รถใหม่ใครมาก่อน!! Audi A8 หรือ Audi A7 สองเก๋งพรีเมี่ยมรุ่นใหม่หมด…. 5 มีนาคม รู้กัน

นับตั้งแต่ทาง ไมซ์สเตอร์ เทคนิค ผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ภายใต้แบรนด์ Audi จาก เยอรมนี ลุยตลาดรถยนต์หรูเมืองไทยอย่างเต็มรูปแบบทำให้ ผู้ใช้รถชาวไทยต่างยอมรับในตัวสินค้าและการบริการหลังการขายมากขึ้น

ล่าสุดทาง ไมซ์สเตอร์ เทคนิค (Audi Thailand) ส่งเทียบเชิญมาให้กับทีมงาน Autodeft ว่าจะมีงานเปิดตัวรถรุ่นใหม่ล่าสุด ให้สัมผัสตัวจริงโดยมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็น All New Audi A8 หรือ All New Audi A7 Sportback ซึ่งทั้งคู่ล้วนเป็นรุ่นใหม่หมดแทบทั้งสิ้น

เริ่มจาก All New Audi A8 ยานยนต์ซาลูนใหญ่ เจเนอเรชั่นที่ 4 ฟาดฟันกับคู่แข่งตัวเอ้ ทั้ง Mercedes-Benz S-Class และ BMW 7 series เด่นด้วยกระจังหน้าทรงหกเหลี่ยม six-point single frame ขนาดใหญกว่าใคร แถมยังมีไฟหหน้า Matrix HD LED และไฟ LED daytimeเข้ามาช่วยให้ตัวรถดูดีขึ้นกว่าเดิม หลังคารถออกแบบคล้ายรถสปอร์ตแบบ “coupe-like” shape พร้อมเส้นสายด้านข้างที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเก่า ด้านท้ายดูพรีเมี่ยมมากขึ้นด้วยไฟท้าย OLED แนวยาววพร้อมแถบโครเมี่ยมช่วยให้ตัวรถดูมีเสน่ห์ขึ้นโดยได้แรงบันดาลใจจากรุ่นต้นแบบ Prologue Concept มาพัฒนา

โดยตัวรถมีขนาดใหญ่กว่ารุ่นเดิมในรุ่นฐานล้อยาวมีความยาว 5,302 มม. ความกว้าง 1,945 มม. ความสูง 1,485 มม. ฐานล้อยาวกว่าเดิม 3,128 มม.พร้อมโครงสร้างตัวถังรถ Audi Space Frame (ASF) ที่เป็นการรวบรวม 4 วัสดุ ในการทำตัวถังรถให้มีความแข็งแรง ทนทานต่อการใช้งานทุกรูปแบบ และที่สำคัญน้ำหนักเบาขึ้น ตั้งแต่ อลูมิเนียม เหล็ก แม็กนีเซียม และ คาร์บอนไฟเบอร์

ขุมพลังจากค่าย อาวดี้ มีทางเลือกที่หลากหลายตั้งแต่เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ TFSI ตั้งแต่ขนาด 3.0 ลิตร V6 340 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร , 4.0 ลิตร V8 460 แรงม้า และใหญ่สุดเครื่อง 6.0 ลิตร W12 585 แรงม้า แรงบิด 800 นิวตันเมตร แบบไบเทอร์โบไฟฟ้าและ 48V electrical system มาประจำการ แต่ถ้าชอบแรงกับประหยัดยังมีเครื่องยนต์ดีเซลแทอร์โบ TDI ทั้ง 3.0 V6 286 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร และ 4.0 V8 435 แรงม้า

รวมถึงเวอร์ชั่นแรง S กับ เวอร์ชั่น Plug-In Hybrid สำหรับคนรักษ์โลกด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ TFSI 3.0 ลิตร V6 ให้กำลังรวม 449 แรงม้า แรงบิด 700 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ lithium-ion ที่มีความจุ 14.1 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลสุด 50 กม. ในระบบไฟฟ้าแถมยังสามารถชาร์จแบบไร้สายแบบwireless charging โดยชาร์จที่ใต้ท้องรถ กำลังสูงถึง 3.6 กิโลวัตต์ ทุกขนาดเครื่องยนต์จับคู่ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด

ส่วน Audi A7 Sportback ยังคงคอนเซ็ปต์ 5 ประตู Hatchback Coupe ใหม่หมด เด่นด้วยประตูไร้กรอบ ที่มาแทรกกลางระหว่าง Audi A6 ซีดานขนาดกลาง และ Audi A8 ซีดานใหญ่ แต่ยังคงเอกลักษณ์ Audi เดิมตั้งแต่กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยม six-point single frame คล้ายคลึงกับรุ่นพี่ Audi A8 แต่ปรับดีไซน์ให้ปราดเปรียวขึ้น สอดรับกับไฟหน้ารถแบบ HD Matrix LED ดีไซน์เล็กและเพรียวขึ้น พร้อมชุดกันชนหน้าพร้อมสเกริ์ตในตัวเพิ่มความเข้มโหดอีกระดับ รวมถึงตัวรถที่หลังคาลาดลงขึ้นกว่ารุ่นเก่า ปลอดภัย มองชัดเจนด้วย ไฟท้าย LED 13 individual strips ดีไซน์แนวยาว พร้อมระบบ Fast-moving Light Animation หรือไฟท้ายวิ่ง และล้ออัลอลยขนาด 21 นิ้ว ที่เลือกได้หลายลายตามความชอบของสาวก มิติตัวรถใหญ่กว่ารุ่นเดิมพอสมควรตั้งแต่ ความยาว 4,969 มม. ความกว้าง 1,908 มม. ความสูง 1,422 มม. ฐานล้อ 2,926 มม.

ขุมพลังเก๋งสปอร์ตรายนี้ ให้เลือกทั้ง เบนซิน และดีเซล นั่นคือ เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ supercharged (55 TFSI) ขนาด 3.0 ลิตร V6 กำลังมากสุด 340 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่แบบ S Tronic 7 สปีด ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ quattro all-wheel drive และให้ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. พร้อมระบบ Mild Hybrid ที่เสริมในเรื่องความประหยัดมากขึ้น ประกอบด้วยเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ 48V electrical system และ แบตเตอรี่แบบ lithium-ion battery และเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ TDI 3.0 ลิตร V6 (50 TDI) ส่วนเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ TFSi และดีเซลเทอร์โบ TDI แบบ 4 สูบ จะตามมาในอนาคต โดยทั้งสองรุ่นนี้ มีความเป็นไปได้ว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทย โดยรุ่นไหนจะเปิดก่อน หรือเปิดพร้อมกัน นั้น  5 มีนาคม รู้กัน

 

เรื่องและเรียบเรียงโดย นายเต้ย

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com