เปิดภาพตัวจริง “Polestar O2” รถไฟฟ้าที่มาพร้อมโดรน ไร้มลพิษทั้งคัน

  • โดย : PR Autodeft
  • 3 มี.ค. 65 00:00
  • 3,837 อ่าน

แบรนด์รถยนต์ภายใต้การดูแลของวอลโว่อย่าง Polestar ได้กลายเป็นรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าเต็ม 100% และแนวคิดเไร้คาร์บอนก็ไม่ใช่แค่คำกล่าวเลื่อนลอย เมื่อ Polestar มีความคิดริเริ่มโครงการ Project Zero ที่จะทำให้ตัวรถและทุกขั้นตอนไม่มีการปล่อยมลพิษเลย

Polestar o2

 

แนวคิดในการผลิต Polestar O2 สร้างขึ้นโดยคำนึงถึงเป้าหมายที่จะมีการปล่อยมลพิษในขั้นตอนการผลิตให้น้อยที่สุด ตัวอย่างเช่น การใช้งานออกแบบโครงสร้างอะลูมิเนียมเพื่อเชื่อมประสานตัวถังรถกับแชสซีส์รวมกัน เป็นขั้นตอนที่ปล่อยมลพิษที่เป็นคาร์บอนได้มากที่สุดของการผลิต ดังนั้นสำหรับ Polestar แล้ว ตั้งแต่เริ่มแรกอะลูมิเนียมจะถูกหลอมด้วยการใช้พลังงานหมุนเวียน เพื่อลดขั้นตอนนี้ออกไปเลย

ผลลัพธ์ทำให้โครงสร้างของรถไม่ได้มีเพียงน้ำหนักที่เบาและแข็งแรงเท่านั้น หากแต่อะลูมิเนียมแต่ละประเภทที่ใช้นั้นจะมีการระบุเกรดด้วย วิธีนี้ช่วยให้เมื่อรถถูกเลิกใช้งานแล้วและนำกลับมารีไซเคิลใหม่ โลหะผสมที่แตกต่างกันจะถูกแยกออกจากกันด้วยความบริสุทธิ์ ซึ่งจะคงคุณสมบัติของโลหะแต่ละเกรดไว้ได้นานขึ้น ทำให้ยืดอายุการใช้งานของวัสดุนั้นได้

อีกตัวอย่างหนึ่งของการลดการใช้ขยะ ปรากฏออกมาในรูปแบบของสิ่งที่ Polestar เรียกว่า "วัสดุเดี่ยว" หรือ “mono-materials” ที่ใช้ในห้องโดยสาร ในรถยนต์แบบเก่านั้น การตกแต่งภายในจะใช้วัสดุหลากหลาย เช่น พลาสติก หนัง ไม้ โลหะ และวัสดุอื่น ๆ ที่ลูกค้าไม่ได้สนใจ วัสดุที่แตกต่างกันเหล่านี้จะถูกรวมเข้าด้วยกันเพื่อความทนทาน และไม่เคยออกแบบมาเพื่อการถอดประกอบ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาต้องนำมารีไซเคิล ทำให้มันแยกออกจากกันได้ยากอย่างเหลือเชื่อ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาและพลังงานมากในการจะทำ หรือไม่อย่างนั้นวัสดุทั้งหมดก็จะถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วโยนทิ้งลงในหลุมฝังกลบไปเสียเลย

ในทางกลับกัน Polestar O2 ได้พัฒนาเทอร์โมพลาสติกชนิดเดี่ยว ที่นำมาใช้ภายในห้องโดยสาร ผลิตจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล ทำหน้าที่เป็นโฟม กาว เส้นใยถัก 3 มิติ และการเคลือบแบบไม่ต้องถักทอในห้องโดยสารของ O2 เมื่อถึงเวลาต้องรีไซเคิลอุปกรณ์ภายใน จึงไม่จำเป็นจะต้องถอดแยกชิ้นส่วนประกอบเหล่านี้

Maximilian Missoni หัวหน้าแผนกออกแบบของ Polestar กล่าวว่า "น่าแปลก.. ที่เรากำลังออกห่างจากวัสดุธรรมชาติ ที่เมื่อจะถูกนำกลับมาใช้นั้นจะต้องผ่านกระบวนการยุ่งยากหลายขั้นตอน"

