Toyota ปรับประมาณการตลาดรถยนต์คาดยอดขายรวมอยู่ที่ 740,000 คัน ในปี 2559 ยืนยันไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญในภูมิภาค
- โดย : Autodeft
- 26 ก.ค. 59 00:00
- 9,503 อ่าน
มร.เคียวอิจิ ทานาดะ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงสถิติการจำหน่ายรถยนต์ครึ่งแรกของปี 2559 พร้อมปรับประมาณการตลาดรถยนต์ไทยปี 2559
โดย มร.ทานาดะ กล่าวว่า “สืบเนื่องมาจากเศรษฐกิจในประเทศไทยยังคงอยู่ในสภาวะชะลอตัวประกอบกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ทำให้ตลาดรถยนต์ในครึ่งปีแรกของปี 2559 มียอดขายรวมประมาณ 367,481 คัน ลดลง 0.4 %
สถิติการขายรถยนต์ ครึ่งแรกของปี 2559
|
ปริมาณการขาย (คัน) |
เปลี่ยนแปลง เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2558 |
ปริมาณการขายรวม |
367,481 |
-0.4% |
รถยนต์นั่ง |
128,310 |
-12.6% |
รถเพื่อการพาณิชย์ |
239,171 |
+7.6% |
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) |
192,558 |
+12.2% |
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) |
160,419
|
+2.7%
|
โดย Toyota มียอดขาย 109,078 คัน ลดลง 11.4 % แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 35,700 คัน ลดลง 33.0 %รถเพื่อการพาณิชย์ 73,378 คัน เพิ่มขึ้น 5.1 % และรถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง ของยอดขายรถเพื่อการพาณิชย์ 69,678 คัน เพิ่มขึ้น 8.1 % (รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง 54,864 คัน ลดลง7.6% )ทั้งนี้ขอขอบคุณภาครัฐที่ได้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจนทำให้ตลาดรถยนต์ครึ่งปีแรกสามารถอยู่ในระดับเดียวกับปีที่แล้ว
สำหรับการส่งออกในครึ่งปีแรก โตโยต้าได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปจำนวน 166,299 คัน คิดเป็นมูลค่า 96,953 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น 26 % และมีการส่งออกชิ้นส่วน มูลค่า 31,335 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าการส่งออกที่ 128,288 ล้านบาท”
สำหรับแนวโน้มตลาดรถยนต์ของปี 2559 มร.ทานาดะ คาดการณ์ว่า “ถึงแม้ว่าครึ่งปีหลังจะมีแรงบวกจากนโยบายของภาครัฐ การท่องเที่ยว ภาคบริการ และการลงทุนจากภาคเอกชน รวมถึงการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่จากหลายค่ายรถยนต์ จะเริ่มส่งผลดีต่อภาพรวมของเศรษฐกิจและตลาดรถยนต์ หากแต่เศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวต่อเนื่องมาอย่างช้านาน รวมถึงกำลังซื้อที่จำกัด และความไม่แน่นอนจากเศรษฐกิจโลก ยังคงต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัว ดังนั้นแนวโน้มของตลาดรถยนต์ในประเทศปีนี้จะมียอดขายรวมทั้งหมดอยู่ที่ 740,000 คัน
ประมาณการยอดขายรถยนต์ในประเทศ ปี 2559
|
ปริมาณการขาย (คัน) |
ปริมาณการขายรวม |
740,000 คัน ลดลง 7.5% |
รถยนต์นั่ง |
271,000 คัน ลดลง 9.5% |
รถเพื่อการพาณิชย์ |
469,000 คัน ลดลง 6.3% |
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) |
379,000 คัน ลดลง 4.5% |
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) |
318,000 คัน ลดลง 3.0% |
Toyota ยังคงเป้าหมายการขายสำหรับตลาดรถยนต์ในประเทศปีนี้ไว้ที่ 240,000 คัน แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 85,000 คัน รถเพื่อการพาณิชย์ 155,000 คัน และ รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยอดขายรถเพื่อการพาณิชย์ 145,400 คัน (รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 117,000 คัน) และได้ปรับเป้าหมายการส่งออกไว้ที่ 312,000 คัน ลดลง 17 % เนื่องจาก ผลกระทบของตลาดในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง”
