เดินสำรวจรถไฟฟ้าในงาน Motor Show 2018 (ภาครถยนต์)
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 29 มี.ค. 61 00:00
- 41,578 อ่าน
กระแสโลกยานยนต์วันนี้ ส่วนใหญ่แล้วเริ่มมุ่งหน้าไปรถยนต์แบบเสียบปลั๊กหรือใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนกันแล้ว ไม่ว่าจะมาในรูปแบบ EV ไฟฟ้าล้วน, Plug-in Hybrid หรือแบบ Hybrid ก็ตาม รวมทั้งตลาดรถยนต์ในบ้านเราก็ตาม คงฝืนกระแสของตลาดโลกไม่ไหว ถึงแม้ว่าตลาดในประเทศไทยจะยังไม่ตื่นตัวเรื่องสิ่งแวดล้อมมากเท่าที่ต่างประเทศก็ตาม และในงาน Bangkok International Motor Show 2018 ที่กำลังจัดขึ้นครั้งนี้ ก็มีหลายค่ายที่ใ
Tesla
แน่นอนว่ายี่ห้อแรกที่ทำให้ตลาดรถยนต์สะเทือนด้วยการส่งรถยนต์ไฟฟ้า Electric Vehicle ลงสู่ตลาดโดยไม่สนใจเจ้าของตลาดเดิมที่ยังใช้เครื่องยนต์แบบสันดาปภายในกันอยู่ นั่นคือ Tesla นั่นเอง ถึงแม้ว่าในประเทศไทยยังไม่มีค่ายไหนเป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการ แต่ก็มีค่ายเกรย์บางค่ายที่นำเข้ามาจำหน่ายกันแล้ว แต่ค่ายที่เอาจริงเอาจังที่สุด คงต้องยกให้กับค่าย Sharenovation กลุ่มทุนเดียวกับ บริษัท ชาริช โฮลดิ้ง จำกัด ผู้จัดจำหน่าย Ducati อย่างเป็นทางการนั่นเองโดยชาริช โฮลดิ้ง เป็น Distributor ของ Unplugged Performance กับ RevoZport อุปกรณ์แต่งรถ Tesla โดยในงาน Motor Show ครั้งนี้ ได้มีการนำ Tesla เข้ามาอวดหล่อกัน 1 รุ่น 2 เวอร์ชั่น นั่นคือ Tesla Model X รถยนต์ไฟฟ้า SUV 7 ที่นั่ง โดยมีมาทั้งตัว 75D และ 100D ซึ่งตัว Tesla X 75D ตั้งราคาขายเอาไว้ 6,780,000 บาท และ 100D ตั้งราคาไว้ที่ 7,980,000 บาท แต่ถ้าต้องการความแรงมากกว่านี้ ก็สามารถเลือกซื้อเป็น Tesla Model X P100D ตัวแรงที่สุดของรุ่นนี้ได้ในราคา 11,380,000 บาท และสามารถสั่งแบบ Custom ได้เหมือนกับสั่งจากทาง Tesla ผ่านทางเวบไซต์ด้วยตัวเอง ใครอยากลองสัมผัสตัวจริง ก็ลองแวะไปได้ครับ
Hyundai Ioniq
รถยนต์ไฟฟ้าจากแดนกิมจิ Hyundai Ioniq ก็กลับเอามาแสดงตัวจริงที่งาน Motor Show ด้วยอีกครั้ง หลังจากเมื่อปลายปีที่แล้วได้นำมาแสดงแล้วในงาน Motor Expo 2017 ระบบขับเคลื่อนเป็นการขับเคลื่อนโดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าชนิดซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร ที่ให้พละกำลังสูงสุด 120 แรงม้า (88kW) แรงบิดสูงสุด 295 นิวตัน-เมตร เชื่อมต่อผ่านระบบเกียร์แบบ single-speed ที่สามารถเลือกตำแหน่งเกียร์ผ่านปุ่มกดบริเวณคอนโซลกลาง และสามารถพารถยนต์ไปที่ความเร็วสูงสุดที่ 165 กิโลเมตร/ชั่วโมง แบตเตอรี่สำหรับเก็บพลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเป็นแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน โพลิเมอร์ โดยเป็นแบตเตอรี่ขนาด 28 kWh ที่สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดที่ 280 กิโลเมตร ใช้เวลาในการชาร์จไฟแบบปกติอยู่ที่ 4 ชั่วโมง 25 นาที โดยประมาณ และการชาร์จไฟแบบ quick charge อยู่ที่ 30 นาทีโดยประมาณ ด้วยกำลังการชาร์จไฟขนาด 50 kW และ 23 นาทีโดยประมาณ ด้วยกำลังการชาร์จไฟขนาด 100 kW โดยแบตเตอรี่นี้ ถูกติดตั้งอยู่ใต้ที่นั่งของผู้โดยสารตอนหลัง แต่ยังคงไว้ซึ่งพื้นที่ที่สามารถบรรจุสัมภาระได้สูงสุดถึง 650 ลิตร
