รถมือสองรุ่นเด่น Honda Jazz (GD) รุ่นแรกสุดน่ารัก ขับเดิมก็ดีจะแต่งก็ยิ่งสวย อะไหล่เพียบ!!
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 6 พ.ค. 63 00:00
- 64,430 อ่าน
ย้อนกันไปถึงประวัติที่มาของ Honda Jazz รุ่นแรกในไทยกันเล็กน้อย ก่อนที่เราจะไปดูความโดดเด่นของรถรุ่นนี้ในตลาดรถมือสอง ซึ่ง ฮอนด้า แจ๊ส เจนแรกได้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2003 หรือ พ.ศ. 2546 ช่วงปลายปี ซึ่งเป็นโฉมเดียวกันกับที่เปิดตัวไปแล้วที่ญี่ปุ่น 2 ปีก่อนหน้า ปี 2001 โดยในญี่ปุ่นบ้านเกิดใช้ชื่อว่า Honda Fit นับเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ 5 ประตู ที่มาปลุกกระแสความนิยมได้ไม่น้อยเลย
**(อัพเดตเนื้อหาล่าสุด มิถุนายน 2024)
ขุมพลังสำหรับ Honda Jazz (GD) รุ่นแรกในไทย
นั้นนำเสนอด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 88 แรงม้า i-DSi ก่อนที่ในปีถัดมา ปี 2004 จะได้แนะนำขุมกำลังใหม่ขนาด 1.5 ลิตร VTEC เข้ามา แน่นอนว่ามีพละกำลังที่เพิ่มมากขึ้นที่ระดับ 110 แรงม้า โดย Honda Jazz (GD) รุ่นแรกในไทยนั้นมาพร้อมกับระบบเกียร์ธรรมดา และเกียร์ CVT ที่บนพวงมาลัยนั้นเราสามารถที่จะกดเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ได้ 7 จังหวะ
ขอขอบคุณภาพโบรชัวร์จาก thaicarbrochurecollection
ความแตกต่างของ FIT และ Jazz ในไทย
หากสังเกตจากภายนอกได้เด่นๆ ก็จะพบว่าใน Jazz จะมีคิ้วกันกระแทกที่ประตูทั้ง 4 บาน โลโก้ท้ายรถ ออพชั่นของชุดโคมไฟหน้า ภายในอาจสังเกตได้หลายจุดทั้งพวงมาลัยที่ดีไซน์แตกต่างกัน ลายของเบาะที่นั่งในบางรุ่น หน้าปัดรถ หัวเกียร์ เป็นต้น
ซึ่งรถใหม่ Honda Jazz (GD) ในตอนนั้นโดดเด่นมาด้วยรูปลักษณ์สุดน่ารัก กับขนาดตัวรถที่เล็กกะทัดรัด แต่ภายในนั้นมีห้องโดยสารที่กว้างขวางเกินตัว และสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ภายในได้อย่างหลากหลาย ทั้งการปรับพับเบาะรูปแบบต่างๆ และด้วยความโดดเด่นของเบาะแถวหลังที่สามารถพับให้เรียบ หรือจะยกส่วนของตัวเบาะรองนั่งขึ้นมาก็ยังได้อีกด้วย ก่อนที่จะมีการปรับโฉม minor change ในช่วงต้นปี 2006 และในปีถัดมา ปี 2007 ในญี่ปุ่นก็มีการเปิดตัว Honda Jazz เจนเนอเรชั่นที่ 2 ใหม่ หรือที่เราเรียกกันว่า GE และเข้ามาเปิดตัวในไทยในปี 2008
ตลาดรถมือสองสำหรับ Honda Jazz เจนเนอเรชั่นแรก
