เปิดตัวรถกระบะ BYD Shark PHEV ใหม่ ในเม็กซิโก วิ่งไฟฟ้า 100% ไกล 100 กม.

  • โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
  • 22 พ.ค. 67 20:50
  • 1,904 อ่าน

ล่าสุดทาง BYD ได้เปิดตัวรถกระบะจากค่ายนามว่า BYD Shark PHEV ในเม็กซิโก ในฐานะรถบรรทุกขนาดกลางที่มีระบบส่งกำลังแบบปลั๊กอินไฮบริด รูปลักษณ์เรียกได้ว่าคล้ายกับ Ford F-150 Lightning อย่างมาก

BYD Shark PHEV

รถกระบะ BYD Shark PHEV ใหม่ มีกระจังหน้า BYD โดดเด่นตรงกลางที่ขนาบข้างด้วยไฟหน้าแนวตั้งและไฟ LED แนวยาวเชื่อมต่อกันด้วยการหุ้มตัวถังพลาสติก ราวหลังคา มีเสาสีดำสนิท และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ประตูท้ายแบบ Ford-esque และไฟท้ายแนวตั้งที่เชื่อมต่อกันด้วยแถบแนวนอน เชื่อมต่อกันด้วยกันชนพร้อมบันไดตรงกลางที่ค่อนข้างกว้าง

BYD Shark PHEV

ขนาดตัวถังใหญ่ที่สุดในระดับเดียวกัน มีความยาว 214.8 นิ้ว (5,457 มม.) กว้าง 77.6 นิ้ว (1,971 มม.) และสูง 75.8 นิ้ว (1,925 มม.)  ซึ่งเทียบแล้วมีความยาวมากกว่า Chevrolet Colorado และ Ford Ranger เล็กน้อย แต่สั้นกว่า Jeep Gladiator 3.2 นิ้ว (81 มม.)

ภายในห้องโดยสารมีแผงหน้าปัดดิจิตอลขนาด 10.25 นิ้ว และระบบอินโฟเทนเมนต์ขนาด 12.8 นิ้ว พร้อมหน้าจอที่หมุนได้อย่างเห็นได้ชัด รองรับการเชื่อมต่อ Android Auto, Apple CarPlay และเทคโนโลยีการจดจำเสียง ยังมีฟังก์ชันคาราโอเกะ ซึ่งช่วยให้เจ้าของรถสามารถร้องเพลงไปพร้อมกับไมโครโฟนมือถือที่เป็นอุปกรณ์เสริมได้อีกด้วย

BYD Shark PHEV

มาพร้อมออพชั่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีกุญแจดิจิทัล เครื่องชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สาย 50W จอแสดงผลบนกระจกหน้าขนาด 12 นิ้ว ระบบสัมผัสที่นุ่มนวล และระบบตรวจสอบมุมมองรอบทิศทางที่สามารถมองเห็นภูมิประเทศใต้ท้องรถได้

BYD Shark PHEV

ขุมพลังประกอบไปด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จขนาด 1.5 ลิตร มีกำลังมากกว่า 430 แรงม้า (321 kW / 436 PS) และอัตราเร่ง 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 กม./ชม.) ภายใน 5.7 วินาที สามารถเดินทางได้ 62 ไมล์ (100 กม.) ด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวตามมาตรฐาน New European Driving Cycle (NEDC) เมื่อแบตเตอรี่เหลือน้อย จะสามารถชาร์จจาก 30% เป็น 80% ได้ในเวลาเพียง 20 นาที

BYD Shark PHEV

มีความสามารถในการบรรทุก 1,841 ปอนด์ (835 กก.) ความสามารถในการลากจูง 5,512 ปอนด์ (2,500 กก.) มีระบบกันสะเทือนหน้าและหลังแบบอิสระ รองรับ V2L และแอปเชื่อมต่อตัวรถที่สามารถั่งการระบบล็อคประตูไปจนถึงระบบควบคุมสภาพอากาศสามารถใช้งานจากระยะไกลได้

ตัวช่วยด้านความปลอดภัยมีระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้ ระบบเตือนการชนด้านหน้า/ด้านหลัง และคำเตือนการชนกันของการจราจรด้านหลัง ระบบเตือนการออกนอกเลน ระบบช่วยเปลี่ยนเลนฉุกเฉิน และระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ

ที่มา carscoops

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