Nissan Leaf
รถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายรวมกว่า 300,000 คันในเจนเนเรชั่นที่ 1 ครั้งนี้ Nissan Leaf เจน 2 กHได้เอามาอวดโฉมตัวจริงที่ประเทศไทยแล้ว ขุมพลังเป็นมอเตอรไฟฟ้าเวอร์ชั่นใหม่รุ่น EM57 มาประจำการ ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่แบบ Li-ion battery ที่มีความจุ 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ สามารถวิ่งไกลสุด 400 กม./ การชาร์จ 1 ครั้ง (ตามมาตรฐาน JC08 ของญี่ปุ่น) และยังชาร์จได้ตามใจชอบตั้งแต่ชาร์จปกติแบบ 8 ชั่วโมง (6 kW) กับชาร์จแบบ 16 ชั่วโมง (3kW) เอาใจคนชอบรวดเร็วด้วยการชาร์จด่วน แบบ 40 นาที หรือ Quick Charging ซึ่งทางนิสสันยืนยันแล้วว่า จะเอามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการภายในปีนี้แน่นอน
BYD
รถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ที่นำเข้ามาโดยบริษัท ไรเซน เอนเนอร์จี จำกัด ที่เป็นการร่วมลงทุนกันระหว่าง บริษัท ชาริช โฮลดิ้ง จำกัด บริษัทตัวแทนจำหน่ายจักรยานยนต์แบรนด์ดัง Ducati และ Royal Enfield, บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อความบันเทิง AJ แสดงรถยนต์ไฟฟ้าในรูปแบบที่หลากหลาย แน่นอนว่าตัวเด่นสุดจะต้องเป็น BYD E6 รถยนต์ MPV แบบไฟฟ้า แต่งมาในมาดของรถแท็กซี่ VIP รักษ์โลก ตัวมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุดที่ 121 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ทำความเร็วสูงสุดได้ 140 กม./ชม. ตัวแบตเตอรี่เป็นแบบ Iron-Phosphate หรือ Fe Battery ที่สามารถเก็บไฟได้ 80 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำให้ BYD E6 สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดประมาณ 300 กิโลเมตร/การชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง ใช้ระยะเวลาในการชาร์จแบบ VTOG 40kW ที่ประมาณ 2 ชั่วโมง และแบบปกติที่ประมาณ 8-9 ชั่วโมง
รวมทั้งยังมีรถโดยสารขนาดกลางแบบไฟฟ้า 100% ที่มีแบตเตอรี่ขนาด 135 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถขับเคลื่อนรถให้วิ่งได้ไกลสุด 200 กิโลเมตรจากการชาร์จ 1 ครั้งด้วยระยะเวลาเพียง 3 ชั่วโมง แถมรับประกันระยะเวลา 8 ปี 500,000 กิโลเมตร
นอกจากนี้ ก็ยังมีรถไฟฟ้าสำหรับไว้ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นรถยกที่สามารถใช้งานได้ 6 ชั่วโมงจากการชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ขนาด 21.6 กิโลวัตต์ชั่วโมงได้ภายใน 90 นาที หรือจะเป็นรถหัวลากของ ที่มีแบตเตอรี่ขนาด 43.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จไฟให้เต็มได้ใน 2.5 ชั่วโมง เพื่อให้ใช้งานได้ถึง 6 ชั่วโมง
