อนาคตรถยนต์ Suzuki ในตลาดไทย มุ่งบริการหลังการขายที่ดีกว่า Worry Free และโมเดลใหม่ทั้งไฮบริดและรถไฟฟ้า

ย้อนกลับไปตลาดรถยนต์ในไทยที่หดตัวลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากสถานการณ์โควิด การปล่อยสินเชื่อที่ยากขึ้น ผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจ การคืนรถสู่ไฟแนนซ์ที่มีผลกระทบด้านต่าง ๆ การตีเทิร์นรถที่ต่ำจนเกินรับไหว ที่อาจส่งผลให้ไม่มีการซื้อรถใหม่ 

ทางซูซูกิเผยว่ายังพร้อมเดินหน้าสร้างความมั่นใจต่อเนื่องในปัจจุบันและอนาคต จากการดำเนินงานในประเทศไทยมาแล้วถึง 49 ปี นับตั้งแต่ที่มีการนำรถซูซูกิเข้ามาจัดจำหน่าย จนกระทั่งการผลิตในประเทศไทย 

กับนโยบายล่าสุดที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญเรื่องบริการหลังการขาย Worry Free ที่จะดูแลลูกค้าที่ใช้รถยนต์ซูซูกิให้มั่นใจตลอดการใช้งาน พร้อมยกระดับการบริการหลังการขายให้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น...

- ฟรีค่าแรงเช็กระยะตลอดระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป 
- การรับประกันงานซ่อมครอบคลุมถึง 1 ปี หรือ 20,000 กม. 
- รถสำรองใช้ระหว่างซ่อม สำหรับรถที่อยู่ในระยะเวลาการรับประกัน 3 ปี หรือ ไม่เกิน 100,000 กม.
- มาตรฐานการให้บริการ S-Solution สะดวกรวดเร็วผ่านระบบดิจิทัลบนแท็บเล๊ต พร้อมภาพถ่ายประกอบการให้บริการของรถยนต์ซูซูกิที่เข้ารับบริการทุกครั้งทั้งก่อนและหลังการเข้ารับบริการ
- แอปพลิเคชั่น Hello Suzuki เพื่อลูกค้าซูซูกิสามารถติดต่อกับทางศูนย์บริการโดยตรง ค้นหาผู้จำหน่ายใกล้เคียง ระบบสะสมคะแนนพิเศษ การนัดหมายเข้ารับบริการผ่านทางออนไลน์ แสดงสถานะงานซ่อมพร้อมประวัติการเข้ารับบริการ

ในส่วนของความกังวลเรื่องอะไหล่รถยนต์ซูซูกิ ทางซูซูกิให้ข้อมูลว่า ทางซูซูกิมีพื้นที่ Warehouse จัดเก็บอะไหล่หลายแห่งรวมถึงดีลเลอร์ผู้จำหน่ายด้วย กับอะไหล่มากถึง 25,700 รายการ รวม ๆ กว่า 741,000 ชิ้น 

พร้อมการบริการส่งอะไหล่ทันใจใน 24 ชั่วโมง ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ต่างจังหวัดนอกพื้นที่ในระยะเวลา 48-72 ชั่วโมง และเป้าหมายอะไหล่รองรับนาน 10 ปี นับจากวันที่สิ้นสุดการผลิตของรถยนต์ทุกรุ่น

ส่วนของเครือข่ายผู้จำหน่าย 92 แห่ง ในปัจจุบัน เป็นจำนวน 32 แห่ง ที่รองรับการซ่อมตัวถังและสีครอบคลุมทั่วประเทศ แม้ว่าจะต้องเผชิญกับผู้จำหน่ายที่ปิดตัวลงไปหลายแห่ง แต่ก็ยังมีผู้จำหน่ายใหม่ที่สนใจที่กำลังเพิ่มเติมกลับขึ้นมาในปี 2024 นี้

พร้อมเผยตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป ทางซูซูกิเตรียมพร้อมส่งรถยนต์ใหม่ถึง 4 โมเดล ทั้งขุมพลังไฮบริดและรถไฟฟ้า BEV ซึ่งในตอนนี้ยังไม่มีการลงรายละเอียด ซึ่งต้องรอติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป