโดยเฉพาะ และในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ หันมาใช้ระบบควบคุม เปลี่ยนการขับเคลื่อนจากเดิมคันเกียร์สั้น มาเป็นแบบกดปุ่มด้วยระบบไฟฟ้าในชื่อ Touch-On-The-Fly
ในปี พ.ศ. 2546 ISUZU จุดประกายตลาดรถปิกอัพขับสองยกสูงให้โด่งดังด้วยการเปิดตัวรุ่น Hi-Lander ซึ่งต่อมารถประเภทนี้ได้รับความนิยมสูงสุด และมีสัดส่วนมากที่สุดในตลาดรถปิกอัพ หนึ่งปีต่อมาเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วยการเปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลสายพันธุ์แท้มาจำหน่ายทั้ง ขนาด 3.0 ลิตร รหัส 4JJ1-TC 146 แรงม้า กับ 2.5 ลิตร รหัส 4JK1-TC 116 แรงม้า ให้ผ่านมาตรฐานไอเสีย EURO 3 โดยมาแทนเครื่องยนต์เดิมทั้ง 4JH1-T 3.0 ลิตร และ 4JA1-T 2.5 ลิตร
ในปี พ.ศ. 2549 ส่งเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบรุ่นใหม่อีกครั้ง ในรหัส 4JJ1-TCX พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน VGS Turbo 3.0 ลิตร 163 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตันเมตรในรุ่นเกียร์ธรรมดา และ 333 นิวตันเมตรในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ทำตลาดควบคู่กับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบขนาด 3.0 ลิตร รหัส 4JJ1-TC 146 แรงม้า กับ 2.5 ลิตร รหัส 4JK1-TC 116 แรงม้า จนในปี พ.ศ. 2550 ซึ่งเป็นปีครบรอบการดำเนินธุรกิจ 50 ปี สามารถทำยอดผลิตครบ 2 ล้านคัน พร้อมกับนำออพชั่นใหม่ๆมาใช้ในรถปิกอัพทั้งไฟหน้า Projector เครื่องเล่น DVD จาก Kenwood พร้อมระบบนำทาง และกล้องมองหน้า-หลัง เพื่อความปลอดภัยในการจอดรถเป็นครั้งแรก และในปี พ.ศ. 2553 ตอบโจทย์คนยุคใหม่ ที่มีแนวทางการแต่งรถเป็นของตัวเองหรือชอบแนวชีวิตผจญภัย ด้วยการเปิดตัวรถปิกอัพไลฟ์สไตล์ครั้งแรก ในชื่อรุ่น X-Series ที่ตกแต่งด้วยโทนสีดำแดง อันเป็นเอกลักษณ์
ตลอดการทำตลาดของ ISUZU D-MAX ได้สร้างปรากฎการณ์ที่สื่อมวลชนไทยขนานนามว่า “อีซูซุดีแมคซ์ ฟีเวอร์” และจำหน่ายมากกว่า 10,000 คัน ภายใน 10 วันแรก ของการออกสู่ตลาดในเมืองไทย และได้ 1 ล้านคันในระยะเวลาเพียง 7 ปีเศษ
ISUZU D-MAX ปี พ.ศ. 2554-พ.ศ. 2562
สานต่อความสำเร็จจาก D-MAX รุ่นที่แล้ว ด้วยรุ่นใหม่หมด แถมยังสร้างกระแส “อีซูซุดีแมคซ์ ฟีเวอร์” อีกครั้งด้วยสถิติยอดจำหน่ายสูงสุด 15,000 คัน ใน 3 วัน ถึงแม้จะเจอเหตุการณ์มหาอุทกภัยครั้งใหญ่ของประเทศ ก็ตาม นอกจากนี้ยังแนะนำรุ่น V-Cross ปิกอัพขับเคลื่อน 4 ล้อ ออกจำหน่าย และยังเปิดโรงงานใหม่ ณ นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และตอบสนองความต้องการของตลาด หนึ่งปีให้หลัง ISUZU มียอดการผลิตรถทุกรุ่นในประเทศไทยครบ 2 ล้านคัน ในปี พ.