โดย BYD นั้นเน้นการจำหน่ายแบบ B2B เป็นรถฟลีทมากกว่า แต่ถ้าหากลูกค้าสนใจอยากสั่งซื้อแยก ก็สามารถติดต่อซื้อได้เช่นกันครับ
นอกจากของ BYD แล้ว ภายในบูธเดียวกันนี้ ก็ยังมีรถไฟฟ้าต้นแบบอีก ทั้งรถแทร็กเตอร์ ที่ทางเจ้าหน้าที่บอกว่า แรงกว่าแบบใช้น้ำมันซะอีก และรถโกคาร์ทไฟฟ้า เผื่อซื้อเอาไปให้ลูกๆที่บ้านไปขับเล่นแถวบ้านได้ครับ
Fomm
รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติญี่ปุ่น Fomm ก็ได้มาออกจัดแสดงรถในครั้งนี้อย่างจริงจัง โดยดาวเด่นเป็น Fomm One รถยนต์ไฟฟ้าขนาดจิ๋ว รูปทรงคล้าย CU TOYOTA Ha:mo ที่ใช้งานอยู่ในจุฬาลงกรณ์มหาวิยาลัย เป็นรถยนต์ขนาด 4 ที่นั่ง (แคบๆ) ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ In Wheel หมายถึงใช้งาน 4 ตัวติดตั้งภายในดุมล้อเลย ที่ให้กำลัง 10 กิโลวัตต์ แรงบิด 560 นิวตันเมตร ใช้แบตเตอรี่ขนาด 2.96 กิโลวัตต์ชั่วโมง 4 ลูก ชาร์จไฟเต็มได้ภายใน 6 ชั่วโมง วิ่งได้ไกลสูงสุด 160 กิโลเมตร และทำความเร็วได้สูงสุด 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง
นอกจากนี้ในบูทก็ยังมีรถสปอร์ตไฟฟ้าต้นแบบ AWD Sports ยานยนต์สำหรับอนาคตขนาด 2 ที่นั่ง ขับเคลื่อน 4 ล้อด้วยกำลังมอเตอร์ขนาด 20 กิโลวัตต์ 4 ลูก ให้แรงบดรวมสูงสุด 1,120 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 2.96 กิโลวัตต์ชั่วโมง 4 ลูก จัดแสดงให้ทุกคนได้ชมความงามภายในงานด้วย
Mine Mobility
รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติไทยแท้ โดยบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ (มหาชน) จำกัด ก็ภูมิใจนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบจากีมือคนไทย ภายใต้ชื่อแบรนด์ Mine Mobility โดย Mine มาจากคำว่า Mission No Emission นั่นเอง ครั้งนี้ในงาน Motor Show 2018 ได้นำมาแสดงทั้งหมด 3 รุ่น เริ่มจาก Sport EV-Concept มาด้วยรูปทรงสปอร์ต 2 ประตู ขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยมอเตอร์ขนาด 160 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร ใช้แบตเตอรี่ Lithium-Ion ขนาด 45 กิโลวัตต์ วิ่งได้ไกลสูงสุด 250 กิโลเมตร, ทำความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง และทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ใน 8 วินาที ชาร์จไฟให้เต็มได้ในระยะเวลาเพียง 1 ชั่วโมง
รุ่นต่อมากับ City EV-Concept รถยนต์ขนาดเล็ก 2 ประตู เน้นการใช้งานในเมือง ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์กำลังขนาด 68 แรงม้า แรงบิด 160 นิวตันเมตร ใช้แบตเตอรี่ Lithium-Ion ขนาด 20 กิโลวัตต์ วิ่งได้ไกลสูงสุด 200 กิโลเมตร, ทำความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง และทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ใน 12 วินาที ชาร์จไฟให้เต็มได้ในระยะเวลาเพียง 20 นาที
