ปากต่อปาก อิทธิพลเก่าที่ยังไม่เคยจางหายในการซื้อรถยนต์ยุคนี้
- โดย : Autodeft
- 29 ธ.ค. 57 00:00
- 6,893 อ่าน
รายงานวิจัยการซื้อรถยนต์ในอินเดียชี้ การบอกแบบปากต่อปาก ยังคงเป็นอิทธิพลสำคัญที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อหรือไม่ซื้อรถยนต์ในยุคนี้
ทุกวันนี้ คงถึงเวลาที่เราต้องยอมรับแล้วว่า กระบวนการซื้อรถยนต์ที่เรารู้จักกันมายาวนานนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไป โดยสิ้นเชิงจากครั้นเมื่ออดีตที่เรารู้จักกันมา โดยเฉพาะด้วยยุคข้อมูลข่าวสารที่แพร่หลายทำให้หลายคนสามารถติดตามข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา เป็นโจทย์ที่ทำให้เราหลายคนต่างสามารถตัดสินใจอะไรหลายอย่างได้ดีขึ้นกว่าเดิม
เราอาจจะคิดว่าเราสามารรถรู้สึกได้ แต่ความจริงแล้วมันอาจจะเป็นจริงมากกว่านั้นเสียอีก โดยเมื่อเร็วๆนี้มีรายงานจากอินเดียออกมาชี้ว่า การสื่อสารที่ทันสมัยมนยุคนนี้กำลังพาค่ายรถยนต์ทั้งหลายกลับสู่วังวนเดิม เมื่อการบอกปากต่อปาก เป็นอิทธิพลสำคัญต่อการตัดสินใจ
เมื่อเร็วๆนี้ Deloitte India ได้เปิดการวิจัยในหัวข้อเรื่อง “Driving Through the Consumer’s Mind: Steps in the buying process” ซึ่งได้ทำการศึกษาวิจัยวิธีการซื้อรถยนต์ของลูกค้าในประเทศอินเดีย โดยมันรวมตั้งแต่ขึ้นการตัดสินใจ ลูกค้าไปโชว์รูม ไปจนถึงการค้นข้อมูล และ ตอบโต้กับสิ่งที่ตัวแทนจำหน่ายทั้งหลายต่อนำเสนอ เพื่อให้พวกเขาได้ข้อเสนอดีที่สุด ในการซื้อรถยนต์
จากการสำรวจกับคนจำนวนกว่า 1,813 คน ในอินเดีย โดยในจำนวนนี้กว่า 59% เป็นกลุ่มคนใน Gen Y ซึ่งมีอายุระหว่าง 19-36 ปี และในจำนวนเดียวกัน มีผู้ตอบแบบสอบถามเป็น Gen X หรือคนที่มีอายุระหว่าง 37-48 ปี 22 % รวมถึง ยังมีคนที่เป็นกลุ่ม Baby Boomer หรือกลุ่มลูกค้าที่มีอายุตั้งแต่ 49 - 67 ปี อีกร้อยละ 16
ซึ่งผลสำรวจดังกล่าวชี้สิ่งสำคัญในเรื่องของปัจจัยในการซื้อรถยนต์ของชาวอินเดีย ว่า ในปัจจุบันการบอกแบบปากต่อปาก รวมถึงบทความประเภท Review รถยนต์ นั้นมีอิทธิพลอย่างสูงมากต่อการตัดสินใจของลูกค้าที่มองหารถยนต์ในขั้นตอนการตัดสินใจ ในขณะที่ปัจจุบันบทบาทของตัวแทนจำหน่าย หรือ สื่อสังคมออนไลน์
ในขณะที่อีกพฤติกรรมสำคัญของกลุ่มลูกค้า คือพวกเขาพยายามที่อยากขอลองขับทดสอบรถยนต์คนที่สนใจ โดยกว่า 70 % เผยว่าการทดลองขับมีส่วนช่วยในการตัดสินใจที่ดี แต่ในการเยือนตัวแทนจำหน่ายแต่ละครั้ง ลูกค้านั้นจะไม่ใช้เวลาในการเลือกดูรวมถึงทดลองขับนานมากมายนัก และจะใช้เวลาเฉลี่ยเพียง 45 นาทีต่อการเยือนหนึ่งครั้งเท่านั้น
อย่างไรก็ดีปัจจุบันลูกค้าจำนวนมากมองหา ความคุ้มค่าและราคาจำหน่ายที่เหมาะสม โดยเฉพาะตัวลูกค้าเองหรือคนที่แนะนำให้กับคนที่พวกเขามองหารถยนต์คันใหม่อยู่ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นเจ้าของรถคันนั้นหรือไม่ ซึ่งหมายถึงผู้ผลิตต้องพยายามสร้างสัมพันธ์มากยิ่งขึ้นในการสร้างอารมณ์ที่ในการซื้อระหว่างผู้ซื้อและผู้ชายที่ดี
ด้านกลุ่มผู้ซื้อรถยนต์ครั้งแรก มักจะให้ความสำคัญกับความคุ้มค่ามากกว่าถึง 8 เท่าเทียบกับภาพลักษณ์ตราสินค้าที่ดูดีเมื่อขับขี่บนถนน ในขณะที่คนซื้อรถยนต์ซ้ำสอง เทคโนโลยี และความนุ่มนวลในการขับขี่ มีความสำคัญมากกว่า 3 เท่าเมือเทียบกับภาพลักษณ์ที่ดูดีของตราสินค้า
โดยในส่วนกระบวนการค้นข้อมูล ลูกค้าส่วนใหญ่ใช้เวลาในการค้นคว้าข้อมูลรถยนต์กว่า 10 ชั่วโมง จากสื่อออนไลน์ โดยเฉพาะบทความรีวิวรถยนต์ และจะมีการเปรียบเทียบ รถยนต์ที่พวกเขาคิดว่ามีความสามารถในการตอบสนองของพวกเขา ได้ในระหว่างรุ่นและยี่ห้อ แต่ท้ายสุดแล้วลูกค้าผู้ชายจะใส่ใจในเรื่องการค้นข้อมูลมากกว่าผู้หญิง
ด้านการเปรียบเทียบเพื่อตัดสินใจซื้อลูกค้ากว่า 50 % เผยว่า ก่อนการตัดสินใจพวกเขามีการเปรียบเทียบรถยนต์ระหว่างยี่ห้อมากถึง 4 ยี่ห้อ กว่าที่จะเดินดุมเข้าไปซื้อยี่ห้อเดียวที่ตัดสินใจเอาไว้ ในขณะที่อีกกว่า 40 % เผยว่าพวกเขามีการเปรียบเทียบมากถึง 3 ยี่ห้อ เลยทีเดียว
ทั้งนี้ สิ่งที่ทำให้ตัวแทนจำหน่ายสูญเสียลูกค้าคือการโฆษณาที่โอเวอร์มากไปของตัวสินค้าเอง รวมถึงกระแสปากต่อปากในสังคมออนไลน์ที่มีต่อผลิตภัณฑ์ ที่พวกเขาตัดสินใจ
แม้ว่ารายงานนี้อาจจะมาจากประเทศอินเดีย แต่สิ่งสำคัญมันแสดงถึงพฤติกรรมผู้ซื้อรถยนต์ยุคนี้ว่ามีการเปลี่ยนไปอย่างมากในยุคนี้ ..
ที่มา Indian Autoblog
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com