Tesla เตรียมหนาว Volkswagen Project Trinity รุ่น ID 4 คู่แข่งตัวฉกาจ จะเปิดตัวในปี 2026
- โดย : PR Autodeft
- 9 มิ.ย. 65 00:00
- 3,928 อ่าน
แผนงานเชิงกลยุทธ์ในเฟสต่อไปของยานยนต์ไฟฟ้ายุคใหม่ (New Auto) แห่งแบรนด์ Volkswagen คือการมุ่งเป้าเข้าชนกับคู่แข่งสายตรงตัวสำคัญอย่าง Tesla Model 3 จากการเปิดเผยข่าววงในของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมันแห่งนี้
รถ All-New Liftback Saloon ตัวใหม่นี้ มุ่งเป้าเข้าชนกับ Tesla Model 3 อย่างจัง
รถ 5 ประตู สไตล์ Liftback Saloon ที่รู้จักกันภายในภายใต้ชื่อว่า “Project Trinity” รุ่นนี้ มีการวางแผนที่จะใช้ชื่อรุ่นจริงๆว่า ID 4 โดยจะเปิดตัวในปี 2026 ซึ่งหากดูจากแนวทางในการตั้งชื่อรุ่นแล้ว เราคงจะได้เห็นรถยี่ห้อ Volkswagen รุ่นต่างๆในอนาคต ที่จะถูกจัดกลุ่มเข้าไปอยู่ในรุ่นเดียวกัน โดยใช้ขนาดของรถเป็นตัวแบ่งอย่างแน่นอน
รถ ID 4 สไตล์ Saloon รุ่นนี้ จะเข้าไปอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับรถ ID 4 สไตล์ SUV รุ่นล่าสุด ในกลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์ที่มีขนาดกลาง ซึ่งกำลังขยายไลน์อัพของตัวเองออกไป โดยมันได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เป็นคู่แข่งกับรถยี่ห้อ Tesla รุ่น Model 3 และรถรุ่นน้องอย่าง Tesla Model Y
รถ Saloon ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของ Volkswagen จะมีตัวเลือกทั้งแบบมอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง หรือแบบมอเตอร์คู่ ขับเคลื่อนสี่ล้อ และตั้งแต่ช่วงแรกเมื่อรถเริ่มออกสู่ตลาด มันก็จะถูกอัพเกรดซอฟต์แวร์มาตรฐานด้วยระบบ 5G แบบ over-the-air และติดตั้งฟังก์ชั่นการขับขี่อัตโนมัติระดับสอง
เดิมที Volkswagen ได้แย้มออกมาว่า ID 4 saloon จะมีฟังก์ชั่นการขับขี่อัตโนมัติระดับสี่ แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทางบริษัทฯได้บอกแต่เพียงว่าระบบจะสามารถซัพพอร์ตเพิ่มเติมได้ในทางเทคนิค เมื่อใดก็ตามที่มันถูกผลิตออกมาให้บริการแก่ลูกค้าแล้ว
ภายใต้กลยุทธ์ New Auto ที่ถูกประกาศออกไปเมื่อปีที่แล้วนั้น ทาง Volkswagen ได้เปลี่ยนโฟกัสไปที่การใช้พลังงานไฟฟ้าสำหรับรถยนต์รุ่นต่างๆ โดยตั้งเป้าที่จะเพิ่มส่วนแบ่งจากการขายโมเดลรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกเป็น 25% ภายในปี 2025 โดยในปี 2021 ตัวเลขส่วนแบ่งดังกล่าวอยู่ที่ 6%
ในอนาคตอันไกลออกไป VW คาดการณ์ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะมีส่วนแบ่งอย่างน้อย 50% ของยอดขายทั่วโลก ภายในปี 2030 และจะเพิ่มเป็นเกือบ 100% สำหรับยอดขายรถในตลาดหลักทั้งหมด ภายในปี 2040
รถรุ่น ID 4 saloon จะเป็นรถยนต์ยี่ห้อ Volkswagen รุ่นแรก ที่จะถูกผลิตขึ้นภายใต้กระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์แบบใหม่ ที่มุ่งลดเวลาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยรวมในกลุ่มของรถรุ่นใหม่ในอนาคตลงให้ได้มากที่สุด
