Toyota ผนึกกำลัง Mazda ต่างซื้อหุ้นกันและกัน และจับมือพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าร่วมกัน

  • โดย : พิสน ลีละหุต
  • 7 ส.ค. 60 00:00
  • 7,901 อ่าน

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราจะได้เห็นการเข้าซื้อหุ้นหรือจับมือกันระหว่างค่ายรถยนต์กันอยู่หลายครั้ง ล่าสุดค่ายรถยนต์แดนปลาดิบอย่าง Toyota และ Mazda ก็ได้จับมือร่วมกันเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการ โดยต่างค่ายต่างซื้อหุ้นของกันและกัน และมีแผนที่จะพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าร่วมกัน รวมทั้งใช้โรงงานผลิตเดียวกันที่สหรัฐฯอีกด้วย

Toyota and Mazda

โดยการจับมือกันครั้งนี้ เป็นการเข้าซื้อหุ้นกันและกัน โดยเข้าซื้อกันค่ายละ 50,000 ล้านเยน หรือประมาณ 15,000 ล้านบาท ซึ่งหมายความว่า Toyota จะถือหุ้นใน Mazda รวม 5.05% และทาง Mazda จะถือหุ้นใน Toyota รวม 0.25% โดยเริ่มต้นการถือหุ้นตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป โดยจุดประสงค์ในการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกันในครั้งนี้ เพราะต้องการสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่ในสหรัฐฯ ซึ่งใช้มูลค่าการลงทุนประมาณ 1,600 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 53,000 ล้านบาท และมีการใช้พนักงานในโรงงานนี้ราว 4,000 คน ซึ่งจะมีการลงทุนร่วมกันสร้าง 50/50 โดยทางมาสด้าจะเอาไว้เป็นฐานผลิตรถยนต์แบบ Crossover ส่งจำหน่ายในอเมริกาเหนือ ส่วนโตโยต้าจะใช้ผลิต Corollas เพื่อจำหน่ายในสหรัฐฯ, แคนาดา และ เม็กซิโก ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ทาง Mazda ผลิตในสหรัฐ คือตั้งแต่ปี 2012 ก่อนที่จะขายหุ้นของโรงงาน AutoAlliance ในมิชิแกนกลับไปให้ทาง Ford

Toyota

นอกจากการสร้างโรงงานร่วมกันแล้ว ทั้ง 2 ค่ายยังมีแผนการร่วมมือกันพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันทางมาสด้าก็มีการใช้ชิ้นส่วนบางอย่างของโตโยต้า มาผลิต Mazda 3 เวอร์ชั่นไฮบริดที่จำหน่ายเฉพาะในญี่ปุ่นอยู่แล้ว รวมทั้งยังร่วมกันผลิตระบบ Infotainment เช่นระบบเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตในรถยนต์, ระบบความปลอดภัยด้านหน้า เป็นต้น

Mazda

นาย Akio Toyoda ประธานกรรมการของ Toyota ได้บอกในการประกาศความร่วมมือครั้งนี้ว่า "สิ่งที่ดีที่สุดในการเป็นหุ้นส่วนกับมาสด้าครั้งนี้ก็คือ เราได้ร่วมมือกับค่ายรถยนต์ที่มีความรักรถยนต์อย่างแท้จริง มันเป็นการจุดประกายให้กับทางโตโยต้า มีแรงผลักดันมากขึ้นกว่าเดิมในการผลิตรถยนต์ที่ดีขึ้นกว่าเดิมด้วยความร่วมมือไปด้วยกันกับทางมาสด้า" ส่วนนาย Masamichi Kogai CEO ของ Mazda ก็กล่าวว่า "ไม่มีอะไรจะน่ายินดีไปกว่าความร่วมมือกันกับโตโยต้าในครั้งนี้อีกแล้ว พวกเราจะช่วยกันเพิ่มพลังให้กับอุตสาหกรรมรถยนต์มากขึ้น และสร้างแรงบันดาลใจให้กับบรรดาแฟนๆของเราได้มากขึ้น โดยนำเอาจิตวิญญาณของการแข่งขันมาผสานให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อเป็นผู้นำในตลาดต่อไป"

ข้อมูลจาก Car Advice

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com 

5 เรื่องน่าสนใจ