ศ.2555 และ 3 ล้านคันในปี พ.ศ. 2559 โดยแนะนำเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ดีเซลเทอร์โบแปรผันในรหัส 4JK1-TCX 136 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร และพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผัน 3.0 ลิตร รหัส 4JJ1-TCX แรงสุด 177 แรงม้า แรงบิดมากสุด 380 นิวตันเมตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติลูกใหม่ 5 สปีดพร้อมระบบ Rev-Tronic ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.5 ลิตร รหัส 4JK1-TC 116 แรงม้ายังจำหน่ายเช่นเดิม
ปี พ.ศ. 2558 ISUZU ตอกย้ำการเป็นผู้กำหนดทิศทางของเครื่องยนต์ดีเซล มาตรฐานใหม่ที่เหนือกว่าคำว่า “ที่สุด” กำลังเครื่องยนต์สูงสุด ประหยัดน้ำมันสูงสุด และค่ามลพิษต่ำสุด ด้วยการแนะนำเครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็กสุด 1.9 ลิตร 150 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร รหัส RZ4E-TC พร้อมระบบส่งกำลัง 6 สปีด มาใช้ในรถปิกอัพเป็นครั้งแรกของไทยและของโลก ในชื่อ ISUZU D-MAX 1.9 Ddi Blue Power และได้รับความนิยมอย่างท่วมท้นจากผู้ใช้รถในประเทศไทย สร้างปรากฎการณ์ที่สื่อมวลชนไทยเรียกว่า “ปรากฏการณ์ อีซูซุบลูเพาเวอร์”
ด้านความทนทานของยอดเครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power พิสูจน์แล้วกับการทดสอบสุดหฤโหด ถึง 2 ครั้งขับโดยผู้ใช้รถ ISUZU ตัวจริงและเป็นบทพิสูจน์ที่ไม่มีใครเลียนแบบได้ หรือกล้าทำมาก่อนนอกจาก ISUZU เริ่มจากในปี พ.ศ.2558 ระยะทาง 5,755 กม. วิ่งทั้งวันทั้งคืนไม่ดับเครื่องยนต์ ผ่าน 3 ประเทศ ไทย-ลาว-จีน (อุรุมชี) ผจญกับอุปสรรคต่างๆนานา ทั้งพายุฝน ลมแรง อากาศหนาวขั้นติดลบ ทางเขาลาดชัน ดินถล่ม และการจราจรอันคับคั่งของเมืองใหญ่ แต่ก็สามารถถึงจุดหมาย ณ เมืองอุรุมชี อย่างปลอดภัย
ภารกิจพิสูจน์ความ อึด ถึก ทน ของนวัตกรรมเปลี่ยนโลก ก็เริ่มขึ้นกับเส้นทางที่ยาวที่สุดกว่าครั้งก่อน ด้วยระยะทาง 6,128 กม. วิ่งทั้งวันทั้งคืนไม่ดับเครื่องยนต์ ผ่านปักกิ่ง (กำแพงเมืองจีน) – ออร์โดส – ซีอาน รวม 80 ชั่วโมง 3 นาที ผ่านสภาพเส้นทางโหดทุกรูปแบบทั้ง ภูเขาลาดชัน หุบเหว ทะเลทรายและทางฝุ่น พายุฝน ลมกรรโชกแรง อากาศหนาวในยามค่ำคืน และร้อนจัดเกินกว่า 40 องศาในช่วงกลางวัน รวมถึงการจราจรอันคับคั่งของเมืองใหญ่ แต่ก็สามารถถึงจุดหมาย ณ เมืองซีอานแบบสบายๆ และปลอดภัย
ปี พ.ศ. 2559 ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ ISUZU ในประเทศไทย เมื่อยอดการผลิตรถทุกรุ่นในประเทศไทยครบ 4 ล้านคันรวมถึง ได้ขยายธุรกิจการจัดจำหน่ายรถปิกอัพ ISUZU D-MAX ออกไปยังประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และราชอาณาจักรกัมพูชา และเปิดตัวรุ่น V-Cross MAX สปอร์ตออฟโรดสุดหรูพลังดี...เปลี่ยนโลก
