การจัดแข่งขันรถสูตร 1 หรือ F1 ต้องเสียค่าธรรมเนียมเท่าไหร่ในแต่ละปี?
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 21 พ.ค. 67 15:08
- 2,300 อ่าน
หลังจากมีข่าวว่า นากยกรัฐมนตรีของประเทศไทย ได้ทำการพูดคุยกับผู้จัด F1 เพื่อดึงการแข่งขันมาลงในประเทศไทย ทำให้คนไทยที่เป็นแฟนกีฬาประเภทนี้ดีใจกันล่วงหน้า แต่เคยทราบไหมว่า ถ้าเราดึงมาแข่งขันได้จริง เราต้องเสียเงินเท่าไหร่ วันนี้เรามาลองดูกัน
เจ้าของสิทธิ์ในการแข่งขันรถสูตร 1 หรือ Formula 1 หรือ F1 นั้น เป็นบริษัทที่ชื่อว่า Liberty Media ที่เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน โดยทำการซื้อสิทธิ์มาตั้งแต่ปี 2016 จาก CVC Capital Partners ด้วยมูลค่ากว่า 4.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แล้วเอามาเพิ่มมูลค่าการแข่งขัน ด้วยการจับมือกับ Netflix เพื่อทำสารคดี Drive To Survive แล้วออกอากาศครั้งแรกในปี 2019 จนได้รับความนิยมอย่างสูง ทำให้มูลค่าของการแข่งขัน F1 นั้น สูงขึ้นไปจากเดิมเป็นอย่างมาก
เมื่อได้รับความนิยมสูงขึ้น การแข่งขัน F1 ก็ได้รับความสนใจจากประเทศต่าง ๆ เป็นอย่างมาก ที่จะนำการแข่งขันไปลงแข่งที่ประเทศของตัวเอง ทำให้ในแต่ละปี เริ่มมีสนามการแข่งขันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยในปี 2019 มีทั้งหมด 21 สนาม, ปี 2020 เหลือ 17 สนาม เนื่องจากปัญหา Covid-19, ปี 2021 แข่งรวม 22 สนาม, ปี 2022 แข่งขันรวม 22 สนาม, ปี 2023 แข่งขันรวม 22 สนาม และในปี 2024 แข่งขันรวม 24 สนามเลยทีเดียว
ส่วนค่าธรรมเนียม ที่แต่ละประเทศจะต้องจ่ายให้กับผู้เป็นเข้าของลิขสิทธิ์อย่าง Liberty Media นั้น ก็ขึ้นอยู่กับสถานที่ในการจัดการแข่งขัน และเงื่อนไขต่าง ๆ แต่จะอยู่ที่ราว 15-55 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ/ปี หรือประมาณ 545 - 1,980 ล้านบาท/ปี อย่างเช่นการแข่งขันในอิตาลีที่ Monza หรือญี่ปุ่น ค่าธรรมเนียมจะอยู่ที่ 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ/ปี แต่การแข่งขันที่อาเซอร์ไบจานนั้น ต้องจ่ายปีละ 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ/ปีเลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นสนามเก่าแก่อย่าง Monaco นั้น ก็จ่ายเพียงปีละประมาณ 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ/ปี หรือประมาณ 545 ล้านบาทเท่านั้นเอง แต่ราคานี้น่าจะเกิดจากเป็นสนามที่ทางผู้จัดอยากให้อนุรักษ์เอาไว้นั่นเอง
* ข้อมูลจาก https://formulapedia.com/cost-to-host-f1-race/
ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมนี้ ยังไม่รวมถึงค่าอื่น ๆ ในการจัด เช่น ค่าเช่าสนาม, ค่าจัดงาน, ค่าโปรโมทในประเทศ หรืออื่น ๆ อีกมากมาย มีการประเมินกันว่า ค่าใช้จ่ายในแต่ละสนาม จะมีค่าใช้จ่ายรวมสูงได้ถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3,600 ล้านบาทเลยทีเดียว