Missoni กล่าวว่า "การลดปล่อยคาร์บอนเป็นเรื่องใหญ่และยุ่งยากมากที่จะบรรลุผลสำเร็จ แต่เราก็เข้าใกล้มากขึ้นด้วยการเรียนรู้บางอย่างจาก O2" แนวคิดนี้ยังไม่ได้รับไฟเขียว ดังนั้นตอนนี้มันยังคงเป็นดาวเด่นสำหรับ Polestar ซึ่งโครงการที่ 1 ก็ได้จบสิ้นไปแล้ว Thomas Ingenlath ซีอีโอของบริษัทฯ เรียกมันว่า "รถฮีโร่สำหรับแบรนด์ของเรา"

จุดประสงค์ส่วนหนึ่ง คือ การแสดงให้เห็นว่าแพลตฟอร์มของบริษัทฯนั้นมีความหลากหลายเพียงใด การออกแบบเช่นเดียวกับที่รองรับการเปิดประทุนแบบ 2+2 นี้ ยังสนับสนุนแนวความคิด Precept ซึ่งเป็น GT ขนาดใหญ่ที่จะออกสู่ตลาดในชื่อ Polestar 5 ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ตามมาด้วยการออกแบบบางส่วน เช่น ไฟหน้าแบบ "ค้อนเทพเจ้าธอร์" ที่แยกจากกัน รวมทั้งท่อระบายอากาศที่ใช้งานได้เหนือล้อ และไฟท้ายที่ทำหน้าที่เป็นเสมือนใบพัดเพื่อดึงคลื่นอากาศที่ทำให้เกิดแรงต้านจากด้านหลังของรถ

ในฐานะที่เป็นรถเปิดประทุนไฟฟ้าเต็มรูปแบบ O2 ให้คำสัญญาว่าจะมอบประสบการณ์การขับขี่ในรูปแบบใหม่ทั้งหมดเช่นกัน โดยที่รถจะวิ่งไปด้วยความเงียบ พร้อมกับการไร้ซึ่งเสียงจากการเผาไหม้เมื่อเครื่องทำงาน แม้ว่าจะไม่มีเสียงเดินของเครื่องยนต์แล้ว แต่ก็จะยังคงมีเสียงเดินเครื่องในแบบที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

ขณะขับขี่รถอยู่ O2 สามารถปล่อยโดรนติดกล้องซึ่งบินออกมาจากด้านหลังของรถได้ พอประตูด้านหลังเปิดออกและโดรนซึ่งถูกแม่เหล็กที่ติดกับขาตั้งถูกปล่อยออกมา มันจะลอยขึ้นจากช่องเก็บของ โดรนจะบินติดตามรถไปในเส้นทางที่ตั้งโปรแกรมไว้ล่วงหน้า ซึ่งสัมพันธ์กับตัวยานพาหนะ และมันจะทำการบันทึกประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมของผู้ขับขี่ Polestar เพื่อโพสต์ลงในสื่อโซเชี่ยลมีเดียให้คนอิจฉาตาร้อนไปตามๆกัน โดรนสามารถรถติดตามไปได้ตราบใดที่ผู้ขับขี่ยังคงรักษาความเร็วไว้ที่ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงหรือต่ำกว่านั้น แต่ผู้ขับขี่จำเป็นต้องหยุดรถเพื่อให้โดรนกลับสู่ฐานที่เก็บ หรือเมื่อผู้ขับขี่ต้องการตัดต่อวีดีโอหรือแชร์วีดีโอจากหน้าจอแสดงผลส่วนกลางขนาด 15 นิ้วของรถ

ในขณะที่เรากำลังสงสัยว่าลูกเล่นของโดรนจะมานำมาซึ่งการวิพากย์วิจารณ์ แต่เราก็ไม่ได้กังวลอะไรมาก นั่นเป็นเพราะเราคิดว่าเนื้อแท้ของแนวความคิดแบบ O2 จะเป็นวิธีการที่จะทำให้บริษัทฯบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน แม้ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายจะพูดถึงเรื่องนี้ แต่มีเพียงไม่กี่รายที่ใช้แนวทางแบบองค์รวม และแม้เราอาจจะไม่เห็นการผลิตของ O2 ในเร็วๆนี้ แต่ Polestar ก็มีรถรุ่นต่างๆที่มีความทะเยอทะยานสำหรับรอการเผยโฉมไว้สำหรับสามปีต่อจากนี้ อย่างไรก็ตามปรัชญาเบื้องหลังสิ่งเหล่านี้ก็ยังไม่สามารถทำได้อย่างเร็วพอ

ที่มา Autoblog

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com