รถ Volkswagen ID. Buzz รุ่นใหม่ ถูกเผยโฉมออกมาให้เป็นรถ Microbus ไฟฟ้า ที่เป็นทีเด็ดทั้งเรื่องการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า

  • โดย : PR Autodeft
  • 11 มี.ค. 65 00:00
  • 9,340 อ่าน

รถ ID. Buzz และ ID. Buzz Cargo รุ่นใหม่ ได้รับการเผยโฉมในฐานะรถที่ใช้ไฟฟ้าเต็มรูปแบบสำหรับการขนส่งผู้โดยสารและการใช้พื้นที่เชิงพาณิชย์ที่มีสไตล์เก๋ไก๋ของแบรนด์ Volkwagen ซึ่งถูกเรียกให้เป็นแนวคิดแบบ "near-production" โดยพวกเขาได้สร้างมันขึ้นบนแพลตฟอร์ม VW’s modular MEB ที่เป็นรากฐานของรถตระกูล ID ทั้งหมด โดยจะเริ่มผลิตในครึ่งแรกของปี 2022 จะออกขายในทวีปยุโรปในช่วงไตรมาสที่สามของปีนี้

รถรุ่นที่มีฐานล้อแบบมาตรฐานได้ถูกเปิดเผยในวันนี้ว่า รถจะมาด้วยแบตเตอรี่ 82 kWh และมี 5 ที่นั่งสำหรับรถรุ่นที่ใช้โดยสาร ในขณะที่รุ่น ID. Buzz Cargo จะนำเสนอในสเปกเดียวกันกับในแพ็คเกจรถตู้ที่เป็น electric panel ที่ใช้ประโยชน์ได้มากกว่า

หากแต่ลูกค้าในสหรัฐอเมริกาจะต้องรอจนถึงปี 2024 สำหรับเวอร์ชั่นของ ID. Buzz ซึ่งถูกนำเสนอนั้น จะมีเฉพาะรุ่นที่มีการขยายฐานล้อ (extended-wheelbase trim) โดยจะถูกปล่อยออกมาในปีหน้า และยังไม่มีแผนที่จะขายรถรุ่นขนส่งสินค้า (cargo) ในตลาดอเมริกาเหนือ

รถรุ่นฐานล้อสั้นและรุ่นขนส่งสินค้าที่จะเปิดตัว

รถ ID. Buzz จะถูกนำเสนอในยุโรปด้วยรูปแบบ 5 ที่นั่ง (สองแถว) ในขณะที่ VW กล่าวว่ารถรุ่น 6 ที่นั่ง (ที่มี 3 แถว แถวละ 2 ที่นั่ง) บนฐานล้อขนาดมาตรฐาน จะมีกำหนดการออกขายในภายหลัง ในรถรุ่นฐานล้อแบบขยาย (extended wheelbase version) จะเข้าสู่ตลาดยุโรปในปีหน้า และจะถูกนำเสนอในรูปแบบ 7 ที่นั่ง โดยมีการวางฝังที่นั่งในแบบ 2/3/2 ส่วนรุ่นขนส่งสินค้า (cargo) นั้น จะมีให้เลือกทั้งแบบ 1 ที่นั่งสำหรับคนขับและ 2 ที่นั่งสำหรับผู้โดยสารด้านหน้า หรือแบบที่นั่งเดี่ยว 2 ที่นั่งแบบแยกกัน ทั้งรถ ID. Buzz และ ID. Buzz Cargo จะมีขนาดกว้าง 1,985 มม. (78.2 นิ้ว) และยาว 4,712 มม. (185.5 นิ้ว) ซึ่งสั้นกว่ารถตู้ T6.1 ของ VW ประมาณ 192 มม. (7.6 นิ้ว) ทั้งรถรุ่น ID. Buzz และ T6.1 ใช้ระยะฐานล้อเดียวกันที่ 2,988 มม. (118 นิ้ว) ความสูงของรุ่น ID. Buzz คือ 1,937 มม. (76.3 นิ้ว) และสำหรับรุ่น ID. Buzz Cargo จะสูงกว่า 1 มม. เนื่องจากความแตกต่างในเรื่องของแชสซี

ยังมีตัวเลือกเดียวสำหรับแบตเตอรี่ในตอนนี้ แต่ยังมีความแตกต่างอีกมากมายให้ได้ติดตาม