หรือที่ในตลาดรถมือสองนิยมเรียกกันว่า Jazz GD ในปี 2024 นี้ ก็มีอายุที่นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกมาแล้วมากกว่า 21 ปี กับราคารถเริ่มต้นในตอนนั้นที่ประมาณ 5 แสนกว่าบาท ซึ่งในตลาดรถมือสองปี 2024 นี้ คุณสามารถที่จะจับจองเป็นเจ้าของรถมือสองอย่าง Honda Jazz (GD) ได้ในระดับราคา 60,000 ไปจนถึงราว 2 แสนกว่าบาท กับเลขไมล์ของรถที่อาจจะพบได้หลักเกินแสนกิโลเมตร ไปจนถึงหลายแสนกิโลเมตร กับช่วงเวลาหลาย 10 กว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะหากคุณสามารถหารถมือสองที่เคยมีเจ้าของเพียงมือเดียวได้ ก็น่าจะง่ายมากขึ้นในการสอบถามประวัติรถ และรถคันนั้นอาจจะยังมีประกันภัยชั้น 1 อยู่อีกด้วย
คู่มือการซื้อรถยนต์มือสอง สำหรับมือใหม่ ที่กำลังมองหารถมือสองมาครอบครอง
เรียกได้ว่าหากคุณมีงบประมาณระดับแสนต้นในการซื้อรถมือสองสักคัน Honda Jazz (GD) จึงนับได้ว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย ด้วยการดูแลบำรุงรักษาที่ง่าย ซ่อมง่ายไม่ซับซ้อน อะไหล่ใหม่ที่ยังสามารถเบิกศูนย์ได้อยู่ รวมไปถึงอะไหล่มือสองจากญี่ปุ่นบ้านเกิด ที่ต้องบอกว่าในปัจจุบันนี้นั้น ราคาอะไหล่ Honda FIT จากญี่ปุ่นที่สามารถมาใช้ร่วมกับ Jazz GD บ้านเราได้ ไม่สูงเลยเมื่อเทียบกับแต่ก่อน และยังมีคนนำเข้าอะไหล่มาเรื่อย ๆ ทั้งแร็คพวงมาลัยไฟฟ้า เครื่องยนต์ เกียร์ ดิสก์เบรก อะไหล่ตัวถังต่าง ๆ ทั้งประตูข้าง ฝากระโปรง ซันรูฟ ช่วงล่าง ยางขอบประตู เป็นต้น เรียกได้ว่ามีอะไหล่แทบจะทุกชิ้นกันเลย
ยกตัวอย่างฝากระโปรงท้าย ฝากระโปรงหน้า ที่อะไหล่มือสองจากญี่ปุ่นอยู่ในราคาไม่เกิน 3,000 บาท ไหนจะมีโคมไฟหน้า โคมไฟท้ายในแบบ FIT ที่สามารถหาซื้อในสภาพสวยๆ เริ่มต้นที่หลัก 2,000 บาท ไปจนถึงระดับไม่เกิน 6,000 บาท แตกต่างกันไปในแต่ละออพชั่นของชุดโคมไฟที่มีทั้งไฟหน้าหลอดธรรมดา H4 หรือแบบซีนอน โคมดำ โคมไทเทเนียม หรือโคมตามสีตัวรถ โดยเฉพาะไฟท้ายที่ในวงการเรียกกันว่าเคลียเลนส์ก็มีราคาอยู่ที่ระดับ 5-6 พันบาท ตามแต่สภาพและต้นทุนของร้านที่นำเข้ามาขาย
