Ford ส่งซิกไทยเป็นฮับส่งออก ford Ecosport ไปอเมริกาเหนือ

ภารตะเซ็ง Ford โยนยอดการผลิตไปอเมริกาเหนือให้โรงงานในไทยส่งไปขายอเมริหา ชี้คุณภาพการเก็บเสียงและการประกอบ ทำได้ดีกว่า สื่ออินเดียเปรยอาจจะเป็นหน้าใหม่สไตล์ Ford Edge

 

 

กลายเป็นข่าวดีในรอบเดือน และเป็นประเด็นใหญ่ทางฝั่งอินเดียอีกครั้ง  เมื่อค่ายรถยนต์  ford   ออกมาเปิดเผยการตัดสินใจล่าสุดว่า พวกเขาจะให้สายการผลิตรถยนต์ในไทยเป็นกำลังหลักในการส่งออกรถยนต์ไปอเมริกา หลังจากเดิมทีวางแผนให้   Ford India   เป็นโรงงานผลิตเพื่อการส่งออก

การตัดสินใจล่าสุดของค่ายรถยนต์   Ford   นี้มีขึ้นหลังจาก  Ford   ตัดสินใจว่า ภายในครึ่งแรกของปีหน้า (2016) บริษัทจะเริ่มวางจำหน่ายรถยนต์   Ford Ecosport   ใหม่ในประเทศอเมริกาอย่างเป็นทางการ รวมถึงประเทศแคนาดา และโรงงานในไทยจะเป็นกำลังหลักในการตอบตลาดที่อเมริกาเหนือ จากการยืนยันของแหล่งข่าวภายในของ  ford    ที่ยืนยันจาก Economic time  สื่อยักษ์ใหญ่จากประเทศอินเดีย

[IMAGE1]

ตามรายงานที่ค่อนข้างออกมาชัดเจนถึงข่าวดีของคนไทย ถูกระบุว่า สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากความต้องการรถยนต์   Ford Ecosport   ของชาวอินเดียที่ได้รับความนิยมมมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันลูกค้าอาจจะต้องรอรถกว่า 5-6  เดือนโดยประมาณ ดังนั้นการที่มีการโยกกำลังส่งออกจากเดิมที่ต้องผลิตแล้วส่งออกกว่าปีละกว่า 35% ของยอดการผลิตทั้งหมด  การตัดสินใจของค่ายรถยนต์วงรีสีน้ำเงินนี้ก็ค่อนข้างชัดเจนว่า ทาง Ford   จะสนับสนุนลูกค้าในตลาดภายในประเทศอินเดียก่อน แต่ก็ม่ได้หมายความถึงการตัดว่าไม่ต้องส่งออกเลย เพราะ  Ford India  จะยังเป็นฐานการผลิตสำคัญ สำหรับ  Ford Europe

ส่วนตลาดในประเทศไทยเอง ก็ยังคงผลิตเพื่อภายในประเทศเหมือนเดิม แต่จะตอบโจทย์ทางฝั่งอเมริกาเหนือด้วย  ซึ่งการใช้ยอดารผลิตจากโรงงานในไทยน่าจะตอบความต้องการของลูกค้าในอเมริกาเหนือได้ อีกประการรถยนต์  Ford Ecosport  ที่ผลิตในไทย มีการใช้วัสดุการเก็บสียงต่างๆที่ดีกว่าในเวอร์ชั่นของ   India และมีคุณภาพในการประกอบทีดีกว่า ซึ่งน่าจะสนองตอบตลาดอเมริกาได้พอสมควร

ทั้งนี้ตามรายงานจากบางสื่อในอินเดีย เมื่อเร็วๆ นี้ มีการกล่าวตรงกันส่วนหนึ่งว่า รถยนต์  Ford Ecosport  2016  ที่จะวางจำหน่ายในอเมริกานั้น นอกจากจะมีการอัพเดทเรื่องการไร้ยางอะไรที่ท้ายรถแล้ว อาจจะมีการปรับหน้าตา ให้มีความทันสมัยมากขึ้น ด้วยใบหน้าแบบ  ford Edge  ที่วางจำหน่ายในอเมริกา

 

ที่มา Economic Times

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com

 

[GALLERY1182]