LAMBRETTA ขนทัพรถตำนานสกู๊ตเตอร์อิตาลี บุกงาน Motor Expo 2023
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 6 ธ.ค. 66 14:18
- 2,417 อ่าน
แลมเบรตต้า (LAMBRETTA) แบรนด์สกู๊ตเตอร์พรีเมียมคลาสระดับตำนานจากอิตาลี ที่มีประวัติความเป็นมาเริ่มต้นตั้งแต่ปี 1947 จวบจนทุกวันนี้ นับเป็นเวลายาวนานกว่า 76 ปี เผยไฮไลท์ที่สร้างความสั่นสะเทือนให้วงการสองล้ออีกครั้ง กับการเผยโฉมสุดยอดอิเลคทริคสกู๊ตเตอร์ EV Concept รุ่นต้นแบบ ในชื่อรุ่น Elettra เป็นครั้งแรกในประเทศไทย! กับรูปโฉมที่เปรียบเสมือนผลงานศิลปะแห่งอนาคต ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%
คุณ กวิน ร่วมใจพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ LAMBRETTA THAILAND เผยว่า “ รถรุ่น Elettra ถือเป็นรถต้นแบบของสกู๊ตเตอร์พลังงานไฟฟ้า 100% คันแรกจากแลมเบรตต้า ที่ได้มีการเปิดตัวครั้งแรกในโลกกันไปหมาดๆเมื่อช่วงต้นเดือน พ.ย. 66 ที่ผ่านมานี้ ในงาน EICMA 2023 ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี และถือว่าได้รับกระแสตอบรับจากแฟนๆทั่วโลกของแลมเบรตต้า หรือที่มีชื่อเรียกกันว่าชาวแลมเบรตติสต้า (LAMBRETTISTA) กันเป็นอย่างดี มาวันนี้ภายในงาน Motor Expo 2023 ถือเป็นโอกาสดีที่เราได้ขอนำเอาเจ้า Elettra ที่เป็น EV Concept คันนี้ บินตรงจากอิตาลี เพื่อเข้ามาให้แฟนๆแลมเบรตติสต้าชาวไทย ได้ยลโฉมตัวเป็นๆ ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย
และนอกจากรุ่น Elettra แล้ว ภายในบูธ LAMBRETTA ในงาน Motor Expo 2023 ปีนี้ เราก็ยังขนทุกโมเดลกับทั้ง 3 รหัส V, X, G ที่มีจำหน่ายอยู่ในประเทศไทย ณ ขณะนี้ มาให้ทุกท่านได้มาสัมผัสตัวเป็นๆกันได้อย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นรุ่น V200 , V200GP, X300SR , X200 และ G350 พร้อมด้วยการจัดแสดงสุดยอดไอเดียการคัสตอมรถรุ่น X300 ในแบบฉบับที่มีความโดดเด่นถึง 2 สไตล์ ได้แก่ คันแรก X300 x MQQNEYES Style by Fatboy Design และอีกไอเดียการคัสตอมที่โดดเด่นด้วยการ Balance สีสัน by Mr.Balon
ที่สำคัญ ในโอกาสพิเศษของปีนี้ ที่แลมเบรตต้า ฉลองครบรอบ 76 ปี จึงมาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย กับทุกรุ่นที่ได้นำมาจัดแสดงภายในงาน Motor Expo 2023 อีกด้วยครับ ”
สำหรับรถแลมเบรตต้าที่นำมาจัดแสดงภายในงาน Motor Expo 2023 ปีนี้ ได้แก่...
• LAMBRETTA Elettra รถรุ่นต้นแบบของสกู๊ตเตอร์พลังงานไฟฟ้า 100% เบื้องหลังของการออกแบบรูปโฉมของ Elettra สกู๊ตเตอร์แห่งอนาคตคันนี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากอดีต ในรุ่นตำนานอย่าง Model LD ในช่วงปี 1951-1958 นำมาถ่ายทอดเส้นสายของดีไซน์และพัฒนาใหม่ เพื่อก้าวเข้าสู่ New Golden Era ของแลมเบรตต้า ซึ่งขณะนี้ ยังเป็นเพียงรถต้นแบบเท่านั้น
• LAMBRETTA V200 Special (2023) 4 เฉดสี ใน คอนเซปต์ “ Sicily Vibes” ที่จะพาให้คุณไปดื่มด่ำกับกลิ่นอายเรโทร และเติมเต็มชีวิตชีวาด้วยสีสันแห่งบรรยากาศเกาะซิซิลี,ประเทศอิตาลี เริ่มด้วย สีน้ำเงิน Grotta Blue, สีเหลือง Siciliano Yellow , สีขาว Perla White และสีดำ Intenso Black ที่มาพร้อมกับความสเปเชียลของงานดีไซน์ให้แมทลุค ตัดกับชุดสี Silver ของอุปกรณ์ต่างๆรอบคัน ในราคาค่าตัวที่ 107,000 บาท
• LAMBRETTA V200 GP โฉมใหม่ล่าสุด ปี 2023 ที่มาในคอนเซปต์ “ New Shade of GP ” เฉดสีใหม่ ใน DNA ตำนานสนามแข่ง GP ด้วย 2 เฉดสี Green GP สีเขียวเฉดพิเศษที่สื่อถึงความท้าทายและความสำเร็จในการแข่งขัน และ Gray GP สีเทาที่นิยมใช้ในรถแข่งขันเพื่อให้ความสปอร์ตคลาสสิก ในราคาแนะนำขายที่ 109,000 บาท