หรือใครที่ต้องการวางเครื่องยนต์และเกียร์ใหม่วิ่งน้อยจากญี่ปุ่น คุณสามารถหาเครื่องยนต์ที่วิ่งมาเพียงไม่กี่หมื่นกิโลเมตรได้อยู่ ซึ่งราคาเครื่องยนต์พร้อมวางจบนี้ก็จะอยู่ที่ราว ๆ 2-3 หมื่นกว่าบาท ขึ้นอยู่กับสภาพความสดใหม่และอะไหล่ที่จะต้องเปลี่ยนเมื่อพบการสึกหรอ และอู่ที่ชำนาญ Honda Jazz (GD) ในไทยก็ยังมีความชำนาญไม่น้อยกับรถรุ่นนี้ สามารถที่จะยกวางเครื่องยนต์และเกียร์เข้าไปใหม่ได้ภายใน 1 วันเท่านั้น จึงทำให้ในเรื่องของการซ่อมแซมและบำรุงรักษานั้นค่อนข้างหายห่วงไปได้เลย
และเมื่อมาดูตัวเลขราคารถมือสองที่สูงเกือบ 2 แสนบาท ของรถมือสอง Honda Jazz (GD) ในไทยแล้ว หลายคนอาจรู้สึกได้ว่าราคาสูงไม่น้อย ในตอนนี้เพียงเงินต่ำกว่าแสนบาทก็สามารถหาซื้อรถเดิม ๆ ได้แล้ว แต่สภาพอาจไม่ได้สวยกริ๊บนัก แต่ในตลาดสำหรับคนที่เล่นรถ Honda Jazz (GD) และนิยมการตกแต่งรถในสไตล์ ๆ ต่าง และแบบ JDM ก็ถือว่ายังมีความต้องการอยู่เป็นช่วง
การตกแต่งรถมือสอง Honda Jazz (GD)
ไม่ว่าจะเป็นการนำเอา Honda Jazz (GD) ในบ้านเรา มาตกแต่งกับชุดแต่งต่าง ๆ เช่น Mugen และ Modulo หรือการตกแต่งให้เป็นเหมือนรถเดิมสเปคญี่ปุ่น JDM จึงมีกลุ่มที่ตกแต่งรถเหล่านี้นำอะไหล่ Honda FIT ทั้งคันจากญี่ปุ่นมาสลับอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าไปในรถบ้านเรา ยกตัวอย่างเช่น ระบบกุญแจคีย์การ์ด immo ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พวงมาลัย แป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย เครื่องยนต์ เกียร์ เบาะที่นั่ง คอนโซลกลาง เป็นต้น ซึ่งจุดสังเกตอย่างหนึ่งของเบาะที่นั่งของ FIT ที่แตกต่างจากเบาะรุ่นที่ขายในไทยก็คือ เบาะคู่หน้าของ FIT จะสามารถถอดหัวหมอนออกมาและปรับเอนลงและเชื่อมต่อกับเบาะแถวหลังได้พอดี แต่เบาะของ Jazz ในไทยนั้นจะค่อนข้างที่จะยาวกว่านั้นเอง
นอกจากการที่จะย้ายอะไหล่ FIT ญี่ปุ่น ใส่ในรถ Jazz GD บ้านเราแล้ว การรื้ออะไหล่เดิมรถออกต่างๆ จึงทำให้สายแต่งนิยมทำสีใหม่ทั้งคันไปทีเดียวพร้อมกัน โดยราคาค่าทำสีใหม่ก็จะอยู่ที่ตั้งแต่ราว 2 หมื่นบาท ไปจนถึงระดับ 8 หมื่นบาท หากถามถึงความแตกต่างของราคาค่าทำสีที่ราว 8 หมื่นบาทนั้นอยู่ที่สีที่ใช้ การรื้ออุปกรณ์ในรถเดิมออกทั้งหมดให้เหลือแต่เพียงโครงรถเท่านั้น
แล้วทำการพ่นสีใหม่ทั้งคันภายนอก-ภายใน รวมไปถึงห้องเครื่องและใต้ท้องรถ เรียกได้ว่าเริ่มประกอบรถใหม่ยกคัน ราคาค่าทำสีแบบนี้จึงค่อนข้างสูง แต่เมื่อทำเสร็จแล้วรถจะมีความสมบูรณ์มากทีเดียว เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ในตลาดมือสองมีราคาขายของ Jazz GD ที่มีราคาสูงกว่ารถเดิมปกติ ซึ่งอาจจะไม่ได้พบเห็นกันบ่อยนักกับราคาที่ค่อนข้างสูงนี้ แต่หากคุณไม่ใช่สายแต่ง JDM หรือสำนักแต่งต่างๆ แล้ว ในราคาแสนต้นไปถึงไม่เกิน 2 แสนนิดๆ ก็จะสามารถหารถมือสองสภาพสวยที่เก็บงานพร้อมใช้งานได้แล้ว