มร.ทานาดะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “แน่นอนว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยังคงต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ทั้งตลาดในประเทศและการส่งออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์พลังงานทางเลือกและเทคโนโลยีขั้นสูงที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นในสังคมยานยนต์แห่งอนาคต Toyota พร้อมที่จะพัฒนาและต่อยอดเทคโนโลยี อันจะนำไปสู่ผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ”และ“ผมขอยืนยันว่า ประเทศไทยยังเป็นศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่ง และเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนตลาดของภูมิภาคนี้
นอกจากนี้ Toyota ยังคงมุ่งมั่นที่จะยกระดับขีดความสามารถของคนไทยที่มีต่อการผลิตให้เป็นที่ยอมรับ และได้รับความเชื่อถือในระดับสากลทั้งในด้านการวิจัยและพัฒนา ที่ปัจจุบันคนไทยเข้ามาเป็นหลักในการร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ในภูมิภาคนี้มากขึ้น รวมถึงการสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านวิศวกรรมการผลิต เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของภูมิภาคนี้ ทั้งนี้ เรายังคงมุ่งเน้นการส่งเสริมการเพิ่มใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศมากขึ้น ด้วยการพัฒนาผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศไทย ตลอดจนการถ่ายทอดนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการผลิตระดับสูง เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
อีกทั้ง ในปีนี้บริษัท สยามโตโยต้าแมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด หรือ STM ซึ่งเป็นฐานการผลิตเครื่องยนต์หลักในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้ทำการผลิตเครื่องยนต์ครบ 10 ล้านเครื่อง ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเครื่องยนต์ลำดับสองต่อจากโรงงานในรัฐเคนทักกี ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ผลิตครบ 10 ล้านเครื่อง นับเป็นการยืนยันถึงความสำคัญของประเทศไทย ในการเป็นฐานการผลิตหลักของโตโยต้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอีกด้วย”
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เดือนมิถุนายน 2559
ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 64,900 คัน เพิ่มขึ้น 7.6 % |
||
อันดับที่ 1 โตโยต้า 21,363 คัน |
ลดลง 2.1% |
ส่วนแบ่งตลาด 32.9% |
อันดับที่ 2 อีซูซุ 11,173 คัน |
เพิ่มขึ้น 3.1% |
ส่วนแบ่งตลาด 17.2% |
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 10,003 คัน |
เพิ่มขึ้น 26.3 % |
ส่วนแบ่งตลาด 15.4% |
ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 24,600 คัน เพิ่มขึ้น 15.6 % |
||
อันดับที่ 1 โตโยต้า 7,851 คัน |
เพิ่มขึ้น 5.1% |
ส่วนแบ่งตลาด 31.9% |
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 7,436 คัน |
เพิ่มขึ้น 48.2% |
ส่วนแบ่งตลาด 30.2% |
อันดับที่ 3 มาสด้า 2,055 คัน |
ลดลง 0.7% |
ส่วนแบ่งตลาด 8.4% |
ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 32,068 คัน เพิ่มขึ้น 5.9 % |
