“อีโค่คาร์” ล็อต 2 เปิดพอทส่งเสริมลงทุน คาดขายในอีก 6 ปี

เปิดเงื่อนไข อีโค่คาร์เฟส 2 Boi เร่งเดินเรื่องเปิดโครงการรับส่งเสริมการลงทุนคาดเห็นผลใน 6 ปี

                ช่วงปลายเดือนที่ผ่านสมา วงการยานยนต์ในบ้า นอกจากบรรดารถยนต์ใหม่ที่เปิดตัวมาคึกคักตั้งแต่ต้นปี ยันกระแสรถยนต์คันแรกที่ปิดฉากไปแล้ว โครบการลงทุนใหม่ อีโค่คาร์โครงการสอง ก็ดูจะเป็นอีกหนึ่งที่มาแรงพอสมควรไม่แพ้กัน

                การเปิดประเด็นอีโค่คาร์โครงการระยะที่ 2  ของรัฐบาลไม่เคยมีกระแสออกมาก่อนหน้านี้ จนกระทั่งภาครัฐมีแนวคิดในเรื่องดังกล่าว ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นผลจากโครงการ  Green Car  จากเพื่อนบ้านอินโดนีเซีย ที่เริ่มดำเนินการเมื่อปีกลายด้วยตัวบทกฎเกณฑ์ ที่คล้ายกับรถยนต์อีโค่คาร์ในบ้านเรา เมื่อประกอบกับข้อตกลงในโครงการเดิม ที่ได้มีบางข้ออย่างเช่น อีโค่คาร์เครื่องยนต์ดีเซล ยังไม่ได้เกิดขึ้น อาจจะทำให้ภาครัฐมองถึงความเป็นไปได้

                เงื่อนไขใหม่ภายใต้โครงการอีโค่คาร์เฟส 2  มีการปรับปรุงหลายๆข้อเพื่อให้มีความเหมาะสมมากขึ้น และเป็นประโยชน์ทั้งต่อผู้ประกอบการและผู้บริโภค เริ่มจาก อีโค่คาร์จากโครงการเฟส 2 จะต้องเป็นเครื่องยนต์มาตรฐานยูโร 5 ที่มีมาตรฐานในการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีการปรับให้รถยนต์อีโค่คาร์ใหม่ จะต้องมีความประหยัด 4.3  ลิตร / 100 กิโลเมตร หรือ  23 กิโลเมตร/ลิตร  จากเดิมที่วางอัตราประหยัดไว้  20 กิโลเมตร/ลิตร

                ที่สำคัญ อีโค่คาร์ โครงการ  2  ยังมีการปรับเงื่อนไขเครื่องยนต์ที่สำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องยนต์ดีเซลปรับขนาดเครื่องยนต์จากเดิมเพิ่มขึ้นมาเป็นขนาดไม่เกิน 1500 ซีซี ส่วนเครื่องยนต์เบนซินยังคงอยู่ในเกณฑ์เดิม ด้วยขนาดไม่เกิน  1300 ซีซี          

                ในด้านผู้ประกอบการเองก็จะได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีต่างๆ โดยในผู้ประกอบการรายใหม่จะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 6 ปี และถ้ารายใด มีการลงทุนหรือใช้จ่ายพัฒนาผู้ผลิตมากกว่า  500 ล้านบาทใน 5  ปี ก็จะได้รับการขยายการยกเว้นภาษีนิติบุคคล อีก 1  ปี  รวมเป็น 7  ปี และถ้ารายใด ใช้มากกว่า  800 ล้าน ในระยะเวลาเดียวกัน ก็จะขยายการยกเว้นเพิ่มเป็น  2  ปี รวมเป็น 8  ปี

 ทั้งยังมีสิทธิอื่นๆ อาทิ การยกเว้นภาษีการนำเข้าเครื่องจักรที่ใช้ผลิตรถอีโค่คาร์ โดยต้องลงทุน ไม่น้อยกว่า 6,500 ล้านบาท โดยผู้ประกอบการจะต้องลงทุนผลิตแบบครบวงจรทั้งการประกอบรถยนต์และการผลิต ชิ้นส่วนและเครื่องยนต์ มีปริมาณการผลิตไม่น้อยกว่า 100,000 คันต่อปี นับตั้งแต่การผลิตปีที่ 4 เป็นต้นไป
                ทางด้านผู้ลงทุนรายเดิมจากโครงการอีโค่คาร์เฟสแรก  สามารถขยายการลงทุนได้ ภายใต้ 3  แนวทางตามแต่จะเลือก ด้วยเงินมูลค่าการลงทุนขั้นต่ำ  5,000 ล้านบาท จาก  6,500 ล้านบาท (จากผู้ลงทุนรายใหม่)    หรือ จะขอขยายลงทุนผลิตอีโค่คาร์รุ่นที่ 1 ภายใต้สิทธิประโยชน์เดิม และการยกเว้นภาษีนิติบุคคลตามจำนวนปีที่เหลืออยู่ และท้ายสุด ยืนขยายการผลิตทั้งรุ่นเดิม (อีโค่คาร์รุ่นที่ 1) และเพิ่มการผลิตรุ่นที่ 2  แต่จะได้การยกเว้นภาษีนิติบุคคล ตามปีที่เหลืออยู่

                แม้อาจจะยังเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับใครหลายๆคน แต่โครงการอีโค่คาร์เฟส 2  เป็นสิ่งที่ต้องจับตา โดยเฉพาะ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)  จะเปิดยื่นรับส่งเสริมการลงทุนตามโครงการดังกล่าว ตั้งแต่นี้ไปจนถึง 31 มีนาคม 2557 โดยคาดว่า ผู้ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจะต้องเริ่ม ดำเนินการผลิตอย่างช้าในปี 2562