Toyota Crown Executive หรูพิเศษซาลูนใหญ่ขวัญใจชาวญี่ปุ่น เริ่ม 1.423 ล้านบาท
- โดย : Autodeft
- 28 เม.ย. 63 00:00
- 27,283 อ่าน
ตลอด 65 ปี ที่ Toyota Crown ซาลูนใหญ่จากค่ายสามห่วงรับใช้ผู้บริหาร นักธุรกิจ ชาวญี่ปุ่น มายาวนาน ด้วยความหรูหรา ความภูมิฐานยังคงเอกลักษณ์เช่นเดิมถึงกาลเวลาจะเปลี่ยนไปตามยุคตามสมัย
และเนื่องในโอกาสครบรอบ 65 ปี ของการทำตลาดที่ญี่ปุ่น โตโยต้า เปิดตัวรุ่นพิเศษ Toyota Crown Executive ในร่างเจเนอเรชั่น 15 โดยจำหน่ายถึง 3 รุ่นทั้งรุ่น Limited, Elegance Style II และ Sport Style เริ่มที่รุ่น Limited ดัดแปลงจากรุ่น RS มาพร้อมล้ออัลลลอยลาย 5 ก้านคู่ 18 นิ้ว สีดำพร้อมยาง 225/45 R18 ส่วนภายในวัสดุหุ้มเบาะนั้นเป็นแบบหนังแท้คุณภาพสูงกึ่งผ้ากำมะหยี่ในตัวปรับด้วยระบบไฟฟ้าในด้านคนขับ พร้อมทั้งเพิ่มความปลอดภัยด้วยระบบเตือนจุดอับสายตา blind spot monitor, และระบบเตือนจุดอับสายตาขณะถอยหลัง rear cross traffic auto brake
มากันที่รุ่น Elegance Style II ดัดแปลงจากรุ่น S เน้นความหรูหราด้วยล้ออัลลอยลาย BBS สีเงินขนาด พร้อมยาง 225/45 R18 ชุดแต่งโครเมี่ยมรอบคันทั้งกระจังหน้า คิ้วขอบกระจก มือจับประตู ภายในตกแต่งโอ่โถ่งด้วยวัสดุหุ้มเบาะแบบหนังกลับกึ่งหนังสังเคราะห์ คอนโซลหน้าตกแต่งลายไม้สีดำและความปลอดภัยเหมือนกับรุ่น Limited ด้วยระบบเตือนจุดอับสายตา blind spot monitor, และระบบเตือนจุดอับสายตาขณะถอยหลัง rear cross traffic auto brake
ปิดท้ายด้วยนรุ่นสปอร์ต Sport Style ดัดแปลงจากรุ่น S พลิกความหรูมาเป็นแนวใหม่สปอร์ตกึ่งหรูด้วยกระจังหน้าพร้อมช่องรับอากาศรังผึ้งขนาดใหญ่สีดำ ไฟหน้าทรงเสน่ห์แบบ Bi-Beam LED รมดำ และไฟท้าย LED รมดำ ติดตั้งกรอบไฟตัดหมอกหน้า LED กันชนหน้าแบบสปอร์ต ล้ออัลลอยลาย BBS สีดำขนาด 18 นิ้วลายสปอร์ต พร้อมยาง 225/45 R18 ภายในหรูเข้มตกแต่งด้วยโทนสีดำ เดินด้ายแดงเข้ม
นอกจากนี้ในรุ่นปกติยังมีการเพิ่มออพชั่นด้วยจอสัมผัสขนาดใหญ่สองจอ ทั้งขนาดใหญ่ 8 นิ้วข้างบนคอนโซลกลาง ควบคุมระบบความบันเทิง และขนาด 7 นิ้วในคอนโซลกลางเป็นศูนย์รวมการทำงานของระบบปรับอากาศอัตโนมัติด้วยการเพิ่มฟังก์ชั่นระบบนำทาง T-Connect SD navigation system เชื่อมต่อทั้ง SmartDeviceLink, Apple CarPlay และ Android Auto และในรุ่น RS ยังตกแต่งแผงประตูและคอนโซหน้าแบบหนังสัมผัสใหม่ เพิ่มความเร้าใจอีกระดับ
ทั้ง 3 รุ่นพิเศษและรุ่นปรับปรุงใหม่มาพร้อมขุมพลังที่จัดจ้านเริ่มที่เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบชาร์จ Dual VVT-iW 8AR-FTS ขนาด 2.0 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุดเป็น 245 แรงม้าที่ 5,200 ถึง 5,800 รอบ/นาที แรงบิด 350 นิวตันเมตรที่ 1,650 ถึง 4,000 รอบ/นาที พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ Super ECT 8 สปีด ขับหลัง ขุมพลัง Hybrid เครื่องยนต์เบนซิน Dynamic Force Engine Hybrid 2.5 ลิตร (รหัส A25A-FXS) ให้กำลังถึง 184 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 221 นิวตันเมตร ที่ 3,800-5,400 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 1KM 143 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกันได้กำลังสูงถึง 226 แรงม้า จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ THS II with reduction gear แบตเตอรี่แบบ Nickel-metal hydride ขับหลังและขับสี่ AWD
ใหญ่สุดเครื่องยนต์เบนซิน Hybrid V6 3.5 ลิตร (รหัส 8GR-FXS) ให้กำลังถึง 299 แรงม้าที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิด 356 นิวตันเมตร ที่ 5,100 รอบ/นาที ในภาคเครื่องยนต์จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว รุ่น 2NM ให้กำลังถึง 180 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกันได้กำลังสูงถึง 359 แรงม้าคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด Multi Stage Hybrid System แบตเตอรี่แบบ Lithium-ion ขับหลังและขับสี่ AWD
พร้อมระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ประกอบด้วย ระบบเตือนผู้ขับขี่พร้อมช่วยเบรกอัตโนมัติก่อนจะเกิดการชน Pre-Collision System, ระบบระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ Dynamic Radar Cruise Control (DRCC), ระบบเตือนเมื่อรถและหน่วงพวงมาลัยเมื่อออกนอกเลน Lane Departure Alert (LDA) with steering assist, ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Automatic High Beam (AHB) และระบบควบคุมรถบนเส้นทางไร้เส้นแบ่งเลนถนน Lane Tracing Assist (LTA) ในพื้นฐานแพลตฟอร์ม TNGA global architecture for luxury vehicles (GA-L) แบบเดียวกับ Lexus LS
รถยนต์หรูตรามงกุฎค่าย Toyota จำหน่ายที่ญี่ปุ่นดังนี้เริ่มที่รุ่นพิเศษ Limited จำหน่ายทั้งหมด 3 รุ่นย่อย เริ่ม 5,169,000- 5,609,000 Yen หรือราว 1,566,000 – 1,699,000 บาท รุ่น Elegance Style II 3 รุ่นย่อย เริ่ม 5,063,000- 5,503,000 Yen หรือราว 1,534,000 – 1,667,000 บาท รุ่น Sport Style 3 รุ่นย่อย ราคาเดียวกับรุ่น Elegance Style II เริ่ม 5,063,000- 5,503,000 Yen หรือราว 1,534,000 – 1,667,000 บาท
ส่วนรุ่นปกติปรับปรุงใหม่ จำหน่ายทั้งหมด 21 รุ่นย่อย เริ่ม 4,695,000- 7,321,000 Yen หรือราว 1,423,000 – 2,219,000 บาท (ราคาทั้งหมดไม่รวมภาษีนำเข้าของเมืองไทย)
ที่มา Carwatch
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com