||
อันดับที่ 1 โตโยต้า 12,844 คัน |
ลดลง 4.5% |
ส่วนแบ่งตลาด 40.1% |
อันดับที่ 2 อีซูซุ 10,004 คัน |
เพิ่มขึ้น 2.5% |
ส่วนแบ่งตลาด 31.2% |
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 3,307 คัน |
เพิ่มขึ้น 92.3% |
ส่วนแบ่งตลาด 10.3% |
ปริมาณการขายกระบะดัดแปลง PPV ในตลาดกระบะ 1 ตัน 4,968 คัน :
- โตโยต้า 2,216 คัน - ฟอร์ด 914 คัน - มิตซูบิชิ 882 คัน -อีซูซุ 855 คัน - เชฟโรเลต 101 คัน
ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 27,100 คัน ลดลง 3.0 % |
||
อันดับที่ 1 โตโยต้า 10,628 คัน |
ลดลง 17.1% |
ส่วนแบ่งตลาด 39.2% |
อันดับที่ 2 อีซูซุ 9,149 คัน |
เพิ่มขึ้น 3.6% |
ส่วนแบ่งตลาด 33.8% |
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,393 คัน |
เพิ่มขึ้น 39.1% |
ส่วนแบ่งตลาด 8.9% |
ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 40,300 คัน เพิ่มขึ้น 3.2 % |
||
อันดับที่ 1 โตโยต้า 13,512 คัน |
ลดลง 5.9% |
ส่วนแบ่งตลาด 33.5% |
อันดับที่ 2 อีซูซุ 11,173 คัน |
เพิ่มขึ้น 3.1% |
ส่วนแบ่งตลาด 27.7% |
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 3,575 คัน |
เพิ่มขึ้น 80.4% |
ส่วนแบ่งตลาด 8.9% |
สถิติการจำหน่ายรถยนต์เดือนมกราคม-มิถุนายน 2559
ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 367,481 คัน ลดลง 0.4% |
||
อันดับที่ 1 โตโยต้า 109,078 คัน |
ลดลง 11.4% |
ส่วนแบ่งตลาด 29.7% |
อันดับที่ 2 อีซูซุ 72,292 คัน |
เพิ่มขึ้น 4.3% |
ส่วนแบ่งตลาด 19.7% |
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 53,952 คัน |
ลดลง 1.5% |
ส่วนแบ่งตลาด 14.7% |
ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 128,310 คัน ลดลง 12.6% |
||
อันดับที่ 1 ฮอนด้า 38,705 คัน |
ลดลง 0.2% |
ส่วนแบ่งตลาด 30.2% |
อันดับที่ 2 โตโยต้า 35,700 คัน |
ลดลง 33.0% |
ส่วนแบ่งตลาด 27.8% |
อันดับที่ 3 มาสด้า 13,500 คัน |
เพิ่มขึ้น 22.9% |
ส่วนแบ่งตลาด 10.5% |
ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 192,558 คัน เพิ่มขึ้น 12.2 % |
||
อันดับที่ 1 โตโยต้า 69,678 คัน |
เพิ่มขึ้น 8.1% |
ส่วนแบ่งตลาด 36.2% |
อันดับที่ 2 อีซูซุ 65,773 คัน |
เพิ่มขึ้น 4.1% |
ส่วนแบ่งตลาด 34.2% |
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 20,613 คัน |
เพิ่มขึ้น 11.7% |
ส่วนแบ่งตลาด 10.7% |
ปริมาณการขายกระบะดัดแปลงในตลาดกระบะ 1 ตัน 32,139 คัน :
- โตโยต้า 14,814 คัน - มิตซูบิชิ 9,865 คัน -อีซูซุ 3,827 คัน - ฟอร์ด 3,111 คัน - เชฟโรเลต 522 คัน
ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 160,419 คัน เพิ่มขึ้น 2.7 % |
||
อันดับที่ 1 อีซูซุ 61,946 คัน |
เพิ่มขึ้น 8.7% |
ส่วนแบ่งตลาด 38.6% |
อันดับที่ 2 โตโยต้า 54,864 คัน |
ลดลง 7.6% |
ส่วนแบ่งตลาด 34.2% |
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 13,410 คัน |
เพิ่มขึ้น 31.4% |
ส่วนแบ่งตลาด 8.4% |
ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 239,171 คัน เพิ่มขึ้น 7.6 % |
||
อันดับที่ 1 โตโยต้า 73,378 คัน |
เพิ่มขึ้น 5.1% |
ส่วนแบ่งตลาด 30.7% |
อันดับที่ 2 อีซูซุ 72,292 คัน |
เพิ่มขึ้น 4.3% |
ส่วนแบ่งตลาด 30.2% |
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 20,613 คัน |
เพิ่มขึ้น 30.3% |
ส่วนแบ่งตลาด 8.6% |
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com