คนซื้อรถยุคใหม่ ตัดสินใจซื้อจากเทคโนโลยีมากกว่ายี่ห้อหรือรูปลักษณ์

คนที่ซื้อรถสมัยก่อน อาจจะเลือกซื้อตามเพื่อน หรือซื้อยี่ห้อที่นิยม หรือที่ตัวเองชื่นชอบ ก็แล้วแต่ความคิดของแต่ละคน แต่จากผลสำรวจล่าสุดของคนที่เลือกซื้อรถในปัจจุบัน กว่าครึ่งกลับเลือกรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกเหมาะกับตัวเอง มากกว่ายี่ห้อหรือรูปลักษณ์ภายนอก

การสำรวจครั้งนี้มาจาก Autotrader เวบไซต์ซื้อขายรถที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ได้ทำการสำรวจจากผู้ที่เข้าใช้งานเวบไซต์ พบว่า นอกจากผู้ซื้อจะมีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีต่างๆที่มีอยู่ในรถอย่างดีแล้ว ยังพร้อมที่จะจ่ายเงินมากกว่าเดิมเพื่อได้ฟังก์ชั่นความปลอดภัยที่ดีมากกว่าเดิมอย่างเช่นระบบ Adaptive Cruise Control รวมทั้งระบบอำนวยความสะดวกในห้องโดยสารอย่าง Car Wi-Fi และระบบสั่งการด้วยเสียง ก็มีความสำคัญต่อการเลือกซื้อไม่แพ้กัน โดยผู้ซื้อยอมจ่ายเงินเพิ่มโดยเฉลี่ย 2,276 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 80,000 บาทเพื่อให้ได้ฟังก์ชันการใช้งานตามที่ต้องการ

โดยผลสำรวจชาวอเมริกัน 1,020 คน ได้มีผลสำรวจคร่าวๆออกมาดังนี้

- 61% ตัดสินใจซื้อจากรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีบนรถเหมาะกับการใช้งานของตัวเองมากกว่าสีรถ

- 48% เทคโนโลยีที่ตรงใจ สำคัญกว่ายี่ห้อหรือรูปแบบของรถ เช่นจะยอมซื้อรถ Sedan มากกว่าจะซื้อรถ SUV ถ้ารถ Sedan มีเทคโนโนยีที่ตรงความต้องการมากกว่า

ทั้งนี้ผู้ที่ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เชื่อว่า ระบบความปลอดภัยขั้นสูงที่ควรจะมาเป็นระบบมาตรฐานในรถทุกคันได้แล้ว โดย 67% ควรมี  Blind-spot detection 56% บอกควรมีระบบเตือนการชนด้านหน้า และ 52% บอกว่าควรมีระบบเบรกอัตโนมัติเพื่อป้องกันการชน

ทั้งนี้ได้มีข้อตกลงระหว่างค่ายรถกับ National Highway Traffic Safety Administration องก์กรด้านความปลอดภัยบนถนนของสหรัฐฯ แล้วว่า ภายในปี 2018 ระบบกล้องมองด้านหลังขณะถอยหลังจะกลายมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถยนต์ทุกคัน รวมทั้งระบบเตือนการชนด้านหน้า จะกลายมาเป็นระบบมาตรฐานภายในปี 2022 เช่นกัน

ข้อมูลจาก CBS News

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com