• LAMBRETTA X200 พิกัดใหม่ เอาใจ New Entry กับดีไซน์ประจำตระกูล X-Series พร้อมสีสันที่ให้ความสนุกมากยิ่งขึ้น
กับทั้งหมด 6 เฉดสีพิเศษ ใน 2 สไตล์ ให้ได้เลือกแบบที่ใช่สำหรับตัวเอง ได้แก่...1. สไตล์ PLAYFUL COLORS กับ 3 เฉดสีสันสดใส เติมเต็มไลฟ์สไตล์สนุกสุดมันส์ SALMON PINK (Hi-Gloss) สีชมพู แซลมอนพิงค์ เฉดสีพิเศษในโทนชมพูอมส้ม ,CLOUDY BLUE (Hi-Gloss) สีฟ้า คลาวดี้บลู สีสันที่ให้อารมณ์เย็นสบายตา , LIMONCELLO YELLOW (Hi-Gloss) สีเหลืองลิม่อนเชลโล่ แรงบันดาลจากสีสันของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีชื่อเสียงของประเทศอิตาลี 2. สไตล์ MONOCHROME กับเฉดสีคุมโทน สีสันที่อยู่เหนือกาลเวลา GEMMA WHITE (Hi-Gloss) สีขาวที่มีประกายระยิบระยับในเนื้อสี ดุจอัญมณีทรงคุณค่า, SCURO GREY (Hi-Gloss) สีเทาสคูโร่หรือสีเทาเข้มของตัวรถในเฉดพิเศษที่ให้อารมณ์ความสปอร์ตและความคลาสสิกในตันตน, SUPER BLACK (Hi-Gloss) สีซูเปอร์แบล็ค หรือสีดำเงาแบบพิเศษ ให้อารมณ์ความเข้ม ดุดัน กับ Total Look ของสีนี้ ที่มาในสไตล์ All Black แบบฉบับความเท่ ทรงเสน่ห์น่าค้นหา กับราคาค่าตัวที่เฟรนลี่มากยิ่งขึ้น ด้วยราคาเปิดตัวที่ 134,900 บาท
• LAMBRETTA X300 SR (2023) พาย้อนเวลากลับไปสู่ความคลาสสิกแบบฉบับ Super Retro จากแรงบันดาลใจของรุ่นตำนาน LAMBRETTA DL/GP ในปี 1969 ถูกนำมาถ่ายทอด DNA ผ่านลวดลายในอดีตกับเอกลักษณ์ Side Panel Stripes ที่มาพร้อมกับสีสันใหม่ ในคอนเซปต์ ‘Colors of Time’ สีสันความคลาสสิก ซึ่งเป็นโทนสียอดนิยมในช่วงรอยต่อของยุค 60s และยุค 70s เป็นยุคร่วมสมัยแนว Pop Culture สะท้อนความสดใสของวัยรุ่นในยุคนั้น ที่พร้อมขับเคลื่อนสังคมสู่โลกใหม่ในช่วงยุคหลังสงครามโลก โดยความคลาสสิกจะถูกถ่ายทอดผ่าน 3 สีสันยอดนิยมในยุคนั้น ได้แก่ YELLOW MUSTARD (Hi-Gloss) , WHITE LATTE (Hi-Gloss) , RED AMARO (Hi-Gloss) ในราคาจำหน่ายที่ 156,900 บาท
• LAMBRETTA X300 SR (2024) 3 เฉดสีในคอลเลคชั่นใหม่ สไตล์โมโนโครม (Monochrome Collection) พร้อมคงเอกลักษณ์สไตล์ Super Retro ของรุ่นรหัส SR ต่อท้าย ด้วยลวดลาย Side panel stripes ที่ได้แรงบันดาลใจจากรุ่นตำนานแลมเบรตต้า DL/GP ในปี 1969 กับการกลับมาบอกเล่า เรื่องราวในคอนเซปต์ ‘Colors of Time’ ผ่าน 3 เฉดสียอดฮิตตลอดกาล ได้แก่ สี GEMMA WHITE (Hi-Gloss) สีขาวที่เปล่งประกายด้วยเม็ดสีดุจอัญมณี ตัดกับคู่สีโครเมียมของชิ้นส่วนบนตัวรถ ให้ความอารมณ์คลาสสิก พรีเมียมเหนือระดับ, สี SCURO GREY (Hi-Gloss) สีเทาเข้มของตัวรถที่ตัดกับคู่สีโครเมียมของชิ้นส่วนต่างๆ มอบอารมณ์ความพิเศษด้วยลุคที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร , SUPER BLACK (Hi-Gloss) บอดี้ตัวรถสีดำเงาแบบพิเศษ กับอารมณ์ที่แตกต่างจากสีอื่นๆ ด้วยการออกแบบให้รับกับคู่สีดำกึ่งเงากึ่งด้านของอุปกรณ์ต่างๆบนตัวรถ กับราคาเปิดตัวที่ 157,900 บาท
• LAMBRETTA G350 สกู๊ตเตอร์ระดับพรีเมียมในสไตล์คลาสสิกที่คงเอกลักษณ์ DNA ความเป็น LAMBRETTA เอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม ถ่ายทอดจากจิตวิญญาณสู่ตำนานพรีเมียมสกู๊ตเตอร์แห่งอิตาลี ที่หล่อหลอมแรงบันดาลใจในการออกแบบผลงาน ภายใต้คอนเซปต์ “The Masterpiece of Italian Design” กับการรังสรรค์ขึ้นมาในผลงานแบบ Craftsmanship อย่างพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ที่สุดแห่งดีไซน์ดุจผลงานศิลปะระดับ Masterpiece แห่งดีไซน์จากอิตาลี กับ 3 สีสันความพิเศษ FRESCO RED (สีแดง/เบาะแดง) , LUSTRO WHITE (สีขาว/เบาะส้ม) และ SCURO BLACK (สีดำ/เบาะส้ม) ในราคาค่าตัวที่ 215,000 บาท
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com