แต่ในบางอะไหล่รวมไปถึงของแต่งสำหรับ Honda Jazz / FIT (GD) นั้นในตอนนี้ ก็ถือได้ว่ามีราคาที่สูงมากทีเดียว อาจด้วยจากจำนวนที่น้อย และความต้องการที่มาก ยกตัวอย่างเช่น กระจังหน้าปีก Modulo ที่ราคาซื้อขายในตอนนี้อยู่ที่ราวหมื่นกว่าบาท ซึ่งกระจังหน้ามือสองปกติสามารถหาซื้อได้ในราคาหลักพันบาทเท่านั้น หรือจะเป็นของแต่งจากสำนักแต่งชื่อดังอย่าง SPOON ทั้งฝากระโปรงหน้าคาร์บอน สปอยเลอร์หลังคาร์บอน เบาะหลังแข็ง ที่ไม่มีผลิตใหม่แล้วสำหรับ GD จึงทำให้ราคามือสองในตลาดพุ่งขึ้นไม่น้อยทีเดียว
ข้อควรระวังในการเลือกซื้อ Honda Jazz (GD) มือสอง
ก็ไม่แตกต่างจากการซื้อรถมือสองทั่ว ๆ ไป เราควรต้องเช็คสภาพตัวถังว่ามีการชนหนักมาหรือไม่เป็นหลัก รองลงมาเป็นระบบต่างๆ ของรถ สามารถใช้งานได้ปกติหรือไม่ เกียร์รถเข้าแล้วมีอาการกระตุกผิดปกติหรือไม่ เป็นต้นนั้นเอง และเมื่อพูดถึงสมรรถนะการขับขี่ Honda Jazz (GD) ก็ยังให้การตอบสนองที่เพียงพอไม่ว่าจะเป็นในเมืองหรือนอกเมือง ซึ่งอาจจะเน้นที่การใช้งานในเมืองที่น่าจะเหมาะกว่า ด้วยอัตราการประหยัดน้ำมันที่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ประหยัด พวงมาลัยที่เบาควบคุมง่ายในเมือง ช่วงล่างที่ไม่ได้แข็งกระด้างสามารถใช้งานได้ทุกวันแบบสบาย รวมไปถึงอัตราเร่งของเครื่องยนต์และเกียร์ยังสามารถตอบสนองได้ดี
คู่มือการซื้อรถยนต์มือสอง สำหรับมือใหม่ ที่กำลังมองหารถมือสองมาครอบครอง
และในโซเชียลก็ยังมีพี่ ๆ ที่น่ารัก ที่ดูแลกัน ตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับรถ Honda Jazz (GD) รวมไปถึงแบ่งปันอะไหล่ต่างๆ ในการซ่อมแซมหรือบำรุงรักษา รวมไปถึงของแต่งต่างๆ ที่มาแบ่งปันกันอย่างเป็นกันเอง สำหรับใครที่สนใจ ก็สามารถเข้าไปศึกษาพูดคุยกับพี่ๆ ที่ใช้งาน Jazz GD กันได้ที่นี่ GD Club Thailand และ Honda Jazz GD Club Thailand เพราะประสบการณ์ตรงจากผู้ใช้งานจริงน่าจะเป็นข้อมูลในการตัดสินใจได้ดีที่สุด...
ขอขอบคุณภาพประกอบรถยนต์ Honda Jazz GD จากทาง GD Club Thailand
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com