สุดท้ายกับ MPV EV-Concept รถยนต์นั่งเน้นใช้งานแบบครอบครัว ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์กำลังขนาด 107 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร ใช้แบตเตอรี่ Lithium-Ion ขนาด 30 กิโลวัตต์ วิ่งได้ไกลสูงสุด 200 กิโลเมตร, ทำความเร็วสูงสุด 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง และทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ใน 10 วินาที ชาร์จไฟให้เต็มได้ในระยะเวลาเพียง 40 นาที
Takano
รถกระบะไฟฟ้าจากแดนปลาดิบ Takano นำมาจัดแสดงที่งานนี้เช่นกัน เป็นรถกระบะขนาดเล็ก เน้นการใช้งานภายในสถานที่จำกัด อย่างเช่นภายในหมู่บ้าน, ในโรงแรมขนาดใหญ่, สนามกอล์ฟ เป็นต้น โดยเจ้าหน้าที่บอกว่า ทำเพื่อมาทดแทนการใช้งานรถกอล์ฟนั่นเอง เพราะวิ่งได้เร็วกว่า, วิ่งได้ไกลกว่า และขนของได้มากกว่า ใช้งานแบตเตอรี่แบบ 72 V. 120 แอมป์ Deep Cycle 6 ลูก คล้ายแบตเตอรี่รถยนต์ทั่วไป แต่มีการคายและเก็บประจุไฟได้เร็วกว่า ชาร์จไฟเต็มในระยะเวลา 8 ชั่วโมง ใช้วิ่งได้ 100 กิโลเมตร และมีเครื่องปั่นไฟขนาดย่อมอยู่ใต้รถ ที่เติมน้ำมัน 5 ลิตร สามารถใช้ปั่นไฟเพื่อวิ่งเพิ่มได้อีกประมาณ 120 กิโลเมตร เตรียมวางจำหน่ายช่วงปลายปีนี้ คาดว่าราคารถเปล่าจะอยู่ที่ประมาณ 3 แสนต้นๆ แต่ถ้ามีการติดแอร์เพิ่ม ก็จะอยู่ที่ราวๆ 3 แสนปลาย
Honda Clarity Fuel-Cell
จริงๆแล้ว Honda Clarity ไม่ใช่รถยนต์แบบ EV แต่ก็ถือว่าเป็นรถยนต์ไร้มลพิษเช่นเดียวกัน ใช้การแปลงก๊าซไฮโดรเจนให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้า แล้วนำไปขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าให้พารถวิ่งไป โดยแผงเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Stack) ทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้า ผสานระบบส่งกำลังให้มีสมรรถนะเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ V-6 สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดถึงประมาณ 750 กม. ต่อการเติมไฮโดรเจนเต็มถัง 1 ครั้ง ซึ่งเป็นระยะทางที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน และมีอัตราการประหยัดน้ำมัน (EPA Fuel economy rating) เทียบเท่า 68 ไมล์ต่อน้ำมันหนึ่งแกลลอน (MPGe) (หรือประมาณ 28.3 กิโลเมตร/ลิตร) จอดแสดงให้ชมได้อย่างเดียว
จริงๆแล้วยังมีรถยนต์ไฟฟ้าค่ายใหญ่อีกหลายรุ่นที่ไม่ได้นำมาแสดงตัวในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น Kia Soul EV, BMW i3, Jaguar I-Pace หรือแม้กระทั่งรถยนต์ Fuel-Cell อย่าง Toyota Mirai ก็ตาม แต่ก็ถือได้ว่าใน Bangkok International Motor Show 2018 ก็เป็นงานที่รวมรถยนต์ไฟฟ้าไว้มากมายหลายรุ่น และคาดว่างานต่อๆไป ก็คงจะมีรถยนต์ไร้มลพิษมาให้ชมมากขึ้นกว่านี้แน่นอน และจะดีที่สุดถ้ามีการเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการสักที
เรียบเรียงโดย Earthpark02
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com