Yamaha เปิดตัว TY-E 2.0 รถมอเตอร์ไซด์ Trials ไฟฟ้า

ยามาฮ่าเพิ่งทำการเปิดตัวรถต้นแบบรุ่นใหม่ล่าสุดที่กำลังได้รับการพัฒนา นั่นคือ TY-E 2.0 จักรยานยนต์ไฟฟ้าแบบโปรโตไทป์ ซึ่งเข้าใกล้แนวคิดใหม่ในการมุ่งไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ในขณะที่ยังคงรักษาไว้ซึ่งความตื่นเต้นและสนุกสนานในการขับขี่ โดยจักรยานยนต์รุ่นนี้จะเข้าแข่งขันในรอบคัดเลือกของรายการ FIM Trial World Championship ปี 2022 นี้ด้วย

การปรับแต่ง power unit และแชสซีทำให้รถเข้าสู่ตลาดแข่งขันได้มากขึ้น

 

ในปี 2021 บริษัทฯได้มีการทบทวนแผนงานเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ปี 2050 ของ Yamaha Motor Group ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นครั้งแรกในปี 2018 และได้มีการตั้งเป้าหมายใหม่ในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 ผ่านทางทุกกิจกรรมที่เกี่ยวกับธุรกิจของบริษัทฯ ซึ่งรวมถึงเรื่องของ product life cycles ด้วย รถรุ่น TY-E 2.0 กำลังได้รับการพัฒนาให้เป็นรูปแบบหนึ่งของ Yamaha เพื่อให้ได้ค่าความเป็นกลางของคาร์บอน โดย TY-E 2.0 ตั้งใจที่มอบในเรื่องความสนุกสนานมากกว่าในเรื่องของเครื่องยนต์สันดาปภายใน โดยใช้คุณลักษณะเฉพาะของเครื่องยนต์ไฟฟ้า เช่น แรงบิดต่ำอันทรงพลังและการเร่งความเร็วที่รวดเร็ว

 

TY-E 2.0 มีพื้นฐานมาจากรถรุ่น TY-E รุ่นแรก ซึ่งเปิดตัวในปี 2018 และมีโครงสร้างแบบชิ้นเดียวที่ออกแบบใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วยลามิเนตคอมโพสิต อันส่งผลให้จักรยานยนต์มีน้ำหนักเบาและคล่องตัวกว่าเดิม โครงสร้างที่ออกแบบใหม่ยังได้รวมเอาหน่วยพลังงานไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ด้วยการผสมผสานระหว่างชิ้นส่วนกลไกและระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ทำให้แบตเตอรี่น้ำหนักเบาที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ที่ถูกติดตั้งอยู่บนรถรุ่นนี้นั้น มีความจุมากกว่ารุ่นก่อนหน้าประมาณ 2.5 เท่า

 

และตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 2022 รถ TY-E 2.0 รุ่นใหม่นี้ จะเข้าทำการแข่งขันในรายการ FIM Trial World Championship กับ Kenichi Kuroyama จาก Yamaha Factory Racing Team ซึ่งเป็นนักแข่งด้านการพัฒนารถด้วยเช่นกัน ความแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนที่สุดระหว่าง TY-E 2.0 กับรถรุ่นก่อน คือ การกำหนดค่าหน่วยพลังงานและแบตเตอรี่ที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งส่งผลให้จุดศูนย์ถ่วงลดลงอย่างมาก ในท้ายที่สุด สิ่งนี้จะหมายถึงรถจักรยานยนต์ที่ควบคุมได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหลักสูตรทดลองที่ซับซ้อนที่สุด

 

ระบบแบตเตอรี่ความจุสูงแบบใหม่ ที่มาพร้อมกับการปรับปรุงความหนาแน่นของเอาต์พุตนั้น ได้รับการพัฒนาโดย Yamaha นอกเหนือจากเรื่องของแชสซีและ power unit ซึ่งทำให้มันมีความจุมากกว่ารุ่นก่อนหน้าเกือบ 2.5 เท่า นอกจากนี้ การยึดเกาะถนนก็ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นจากรุ่นก่อน โดยการผสมผสานชิ้นส่วนกลไกต่างๆ เช่น คลัตช์และ flywheel เข้ากันกับระบบควบคุมเครื่องยนต์อิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกปรับแต่งอย่างละเอียด ซึ่งเราจะสามารถรับรู้การเปลี่ยนแปลงอย่างเล็กน้อยได้ที่ตำแหน่งของปีกผีเสื้อ

 

ที่มา rideapart