ฉลอง 60 ปีทองอีซูซุ (ปี พ.ศ. 2560) ด้วยการเผยโฉมหล่อใหม่ New ISUZU D-MAX Blue Power ทั้งเครื่องยนต์ 1.9 และ 3.0 Ddi Blue Power ขีดสุดแห่งนวัตกรรมเปลี่ยนโลก ที่ได้สร้างปรากฎการณ์ใหม่อีกครั้งด้วยยอดจองภายในงาน 60 ปีทองอีซูซุ 8 ชั่วโมง 1 พันคัน นับเป็นสิ่งอัศจรรย์ที่ไม่มีรถยนต์ยี่ห้อไหนทำได้มาก่อน
ปี พ.ศ. 2561 สั่งลาปิกอัพยอดนิยมแบบทะยานเหนือชั้น ดุดันทุกองศากับการแนะนำรุ่นพิเศษ ISUZU D-MAX Hi-Lander STEALTH โดยชื่อ STEALTH ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องบินรบ STEALTH ที่มีภาพลักษณ์แสดงถึงความแข็งแกร่ง ดุดัน ล้ำสมัยเหนือระดับ ดุดันในทุกองศาจากชุดแต่ง STEALTH BLACK PACKAGE ดีไซน์พิเศษ พร้อมความโดดเด่นด้านสมรรถนะ จากเครื่องยนต์ 1.9 และ 3.0 Ddi Blue Power มีให้เลือกทั้งรุ่น 2 ประตูและ 4ประตู พร้อมปรับรุ่น Hi-Lander ปกติด้วยล้ออัลลอย 18 นิ้ว ลายใหม่ และปรับลุคใหม่ของสปอร์ตออฟโรด ISUZU D-MAX V-Cross MAX ตอกย้ำความเป็นแชมป์ออฟโรดกวาดเรียบ 5 ปีซ้อน กับการแข่งขันรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ครอสคันทรี่แรลลี่นานาชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียอย่าง Asia Cross Country Rally
ในปีเดียวกันจัดแข่งขัน “แชมป์ประหยัดน้ำมันอัจฉริยะ ISUZU Insight Fuel Economy Contest” พิสูจน์ความเป็นสุดยอดนักขับอัจฉริยะระดับประเทศบนเส้นทางปีนัง-มะละกา เปิดแอร์ตลอดเส้นทาง ตอกย้ำสมรรถนะความประหยัดน้ำมันโดยผู้ใช้รถตัวจริงบนเส้นทางรวม 520.20 กม. ด้วย ISUZU Insight เทคโนโลยีอัจฉริยะหนึ่งเดียวของอีซูซุที่ช่วยพัฒนาการขับขี่ให้ดีขึ้น ปลอดภัยยิ่งขึ้น ประหยัดน้ำมันมากขึ้นและในปี พ.ศ. 2562 บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ พระเอกหนุ่มชื่อดัง “ซูเปอร์ พรีเซนเตอร์อีซูซุ” ขับรถปิกอัพ “ISUZU 1.9 Ddi Blue Power” มาตรฐานโรงงาน พร้อมน้ำมันหนึ่งถัง เดินทางจากมหานครเซี่ยงไฮ้สู่เมืองฉางซา ระยะทางรวม 1,212 กิโลเมตร ได้สถิติอัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย “24.99 กม./ลิตร” โดยน้ำมัน 1 ถังยังเหลือ
All New ISUZU D-MAX ปัจจุบัน
วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2562 พลานุภาพ...