Volkswagen ยังไม่ได้เปิดเผยถึงพิสัยการขับขี่โดยประมาณ แต่พวกเขาได้ระบุว่ารถรุ่นเปิดตัวของ Buzz จะติดตั้งแบตเตอรี่ 82 kWh (77 kWh net) สำหรับการเปิดตัวครั้งแรกในทวีปยุโรป รถจะใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 201 แรงม้า (150 กิโลวัตต์) ที่มีแรงบิด 229 ปอนด์/ฟุต (310 นิวตันเมตร) มอเตอร์จะถูกเชื่อมต่อกับเพลาล้อหลังทำให้ ID. Buzz ถูกปล่อยออกมาเป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง ด้วยตัวเลือกของแบตเตอรี่ที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น พร้อมให้การผลิตพลังงานที่แตกต่างกัน จะวางจำหน่ายในปีหน้า แต่ VW ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของสิ่งที่บอกมาแบบเฉพาะเจาะจง อย่างไรก็ตาม สำหรับตอนนี้ พวกชาว Speed ​​Demon นั้น อาจจะต้องมองไปที่อื่นก่อน เพราะ ID. Buzz นั้น จะวิ่งได้ดีที่ความเร็วสูงสุดที่ 90 ไมล์ต่อชั่วโมง (145 กม./ชม.) ในขณะที่ไม่มีการพูดถึงความเร็วที่ 0 – 60 เลย

รถรุ่นที่ออกในยุโรปจะสามารถใช้ประโยชน์จาก "การชาร์จแบบสองทิศทาง (bi-directional charging)" ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่จะช่วยให้ ID. Buzz ป้อนพลังงานเข้าไปได้อย่างเสถียร แม้ว่าสิ่งนี้จะต้องติดตั้งกล่อง DC แบบสองทิศทางบนผนัง เมื่อพูดถึงการชาร์จไฟฟ้าเข้าสู่ตัวรถแบบปกติ ID. Buzz สามารถรองรับกระแสไฟฟ้า AC ที่ 11 กิโลวัตต์ หรือการชาร์จด่วนแบบ DC ที่ 170 กิโลวัตต์ ทำให้สามารถชาร์จซ้ำได้ร้อยละ 5 ถึง 80 ใน 30 นาที

เมื่อออกสู่ตลาด รถตู้รุ่นใหม่นี้จะใช้ประโยชน์จากระบบ "Plug & Charge" ของ VW ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อขจัดความยุ่งยากในการป้อนข้อมูลการชำระเงิน หรือกำหนดให้ผู้ใช้ต้องพกบัตรชาร์จไปด้วย ด้วย Plug & Charge ID สามารถเสียบ Buzz เข้ากับสถานีชาร์จแบบด่วนที่รับรองได้ ซึ่งเอกสารการรับรองความถูกต้องและการระบุตัวตนทั้งหมด จะได้รับการถ่ายข้อมูลโดยตรงระหว่างจุดที่ตั้งปลั๊กและรถตู้ ส่วนการเรียกเก็บเงินให้เป็นไปตามสัญญา “We Charge” กับ Volkswagen และว่ากันว่ามันจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีกับผู้ให้บริการที่มีหลายรายซึ่งลงทะเบียนไว้แล้ว

รถรุ่น T1 จะนำท่านย้อนไปสู่ความรู้สึกแบบ Retro-Modern

ID. Buzz มีความกระตือรือร้นที่จะทำตลาดกับรถสไตล์ Heritage อย่าง Volkswagen’s T1 Microbus ด้วยภาพลักษณ์ส่วนหน้าและหลังที่ทู่สั้น และองค์ประกอบการออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจในสไตล์ย้อนยุค โลโก้ VW ขนาดใหญ่ ไฟท้ายแบบเรียงซ้อน และฝากระโปรงหน้ารูปตัว V กว้าง การออกแบบได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างความทรงจำต่อรถ VW รุ่นเก่า อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถึงแม้ว่าการออกแบบกระจังหน้าด้านล่าง รวมทั้งไดนามิกของ “IQ. Light” กรอบไฟ LED Matrix ที่เป็นอุปกรณ์เสริม จะดูเหมือนมาจากโลกอนาคตก็ตาม

Jozef Kabaň หัวหน้าฝ่ายออกแบบของ Volkswagen กล่าวว่า "เรามั่นใจมากว่า เราจะไม่มีทางสร้างรถแบบ T1 ได้อีก“ ID. Buzz แสดงให้เห็นถึงการประสบความสำเร็จในการถ่ายทอดยีนและองค์ประกอบด้านสไตล์ของรถยนต์ที่เป็นเอกลักษณ์ไปสู่โลกยุคดิจิทัล”