“เรากำลังลดเวลาที่ถูกใช้ไปเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ลง 25%” Thomas Ulbrich หัวหน้าฝ่ายวิจัยและการพัฒนาของ Volkswagen กล่าว “โครงการต่างๆจะแล้วเสร็จลงในเวลา 40 เดือน แทนที่จะเป็น 54 เดือน แบบที่เราทำอยู่ในทุกวันนี้”
ในขณะที่การพัฒนารถโมเดลใหม่ๆที่มีอยู่ ณ โรงงานของ Volkswagen นั้น บริษัทฯได้เน้นไปที่ทีมวิศวกรแต่ละทีม ที่จะรับผิดชอบในส่วนประกอบแบบเฉพาะของรถยนต์แต่ละคัน ซึ่งมักจะมาจากคนละทิศคนละทางกัน โดยมีการส่งต่อมาจากซัพพลายเออร์นอก และในบางกรณีนั้น ก็ทำงานโดยไม่ได้มีการปรึกษาหารือโดยตรงระหว่างกัน แต่กระบวนการใหม่นี้จะมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมในการทำงานร่วมกันให้มากขึ้น ให้มีโครงสร้างแบบบูรณาการและคล่องตัว Ulbrich ได้เปิดเผยข้อมูลให้เราฟัง
ในส่วนที่เป็นหัวใจสำคัญของกระบวนการพัฒนารูปแบบใหม่นี้ ซึ่งได้ถูกวางแผนไว้ว่าจะใช้กับรถ ID รุ่นต่างๆ ที่กำลังจะถูกผลิตขึ้นตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป คือ เรื่องของ Software Architecture ที่จะได้รับการอัปเกรดใหม่ภายใต้ชื่อว่า “VW.OS”
โดยซอฟต์แวร์ตัวใหม่นี้อยู่ระหว่างการพัฒนาที่แผนกซอฟต์แวร์ของ Cariad ที่แบรนด์ Volkswagen นั้นเป็นเจ้าของ ซึ่งไม่เพียงแต่ระบบปฏิบัติการที่เป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะสำหรับรถยี่ห้อ Volkswagen ทุกรุ่นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแอพที่ถูกพัฒนากันขึ้นมาเอง เพื่อใช้ในฟังก์ชั่นและการบริการต่างๆ
Volkswagen ได้กล่าวว่า สัดส่วนของซอฟต์แวร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัทเอง สำหรับใช้ในรถรุ่นใหม่นี้ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากที่มีจำนวนต่ำกว่า 10% ในปัจจุบัน เป็นมากกว่า 60% ภายในปี 2025
กระบวนการใหม่ๆหลายๆอย่าง ที่จะถูกนำมาใช้เพื่อเป็นเครื่องดึงดูดความสนใจสำหรับรถรุ่น ID 4 นั้น แท้จริงแล้วถูกริเริ่มขึ้นโดยแบรนด์ Audi สำหรับใช้ในโครงการ Artemis ที่ถูกคิดขึ้นมาจากแนวความคิดในทำนองเดียวกัน ซึ่งเป็นการวางแผนเพื่อวางรากฐานสำหรับรถไฟฟ้าในระดับสูงรุ่นต่างๆที่มีความคลึงกัน แต่รถไฟฟ้ารุ่นที่มีขนาดใหญ่กว่านั้น จะมีกำหนดการผลิตในปี 2025
ระบบพื้นฐานสำหรับรถรุ่น ID 4 saloon ที่กำลังจะเปิดตัวออกมา คือ แพลตฟอร์ม Scalable Systems Platform (SSP) รุ่นใหม่ของแบรนด์ Volkswagen ซึ่งเป็น Skateboard-Style Architecture ที่ Herbert Diess ซีอีโอของ Volkswagen Group กล่าวไว้ว่าจะเข้ามาแทนที่โครงสร้าง Modularer E-Antriebs-Baukasten (MEB) ที่มีอยู่เดิม ตลอดจนกระทั่ง J1 และ Premium Platform Electric (PPE) architectures ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยแบรนด์ลูกของ Volkswagen อย่าง Audi และ Porsche
Diess ยังได้กล่าวต่อไปว่า “แพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์รุ่นต่อไปของเรานั้น จะช่วยให้เราสามารถลดความซับซ้อนของมันลงเมื่อเวลาผ่านไป เนื่องจากเราจะรวมแพลตฟอร์มที่มีอยู่ของเราให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด ตั้งแต่ระดับเริ่มต้น ไปจนถึงระดับบนสุด ตั้งแต่ 85kW [114bhp] ถึง 850kW [1140bhp]” เขากล่าว