พลิกโลก เกิดขึ้นครั้งแรกของโลกที่เมืองไทยกับ All New ISUZU D-MAX ปิกอัพใหม่หมดที่เหนือกว่าคำว่าปิกอัพ” (Beyond the Pickup) ผลงานความสมบูรณ์แบบล่าสุดจาก DNA แห่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์อันยอดเยี่ยมของอีซูซุ ภายใต้แนวคิด BOLD, EMOTIONAL and SMART ดีไซน์ใหม่หมดทุกมิติจากภายนอกจรดภายใน พร้อมขุมพลังใหม่ ISUZU Ddi Blue Power ทั้งเครื่องยนต์ 3.0 ลิตรใหม่ 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร และ เครื่องยนต์ 1.9 ลิตร GEN2 พัฒนาใหม่ 150 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร รวมถึงออพชั่นใหม่ๆครั้งแรกในวงการกับ กระจกบังลมหน้าแบบ IR Cut ช่วยกรองรังสีอินฟราเรด ป้องกันรังสี UVA และ UVB ช่วยลดอุณหภูมิในห้องโดยสาร พร้อมความใส่ใจต่อสุขภาพ ด้วย High Efficiency Filter ระบบกรองอากาศเข้าห้องโดยสาร สามารถดักฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ถึงระดับ PM 2.5 นอกจากนี้ ประกาศอีกหนึ่งความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ นั่นคือ วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2562 ยอดการผลิตรวมของรถ ISUZU ในประเทศไทยสูงกว่า 4 ล้านคันแล้ว ถึงแม้ว่ารถปิกอัพรุ่นใหม่นี้จะออกจำหน่ายภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างยิ่งของตลาดรถยนต์เมืองไทย แต่ ISUZU เชื่อมั่นว่ารถรุ่นใหม่นี้จะได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากผู้ใช้รถชาวไทย อย่างแน่นอน
และในปี พ.ศ. 2563 มีการแนะนำทางเลือกใหม่สำหรับวัยรุ่นสร้างตัวที่รักความสบายด้วยการเพิ่มรุ่นเกียร์อัตโนมัติในรุ่นตัวเตี้ย ทั้งแบบ Spark ตอนเดียว, Spacecab และ CAB4 รุ่น S เครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power พร้อมระบบความปลอดภัยเต็มคัน และ รุ่น X-Series ปิกอัพแต่งเสร็จจากโรงงานเติมเต็มความสปอร์ต เติมเเต็มความแรง ต่อยอดการตกแต่งแบบเร้าใจ และเมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ.2564 เป็นปีที่ฉลองความสำเร็จในการผลิตรวมของรถ ISUZU ในประเทศไทยสูงกว่า 5 ล้านคัน และครบรอบ 55 ปีของการก่อตั้งบริษัท อีซูซุ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถปิกอัพ รถอเนกประสงค์ และรถบรรทุก ISUZU เมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ.2564
คำขอบคุณจากคนไทยทั้งประเทศที่เชื่อมั่นในรถปิกอัพ ISUZU ตลอดจนสนับสนุนให้ธุรกิจของ ISUZU เติบโตเคียงคู่สังคมไทยอย่างมั่นคง ทำให้ ISUZU ยังคงสรรค์สร้างยานยนต์ด้วยเทคโนโลยีที่ยกระดับการขับขี่และการบริการที่พร้อมตอบสนองผู้ใช้รถอย่างแท้จริง รวมถึงยืนหยัดอยู่เคียงข้างผู้ใช้รถเสมอ ทั้งยามทุกข์และยามสุข มากว่า 6 ทศวรรษ ตาม “วิถีอีซูซุ” ที่ยึดมั่นมาโดยตลอด และยังคงยึดมั่นตลอดไป นั่นคือ “ผู้ใช้สุขใจ เพิ่มพูนรายได้ ช่วยให้สังคมพัฒนา”
บทความโดย นายเต้ย (ปรับปรุงข้อมูล ณวันที่ 26 กรกฎาคม 2564)
เอื้อเฟื้อข้อมูลโดย บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com