ID.Buzz มีตัวเลือกสีทูโทนที่สดใส ถึงแม้ว่าจะมีตัวเลือกแบบสีเดียวให้ด้วยก็ตาม สเปกตรัมของสีประกอบด้วยตัวเลือกทั้งหมดกว่า 11 แบบ ได้แก่ ตัวเลือกแบบสีเดียว มีทั้งหมด 7 สี ได้แก่ Candy White, Mono Silver, Lime Yellow, Starlight Blue, Energetic Orange, Bay Leaf Green และ Deep Black และตัวเลือกแบบทูโทนจะมี 4 สี ส่วนบนของแบบทูโทนใน ID. Buzz นั้น สีบนหลังคาและกระโปรงหน้ารถจะมีสี Candy White เสมอ ในขณะที่ส่วนล่างอาจเป็นสี Lime Yellow, Starlight Blue, Energetic Orange หรือ Bay Leaf Green

ID. Buzz เวอร์ชันสำหรับขนส่งผู้โดยสารที่มีสเป็คที่สูงกว่า จะแล่นไปบนล้ออลูมิเนียมอัลลอยด์ในขนาดขอบ 18 – 21 นิ้ว ถึงแม้ว่าขนาดล้อมาตรฐานในรุ่นขนส่งผู้โดยสารและรุ่นขนส่งสินค้า (Cargo) จะใช้ขอบ sport steel ขนาด 18 นิ้วก็ตาม

การตกแต่งภายในที่เต็มไปด้วยสีสัน หากแต่ยังดูค่อนข้างเรียบง่าย ช่างน่านั่งเสียจริงๆ!

การตกแต่งภายในของ VW ID. Buzz นั้น หันมายกเว้นการใช้วัสดุจากสัตว์ โดยเปลี่ยนจากหนังที่ใช้เป็นวัสดุสังเคราะห์ และวัสดุที่ใช้ภายในส่วนหนึ่งก็ทำมาจากวัสดุรีไซเคิล พวงมาลัยจะหุ้มด้วยโพลียูรีเทนที่มีรูปลักษณ์และความรู้สึกเหมือนหนังสัตว์ ในขณะที่วัสดุที่ใช้สำหรับหุ้มเบาะนั่ง วัสดุปูพื้น และบุหลังคานั้น เป็นการรวมเอาเส้นด้าย Seaqual ซึ่งประกอบด้วยพลาสติกที่เก็บจากมหาสมุทร 10 เปอร์เซ็นต์ และ 90% ทำมาจากขวด PET รีไซเคิล

ภายในห้องโดยสารจะมีจอแสดงผลดิจิตอลขนาด 10 นิ้ว ที่จะจับคู่กับระบบสาระบันเทิงขนาด 10 นิ้ว ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นยูนิตที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 12 นิ้ว ที่เป็นอุปกรณ์เสริมได้ แต่สิ่งนี้อาจทำให้ผู้ใช้บางคนไม่ชอบใจที่แถบเลื่อนและปุ่มสัมผัสถูกใช้เพื่อควบคุมระบบ HVAC ข่าวดีก็คือมีการชาร์จแบบไร้สาย (พร้อมการเชื่อมต่อแอพไร้สาย) มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ห้องโดยสารมี USB-C Port หลายช่อง โดยขึ้นอยู่กับข้อกำหนด รวมถึงช่องระบายอากาศที่อยู่ใกล้กับกระจกมองหลังตรงกลางเพื่อจ่ายไฟให้กับกล้องติดรถยนต์

ในขณะที่รถรุ่นสเป็คสูงสุดจะมีเบาะนั่งที่ปรับด้วยไฟฟ้า พร้อมหน่วยความจำและฟังก์ชั่นการนวด และระยะฐานล้อที่ขยายออกไปสำหรับรถโมเดลที่ออกในทวีปอเมริกาเหนือ ในรุ่นที่มี 7 ที่นั่ง จะมีให้เลือกในการจัดที่นั่งแบบ 2/3/2 ด้วย

ตามเทรนด์ของผู้ผลิตรถยนต์ในทุกวันนี้ ซึ่งชอบให้มีการเพิ่มนิดนี่หน่อยหลายๆอัน กระจายอยู่รอบๆห้องโดยสาย ซึ่งรวมถึงภาพเงาของตัวรถที่ทำเป็นลายนูนที่ขอบเบาะนั่งด้านล่าง และโต๊ะพับที่อยู่ด้านหลังเบาะที่นั่งด้านหน้า