ในขณะที่แพลตฟอร์ม MEB ที่ใช้ในรถรุ่น ID ที่มีอยู่ทั้งหมดของ Volkswagen นั้น จะใช้รูปแบบไฟฟ้าขนาด 400V แต่สำหรับแพลตฟอร์ม SSP นั้น จะสามารถรองรับระบบสูงสุดได้ถึง 800V ซึ่งจะทำให้รถรุ่น ID 4 saloon จะมีความจุสำหรับการชาร์จไฟที่สูงกว่าขนาด 135kW ของรถรุ่น ID 4 SUV ที่เพิ่งถูกอัพเกรดไปเมื่อเร็วๆนี้ และยังจะใช้เวลาในการชาร์จที่เร็วกว่าที่ทำได้ในปัจจุบันอย่างมาก นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ในระบบชาร์จ DC กำลังสูงได้อีกด้วย
แม้ตอนนี้จะไม่มีอะไรข้อมูลอะไรที่ออกมาอย่างเป็นทางการ และแม้ว่าคนวงในจะได้พูดถึงการลดเวลาในการชาร์จไฟลงได้กว่า "สามเท่า" จากจุดที่มีการอ้างอิงจากรถรุ่น ID 5 SUV ตัวใหม่ ที่อ้างว่าสามารถชาร์จไฟได้ 5 – 80% (ที่เพียงพอสำหรับการวิ่งได้ 242 ไมล์ / ประมาณ 389 กิโลเมตร) ภายในเวลา 29 นาที
ในส่วนของรายละเอียดเกี่ยวกับเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่จะนำมาใช้ในรถรุ่น ID 4 Saloon นี้ ก็ยังไม่ได้รับการเปิดเผยแต่อย่างใด โดยแหล่งข่าวได้เดาว่าทางบริษัทฯน่าจะใช้สารเคมีที่ปราศจากโคบอลต์ คล้ายกับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ที่ผลิตขึ้นโดย BYD ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน เช่นเดียวกับรถรถรุ่น ID อื่นๆที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดย Volkswagen รุ่นใหม่นี้ คาดว่าจะได้รับการติดตั้งแบตเตอรี่ที่มีความจุพลังงานและพิสัยที่แตกต่างกัน
แม้ตอนนี้จะยังเร็วไป แต่ทาง Volkswagen ก็ได้กล่าวว่า รถรุ่น ID ที่ล้ำหน้าที่สุดนี้ จะสามารถวิ่งได้ในพิสัยถึง 435 ไมล์ (700 กิโลเมตร) ในระหว่างช่วงการทดสอบ WLTP ของทวีปยุโรป ซึ่งตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับรถไฟฟ้ารุ่นที่มีอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังกล่าวอีกว่ารถรุ่น ID 4 saloon จะสามารถเร่งความเร็วจาก 0 – 62mph (0 – 99 kph) ได้ในเวลาน้อยกว่า 5 วินาที..
รถรุ่น ID 4 saloon ได้ใช้ความได้เปรียบจากความสามารถของแพลตฟอร์ม SSP อย่างเต็มที่ ในการติดตั้งแบตเตอรี่อย่างสมบูรณ์แบบภายใต้พื้นที่เรียบ โดยสัดส่วนของห้องโดยสารด้านหน้าที่เหลือนั้น จะทำให้พื้นที่ภายในรถนั้นมีเหลืออย่างกว้างขวางขึ้น
ด้วยความยาวของรถที่วัดได้ประมาณ 4600 มม. นั้น มันจึงมีขนาดที่เล็กกว่ารถรุ่น ID Vizzion ที่กำลังจะถุกผลิตออกมา ซึ่งกล่าวกันว่าจะมีความยาวประมาณ 4800 มม. แต่ก็ยังคงขนาดไว้ที่ 5 ที่นั่งอยู่ รวมถึงส่วนของช่องเก็บสัมภาระด้านหลังขนาดใหญ่ โดยเมื่อเปรียบเทียบกับ Tesla Model 3 ที่มีความยาวถึง 4694 มม. แล้วนั้น
การผลิตรถยนต์ Volkswagen รุ่นใหม่นี้ มีกำหนดการที่จะมีขึ้นในโรงงานแสตนอะโลนแห่งใหม่ที่มีมูลค่ากว่า 1.7 พันล้านปอนด์ (ประมาณ 73,500,000,000 บาท) ในเมือง Wolfsburg โดยโรงงานจะเป็นผู้ซัพพอร์ตกระบวนการสร้างโมดูลาร์แบบใหม่ ซึ่งจะทำให้รถรุ่น ID 4 saloon สามารถประกอบเสร็จสิ้นได้ภายในเวลาไม่ถึง 10 ชั่วโมง ตามรายงานที่บอกออกมาจาก Diess
ข้อมูลและภาพจาก autocar
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com