คำถามที่ต้องมีตามมาแน่นอนคือ ด้วยมูลค่าที่ต้องจ่ายไประดับนี้ คุ้มค่าหรือไม่ คำตอบนี้ตอบยากมาก เพราะการประเมินความคุ้มค่าของแต่ละประเทศนั้นต่างกัน แน่นอนว่า การแข่งขันรถแข่งระดับโลกแบบนี้ เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมารวมกันอย่างแน่นอน และนักท่องเที่ยวเหล่านี้ ก็เป็นผู้มีอันจะกินพอสมควรด้วย เพราะค่าตั๋วเข้าชมการแข่งขันนั้น ไม่ใช่ถูกเลย ขั้นต่ำที่พอจะหาซื้อได้ตามหน้าเว็บไซต์ อย่างเช่นรายการแข่งขันที่สิงคโปร์ ที่ถือว่าราคาถูกที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของตารางแข่งขันประจำปี ที่เป็นตั๋วเข้าชมวันศุกร์วันเดียว ก็หวดไปที่ 112.77 ยูโร หรือประมาณ 4,454 บาทแล้ว ซึ่งแน่นอนว่า คงแทบไม่มีใครอยากไปเก็บบรรยากาศวันซ้อม Practice 1 + 2 เท่านั้น
ตั๋ว 3 วันเท่าที่หาได้ ณ เวลานี้ ราคาจะอัพขึ้นไปถึง 492.08 ยูโร หรือประมาณเกือบ 2 หมื่นบาทเลย และราคาแพงสุดที่มีตั๋วว่างจำหน่ายอยู่ ก็คือรูปแบบ FORMULA ONE PADDOCK CLUB ที่เข้ารับชมได้ทั้ง 3 วัน ที่มีอาหารและเครื่องดื่มบริการฟรีตลอด, ได้ Pit-Walk, บริการรถส่งถึงประตูเข้า Club, เข้าชมคอนเสิร์ตได้ตลอด, นั่ง Singapore Flyer ฟรี, เข้าได้ทุกโซนของ Circuit Park เป็นต้น ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 8,447.30 ยูโร หรือประมาณ 333,620 บาท และแน่นอนว่า คนที่เข้าชมคงไม่ได้ใช้จ่ายเฉพาะค่าตั๋วเข้าชมการแข่งขัน F1 เท่านั้น มันก็ต้องมีค่าเครื่องบิน, ค่าเดินทาง, ค่าที่พัก, ค่าอาหาร และอื่น ๆ พ่วงเข้ามาหลากหลายอย่าง รวมมูลค่าเป็นเท่าไหร่ไม่สามารถประเมินได้ ซึ่งจำนวนผู้เข้าชมการแข่งขัน F1 ในฤดูกาล 2023 มีผู้ชมเฉลี่ยโดยประมาณ 1 แสนคน/สนาม และมีการประเมินเอาไว้ว่า จะเป็นชาวต่างชาติประมาณ 30% นั่นหมายความว่า เฉพาะนักท่องเที่ยวที่บินเข้ามาชม ก็จะมีราว 30,000 คนเลยทีเดียว และเป็น 3 หมื่นที่มีกำลังซื้อเสียด้วย
*ข้อมูลจาก https://www.formula1.com/ , https://www.channelnewsasia.com/singapore/f1-singapore-grand-prix-2022-host-dates-2481096
นอกจากนี้ ถ้าประเทศไทยจัดได้จริง ก็จะได้ภาพลักษณ์ของไทย ส่งต่อออกไปให้คนทั้งโลกได้เห็น โดยมีค่าเฉลี่ยออกมาว่า จะมีคนทั่วโลกราว 55.2 ล้านคนทั่วโลก รับชมการแข่งขันผ่านทางโทรทัศน์ด้วย ซึ่ง Eyeballs ที่เกิดขึ้นนั้น มันไม่สามารถประเมินเป็นมูลค่าที่แท้จริงได้ แต่เราจะได้นำเสนอประเทศไทยไปสู่ชาวโลกได้อย่างรวดเร็วแน่นอน
บทความนี้ ไม่ได้จะบอกว่า การจ่ายเงินระดับ 3 พันล้านบาทนั้นจะคุ้มค่ากับสิ่งที่จะได้ตามมาหรือไม่ เพียงแค่อยากนำเสนอในมิติที่หลากหลาย แน่นอนว่าผู้เขียนเองก็อยากให้มี Event ระดับโลกเกิดขึ้นในประเทศไทยเยอะ ๆ แต่ด้วยจำนวนเงินที่มากขนาดนี้ ก็อาจจะเอาไปทำอะไรอย่างอื่นที่เกิดมรรคผลได้มากกว่านี้ ใครได้อ่านถึงตรงนี้แล้วก็ลองแสดงความคิดเห็นกันได้ว่า คุณว่ามันคุ้มค่าหรือเปล่าครับ
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com