การลงมือทำจริงยังคงเป็นสิ่งที่ต้องมาก่อน

เนื่องจากเป็นรถ MPV จึงต้องให้ความสนใจในเรื่องการใช้งานจริงด้วยเช่นกัน ซึ่งด้านหลังรถจะมีประตูที่เปิดขึ้นได้ และรุ่นสำหรับขนส่งผู้โดยสารจะมีประตูบานเลื่อนทั้ง 2 ข้าง เบาะที่นั่งด้านหลังจะเป็นแบบ 3 ที่นั่ง ที่สามารถแยกส่วนได้เท่ากับ 40:60 และสามารถเลื่อนไปข้างหน้าและด้านท้าย เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง ซึ่งสามารถบรรจุได้กว่า 1,121 ลิตร (39.6 ลบ.ฟุต)

นอกจากนี้ยังมีคอนโซลกลางแบบถอดออกได้ ซึ่งได้รับการพัฒนาโดย Volkswagen Commercial Vehicles แต่มีให้เฉพาะในรุ่นสำหรับขนส่งผู้โดยสารและขนส่งสินค้าเท่านั้น ยังมีกล่องเอนกประสงค์ที่มีถังเก็บของ (ในกรณีไว้ใส่สินค้าสินค้าและที่วางแก้วน้ำ) มีช่องใส่ขวดน้ำแบบเปิดปิดสำหรับใส่ขวดน้ำขนาด 1.4 ลิตร และลิ้นชักขนาด 5 ลิตร ไว้สำหรับใส่แท็บเล็ตหรือแล็ปท็อป ในรุ่นขนส่งสินค้าแบบ 2 สองที่นั่ง และ ID. Buzz แบบ 5 ที่นั่งนั้น คอนโซลตรงกลางจะถูกล็อคเข้าที่ระหว่างที่นั่งคนขับและที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้า ในรุ่น ID. Buzz 6 ที่นั่ง ยังสามารถวางกล่องไว้ตรงกลางระหว่างแถวที่นั่งที่สองได้

รถ ID. Buzz รุ่นขนส่งสินค้า เป็นรถตู้ที่ไม่มีสิ่งที่ไร้สาระอย่างแท้จริง

ในขณะที่ ID. Buzz รุ่นขนส่งผู้โดยสารนั้นจะเน้นไปที่การใช้สีสันและการตกแต่งภายในที่สดใส รถรุ่นขนส่งสินค้าจะเน้นไปที่ความจริงจังมากขึ้น โดยมีให้เลือกทั้งแบบ 3 ที่นั่ง (มีเบาะคนขับหนึ่งที่นั่ง + เบาะผู้โดยสารแบบ  2 ที่นั่ง) หรือแบบแยก 2 ที่นั่ง โดยส่วนวางสินค้าจะมี partition แยกพื้นที่ออกจากห้องคนขับ

Partition นี้จะมีให้เลือกทั้งแบบช่องหน้าต่างและช่องเปิดสำหรับวางสินค้า ในส่วนพื้นที่บรรทุกจะมีวงแหวนและราวจับที่ผนังด้านข้างเพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าสามารถยึดติดไว้ได้อย่างเหมาะสม ในขณะที่รถตู้เปิดประตูบานเลื่อนบานที่สองออก อย่างไรก็ตาม หากจำเป็นจริงๆ รถตู้แบบ panel ก็สามารถที่จะให้ประตูบานเลื่อนบานที่สองเป็นตัวเลือกที่จะมีหรือไม่ก็ได้

ลูกค้าชาวยุโรปจะได้นั่งอยู่หลังพวงมาลัยในปลายปีนี้

รถ ID. Buzz จะผลิตโดย Volkswagen Commercial Vehicles ที่โรงงานหลักในเมืองฮันโนเวอร์ โดยจะผลิตทั้ง ID. Buzz และ ID. Buzz Cargo โดยจะเริ่มผลิตในครึ่งแรกของปี 2022 ส่วนราคาคาดว่าจะประกาศในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

คำสั่งซื้อของฝั่งยุโรปจะเปิดในเดือนพฤษภาคม ปี 2022 โดยมีกำหนดการเปิดตัวในไตรมาสที่ 3 ของปี ในขณะเดียวกัน ลูกค้าในทวีปอเมริกาเหนือคาดหวังว่าจะได้เห็นการเปิดตัว ID. Buzz แบบฐานล้อยาวสำหรับขนส่งผู้โดยสารในปีหน้า โดยจะเปิดขายในปี 2024 เท่านั้น

 

ที่มา carscoops

# # # #

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